Chapter 166: ปัญหามากเกินไป! เพียงแค่กำจัดพวกมันในรอบเดียวก็พอแล้ว!
Chapter 166: ปัญหามากเกินไป! เพียงแค่กำจัดพวกมันในรอบเดียวก็พอแล้ว!
ในช่วงเวลาที่เก่าแก่ ส่วนที่สำคัญที่สุดของสงครามไม่ว่าจะสงครามไหนก็ตามนั้นก็คือทรัพยากรของกองทัพ! ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นปัญหาในสงครามยุคใหม่ที่มีมิสไซล์มากมายก็ตาม อย่างไรก็ตามในเกมยุคกลางเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ
ทั้งหมดในทรัพยากร ยารักษานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของเกม นักปรุงยานั้นเป็นหนึ่งในสามอาชีพรองที่โด่งดังมากที่สุดในเกม
มันเป็นความรู้ทั่วไปที่ใครก็ตามที่ได้เป็นนักปรุงยาระดับสูงก่อน พวกเขาจึงจะสามารถสร้างยารักษาระดับกลางได้ พร้อมกับความยากในการได้รับค่าประสบการณ์ของอาชีพรอง มันจึงไม่มีนักปรุงยาระดับสูงเลยแม้แต่คนเดียว! แม้กระทั่งระดับกลางก็หายากเหมือนกับหายูนิคอร์น ไม่ต้องพูดถึงระดับสูงเลย
แม้ว่าไอเทมในร้านค้าที่ขายโดยNPCนั้นจะขายเพียงยารักษาระดับต่ำและมันก็ดีที่สุดที่พวกเขาหาได้แล้ว อะไรบางอย่างแบบยารักษาระดับกลางนั้นไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งในบ้านประมูล ในตอนนี้ ขวดมันเพียงขวดเดียวก็ขายอย่างต่ำห้าสิบเหรียญเงินเป็นอย่างน้อยแล้ว!
ถึงแม้ว่าเสือแห่งความท้าทายและจักรพรรดิไอวรี่นั้นกำลังอารมณ์ดีอยู่นั้น พริมโรสอันนองเลือดและคนอื่นก็ซ่อนการแสดงออกไว้บนหน้าของพวกเธอ พวกเธอไม่คิดเลยว่าสี่คนที่พวกเธอพึ่งเตะออกมานั้นจะเป็นคนที่สร้างยารักษาระดับกลางแบบนี้
ในเวลานั้นเองความเกลียดชังของพริมโรสอันนองเลือดต่อนกแห่งสรวงสวรรค์นั้นก็ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ ถ้าเขาไม่ได้ทำความเสียหารอะไรต่อการกระทำที่ไม่สามารถยกโทษได้ ซึ่งทำให้กิลด์ของพวกเธอสูญเสียสมาชิกอันมีความสามารถไป เนื่องจากเขาบ้ากาม…บางที ถ้าพวกเธอนั้นเข้าร่วมกิลด์อื่นแล้วละก็มันมีโอกาสที่จะพาเธอกลับมา แต่มันเป็นนิกายซวนเฉิน... ซึ่งไม่มีใครจะต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลย
เมื่อเห็นการแสดงออกอันเจ็บปวดของพริมโรสอันนองเลือด หลี่ซัวก็พูดอย่างล้อเลียน “พี่ใหญ่ ได้โปรดอย่าอายไป มันไม่มีสิ่งอื่นที่พวกเราดีเลย”
ถึงแม้รอยยิ้มของหลี่ซัวนั้นจะสดใส มันก็ส่งความเย็นเฉียบจนเสียวสันหลังวาบของทุกคน
“ขอบคุณนะ ขาวน้อย”พริมโรสอันนองเลือดก็หยิบขวดและยิ้ม “ฉันขอโทษจริงๆนะกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั่น!”
“โอ้ ใช่งั้นเหรอ? ฉันเกือบลืมมันไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องนั้นนะ!”หลี่ซัวหัวเราะคิกคัก
เมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างนั้นสบายดีบนพื้นผิล แต่บทสนานั้นก็ทำให้ชายที่อยู่ในนิกายซวนเฉินตื่นตระหนก…มันเป็นเรื่องที่เด่นชัดว่าเธอนั้นยังคงเบื่อกับข้อขัดแย้งนี้ ผู้หญิงคนนี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก...
เมื่อเห็นการแสดงออกของพริมโรสอันนองเลือดอันเลวร้าย ไร้ความกลัวนั้นก็ตัดสินใจที่จะพูดขึ้น “ก็ได้! มันไม่ได้เช้าแล้ว ดังนั้นพวกเราควรที่จะไปต่อกันได้แล้ว!”
“อื้ม…ขอบคุณค่ะ…”หลี่ซัวพยักหน้า
ถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เธอพูด นิกายซวนเฉินนั้นก็เข้าใจ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับหญิงสาวในการเอาชีวิตรอดในโลกแห่งเกม ทั้งสี่คนนั้นต้องการที่จะมีความสงบสุขในการหาเงินของพวกเธอ อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในกองทรัพพริมโรสก็ก่อกวนเธอและไม่มีใครที่จะพูดให้กับพวกเธอ ในตอนสุดท้าย เมื่อพวกเธอถูกไล่ล่า แม้แต่กองทัพพริมโรสก็ไม่พยายามที่จะปกป้องพวกเธอเลย
เมื่อเวลาที่พวกเธอต้องการ มันเป็นนิกายซวนเฉินที่ให้บ้านและโอกาสใหม่กับเธอ มีเพียงแค่นิกายซวนเฉินที่สามารถเข้าใจความรู้สึกอันต่ำต้อยของเธอ
....
ปาร์ตี้ของผู้เล่นยี่สิบคนนั้นเป็นที่จับตามองมาก เมื่อเห็นพวกเขารวมตัวกันตรงทางเข้าของโบสถ์อันนองเลือดก็ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านตกตะลึง
“ไอ้เหี้... คนพวกนี้คือใครกัน? พวกเขาพยายามที่จะทำอะไรกับสมาชิกยี่สิบคนกัน?”
“เบาเสียงลงหน่อย! ไม่เคยได้ยินชื่อของนิกายซวนเฉินงั้นเหรอ? เพียงแค่ดูมัน ฉันก็คิดว่าพวกเขาพยายามที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนระดับฝันร้ายหรือไม่ก็ระดับนรกแล้วละ!”
“ดันเจี้ยนระดับนรก? มึงบ้าเหรอ? พวกเราไม่สามารถที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนชั้นยอดและนายก็คิดว่าพวกเขาจะพยายามเคลียร์ดันเจี้ยนระดับนรกงั้นเหรอ?”
“เหอะ พวกเขานั้นเป็นนิกายซวนเฉิน มันจะมีเรื่องที่คนบ้าไม่กล้าทำด้วยงั้นเหรอ?”
“อึ้ก…”เมื่อได้ยินเสียงคำพูดของแฟนคลับ ผู้เล่นรอบข้างก็พูดไม่ออก
ดันเจี้ยนระดับนรกนั้นแตกต่างไปจากดันเจี้ยนธรรมดา ดังนั้นทางเข้าของมันจึงเป็นรูปแบบเคลื่อนย้าย ด้านข้างก้อนหินสีเงินขนาดใหญ่ซึ่งมันมีไว้จดบันทึกว่าใครเป็นใครใช้มัน
มอนสเตอร์และบอสที่ผู้เล่นจะต้องเผชิญหน้านั้นก็คือร่างกายนหลักของพวกมันพร้อมกับความแข็งแกร่งที่สูงที่สุด ดังนั้นประตูสีแดงเลือดขนาดใหญ่ด้านหน้ารูปแบบเคลื่อนย้ายนั้นก็คือคำเตือน
เมื่อตามคำแนะนำนั้น หวังหยู่ก็ผลักประตู
{แจ้งเตือนระบบ : คุณต้องการที่จะเข้าไปในโบสถ์อันโชกเลือดระดับนรก?}
{ใช่!}
หวังหยู่ก็เลือกตัวเลือก ใช่ และโลกก็มืดลงไปวินาทีหนึ่งก่อนที่จะปรากฏขึ้นด้านในดันเจี้ยนกันทั้งหมด
{แจ้งเตือนระบบ : โบสถ์อันโชกเลือดระดับนรก ได้รับค่าประสบการณ์ 1000 หน่วย}
{แจ้งเตือนระบบ : คุณได้รับเควส “หลอมรวมเข้าสู่ความมืด” ความยากระดับ A เคลียร์ดันเจี้ยนโบสถ์อันโชกเลือด 0/1
อัตราความสำเร็จ 0%
สถานะ : ในการต่อสู้}
ระบบสำเร็จนั้นคือระบบใหม่ที่ถูกนำเสนอมาใน {REBIRTH}
ผู้คนที่เล่นเกมมาเพียงพอนั้นจะรู้ว่าตราบเท่าที่พวกเขาฆ่าบอสใหญ่ได้ พวกเขาก็จะเคลียร์ดันเจี้ยนได้ กิลด์ใหญ่ๆส่วนใหญ่นั้นก็จะข้ามบอสตัวอื่นและก็จะฆ่าเพียงแค่บอสตัวสุดท้าย
ทุกดันเจี้ยนในเกมนั้นเป็นหยาดเหงื่อและเลือดของนักออกแบบ ดังนั้นพวกเขาจะปล่อยมันไว้อย่างนั้นได้ยังไงกัน? ถ้าผู้เล่นเพียงแค่ข้ามผ่านสภาพแวดล้อมของสังคมและบอสที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นจะไม่ลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์งั้นเหรอ?
ด้วยเหตุนี้นี่เอง การแก้ไขปัญหาของนักออกแบบนั้นก็คือระบบความสำเร็จนี้ ยิ่งบอสที่ผู้เล่นฆ่ามากเท่าไหร่ก็จะได้อัตราสำเร็จสูงมากยิ่งขึ้นและก็ได้รับรางวัลที่สูงยิ่งกว่า!
โบสถ์อันนองเลือดระดับนรกนั้นมืดและมีออร่ากดดันมากยิ่งกว่าปกติ พระจันทร์สีแดงเลือดนั้นก็ถูกซ่อนไว้อยู่หลังเมฆหมอกและมันดูน่าขนลุกซึ่งมันมาจากภูเขารอบข้าง มันก็ยังคงมีกลิ่นเนื้อเน่าเหม็นลอยละล่องอยู่รอบๆและมันทำให้บรรยกาศอันพิลึก
เมื่อเปิดแผนที่ขึ้นมาดู พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าโบสถ์อันโชกเลือดนั้นขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น!
ในระดับชั้นยอด มันมีเพียงแค่สามพื้นที่ สนามหญ้า โถงทางเดิน และด้านในห้องบูชา
ในดันเจี้ยนระดับนรก มันใหญ่กว่าพื้นที่สำเร็จได้มากกว่าสามเท่า!
หลังจากมองไปที่แผนที่อยู่ชั่วครู่หนึ่งและพื้นที่รอบข้าง ไร้ความกลัวก็พูดขึ้น “มอนสเตอร์ด้านในต่างมีระดับอย่างน้อยก็ 40 พวกที่ไม่ได้มีอุปกรณ์ที่ดีหรือมีระดับที่ต่ำ ได้โปรดยืนอยู่ด้านหลังและอย่าวิ่งไปรอบๆ!”
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ มู่จี่เซียนและกลุ่มของหลี่ซัวก็เดินไปด้านหลังของปาร์ตี้อย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อดาร์คนอร์ทฟิชเชอร์นั้นกำลังจะกลับไป หมิงตู่ก็ดึงเขาไว้อย่างฉับพลันและแสยะยิ้ม “นายกำลังจะไปไหนกัน เฒ่าปลา?”
“ไปด้านหลัง! อุปกรณ์และระดับของฉันยังไม่พอในตอนนี้! ฉันคิดว่าฉันจะไม่สามารถทำความเสียหายกับมอนสเตอร์ที่นี่ได้เลยด้วยซ้ำ..”ดาร์คนอร์ทฟิชเชอร์บ่น
เมื่อขโมยสายตาของหญิงสาวแล้ว หมิงตู่ก็ยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้ตระหนักว่านายจะหลักแหลมขนาดนี้..ไปเถอะ ฉันได้ยินว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะเลิกอกหักโดยการหาสาวใหม่…”
เมื่อได้ยินดังนี้ การแสดงออกของดาร์คนอร์ทฟิชเชอร์ก็พุ่งมากขึ้นในทันทีและเขาก็ยืนอยู่ด้านข้างหมิงตู่และประกาศ “ถ้างั้น ฉันจะไม่ไป! ฉันจะยืนอยู่ที่นี่!”
“เฮะ เฮะ เฮะ มันจะต้องเป็นแบบนั้นสิ! ทางที่ดีอย่าให้มอนสเตอร์เข้ากับฉัน เข้าใจไหม?”
เมื่อพูดคุยกับหมิงตู่แล้วมันก็ทำให้ดาร์คนอร์ทฟิชเชอร์ต้องการจะฆ่าไอ้เหี้..นี่ทิ้งซะ
“ดาบน้ำแข็ง ไปเปิดประตู!”หลังจากที่ทุกคนยืนอยู่ในตำแหน่ง ไร้ความกลัวก็เริ่มที่จะออกคำสั่ง
เมื่อเดินไปด้านหน้านั้น ดาบน้ำแข็งก็เอาอุปกรณ์เล็กๆและใส่มันเข้าไปในช่องรูกุญแจ
“แคร๊ก!”โดยเวลาไม่นาน ตัวล็อคก็เปิดออกและล่วงหล่นลงบนพื้น
ทันทีที่ประตูเปิดออกมา กลุ่มของค้างคาวสีดำก็พุ่งตัวและบินขึ้นไปบนฟากฟ้าสีดำ
“นายคือใครกัน? นายมีที่นี่เพื่อที่จะรบกวนการหลับไหลของผู้ที่ล่วงหล่นงั้นเหรอ?”เพียงแค่พวกเขาเข้าไปในสนามหญ้า น้ำเสียงอันมืดมนและเย็นเฉียบก็สะท้อนก้องไปและกองทัพโครงกระดูกก็ค่อยๆคลานออกมาจากหลุมศพของพวกมัน
ทหารโครงกระดูกต่างมีกระดูกสีดำ ซึ่งมันดูเหมือนกับมีภาษาลึกลับถูกเขียนไว้บนตัวของพวกมัน อาวุธที่พวกมันถือมันไม่ได้พังเหมือนกับตัวชั้นยอด มันดูใหม่และคมอย่างไม่น่าเชื่อ
{นักรบโครงกระดูก (ระดับ 35) (ชั้นยอด)}
พลังชีวิต : 100000
มานา : 1000
สกิล : [การโจมตีอันหนักหน่วง] [ฟาดฟัน]
“พลังชีวิต 100000 หน่วยงั้นเหรอ???”เมื่อได้ยินค่าสถานะของโครงกระดูกของนักรบนั้นก็ทำให้พริมโรสอันนองเลือดร้องออกมาด้วยความตกตะลึง แม้ว่ามอนสเตอร์ปกติในดันเจี้ยนระดับนรกนั้นก็มีพลังชีวิตมากกว่าบอสปกติเสียอีก!
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ? มันยากเกินไปงั้นเหรอ?”หวังหยู่หันกลับไปถาม เขาเห็นมอนสเตอร์นับไม่ถ้วนที่มีค่าสถานะแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าพวกเธอนั้นทำตัวเว่อเกินจริง
“ไม่….ให้นักธนูของพวกเรานั้นลากออกมาทีละตัว ทีละตัวงั้นเหรอ?”พริมโรสอันนองเลือดถามอย่างระมัดระวัง
นี่คือวิธีการทั่วไปของผู้เล่นที่ใช้ในการเคลียร์ดันเจี้ยนความยากระดับสูงแบบนี้ เมื่อเป็นผู้นำกิลด์ พริมโรสอันนองเลือดก็คุ้นเคยกับกลยุทธ์แบบนี้
เมื่อมองไปยังสนามหญ้า รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็หัวเราะเบาๆ “มันมีนักรบโครงกระดูกทั้งหมดสิบห้าตัว…มันสร้างปัญหามากเกินไป ดังนั้นพวกเราควรที่จะเคลียร์พวกมันด้วยกัน!
“เคลียร์มันด้วยกันงั้นเหรอ? แต่มอนสเตอร์ชั้นยอดระดับ 35 แบบนี้นี่นะ! พวกเราจะโดนกวาดล้างแบบนั้นนี่นะ?”พริมโรสอันนองเลือดถามขึ้นอย่างกังวล
มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนก็มีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งกว่าด้านนอก ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นเกมอะไร ผู้เล่นก็จะพยายามที่จะล่อพวกมันทีละตัว ทีละตัว ดังนั้นพวกมันจะได้ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเอง
วิธีการนี้เป็นที่รู้จักในการ “วิธีการลาก”และผู้เล่นจะต่อล่อมอนสเตอร์พวกมันมาทีละตัว ทีละตัว ก่อนที่จะจัดการบอสในพื้นที่
เมื่อชิวิธีการนี้นั้นจะมีความต้องการระดับต่ำที่สุดของผู้เล่นในสมาชิก ตั้งแต่ที่พวกเขานั้นจะดักมอนสเตอร์
เมื่อดึงดูดมอนสเตอร์ทั้งหมดในครั้งเดียวนั้นจะยากอย่างไม่น่าเชื่อและมันเสี่ยงมากซึ่งมันจำเป็นที่ผู้เล่นทุกคนจะต้องมีอำนาจ ปกติแล้ว มันมีผู้เล่นเพียงสองประเภทที่จะใช้วิธีการนี้ก็คือ มือใหม่และผู้เชี่ยวชาญ!
ผู้เล่นใหม่นั้นก็ไม่เข้าใจวิธีการทำงานของดันเจี้ยน ดังนั้นพวกเขาจะพุ่งเข้าไปอย่างมั่วซั่วและสุดท้ายก็ถูกล้อมรอบก่อนที่จะโดนสังหาร
ในอีกทางหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญนั้นพึ่งพาความสามารถของตัวเองและจังหวะในการลากมอนสเตอร์มาพร้อมๆกันและฆ่าพวกมันทั้งหมดเพื่อที่จะช่วยประหยัดเวลา
แน่นอนการที่จะทำแบบนี้ให้สำเร็จนั้นจะต้องมีระดับและค่าสถานะที่สูงเพียงพอ แม้ว่าอัตราสำเร็จของมันจะต่ำ พร้อมกับมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่าพวกเธอสิบระดับ มันจะเป็นการท้าทายอย่างมาก ไม่ว่าพวกเธอจะมีความสามารถมากแค่ไหน
นอกจากนี้ ในช่วงเวลานี้ของเกม ผู้เล่นส่วนมากต่างมีระดับต่ำและอุปกรณ์ที่อ่อนแอ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะพยายามเคลียร์ดันเจี้ยนชั้นยอดพร้อมกับวิธีการนี้ ส่วนมากมันก็จะล้มเหลว
การที่จะพยายามเคลียร์มอนสเตอร์แบบนี้ในดันเจี้ยนระดับนรกนั้นไม่ใช่การฆ่าตัวตายงั้นเหรอ?
เมื่อเมินเฉยคำถามของพริมโรสอันนองเลือด รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็ถามคนอื่น “ดังนั้น? คนอื่นมีความคิดดีๆไหม?”
“เลิกไร้สาระได้แล้ว ไปแสดงให้เห็นกันเถอะ!”ความทระนงตัวตะโกนอย่างตื่นเต้นในขณะที่คนอื่นพยักหน้ากับคำพูดของเขา
ถึงแม้ว่าเสือแห่งความท้าทายจะไม่โอเค เขาก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงออกมา ตั้งแต่ที่หน่วยหลักนั้นเป็นนิกายซวนเฉินซึ่งตกลงไปเรียบร้อยแล้ว
ดาร์คนอร์ทฟิชเชอร์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและก็ใช้ [หลบซ่อน] ตั้งแต่ที่เขามีระดับเพียงแค่สิบห้า มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ถ้าเขานั้นหายไป
พร้อมกับการโบกคทา รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็สร้างหมอกควันพิษขนาดใหญ่และขว้างมันเข้าใส่นักรบโครงกระดูก
[กาฬโรค] มันเป็นสกิลระดับ 20 ของหมอผีนั้นจะทำให้ศัตรูความเร็วลดลงภายใต้เมฆหมอกในขณะที่ทำความเสียหายอย่างต่อเนื่อง
โดยปราศาจากการหยุดยั้ง หมอกพิษก็ยังคงพวยพุ่งออกมาจากคทาของรัศมีฤดูใบไม้ผลิ ในเวลานั้นเอง นักรบโครงกระดูกทุกตัวในสนามหญ้าก็ติดผลกระทบโดยสกิลของเขาและก็หันกลับมาและเดินเข้าหาพวกเขา