ตอนที่ 30 ฮังฉานที่เข้ามาขวางทาง
ดาบของหลิงฮันพุ่งออกไปในเวลาพอเหมาะ อสูรหมอกพิษที่มัวแต่ป้องกันการโจมตีผสานของลิ่วตงและพรรคพวกทำให้เจิดจุดอ่อนและสร้างโอกาสให้กับหลิงฮัน
“ฟึบ!” ดาบที่หวัดแกว่งออกไปดูราวกับทวยเทพที่ลอยลงมาจากสวรรค์
เกิดเสียงดัง‘สวบ’ขึ้น ดาบที่พุ่งออกไปได้ทะลวงตาขวาของอสูรหมอกพิษลึกลงไปจนถึงภายในร่างกายของมัน
“ตุบ!” อสูรหมอกพิษล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรง มันถูกสังหารด้วยการโจมตีเดียว!
“อะไรกัน!”
ลิ่วตงและคนอื่นๆ รวมทั้งจูเซว่อวี่ที่กำลังแอบอยู่สูดหายใจลึกด้วยความตะลึง
นั่นคืออสูรหมอกพิษ หนึ่งในสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับหลอมกายา! แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังโดนสังหารในการโจมตีเดียว! จะให้พวกมันยอมรับเรื่องที่เหลือเชื่อแบบนี้ได้อย่างไร?
พวกมันสูดหายใจตกตะลึงได้ไม่นานก็ต้องรีบวิ่งออกมาจากจุดเดิมเพราะดันเผลอสูดพิษเข้าไปตอนที่ตะลึง เพราะงั้นพวกมันจึงต้องรีบโคจรทักษะบ่มเพาะเพื่อลบล้างพิษให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอวัยวะภายในของมันพวกต้องเน่าสลายแน่ๆ
หลังจากโคจรทักษะเพื่อลบล้างพิษเสร็จ ลิ่วตงเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาหาหลิงฮันและแตะไหล่ของเขา “ข้านึกว่ากลัวจนขยับไม่ได้เสียอีก แต่ที่จริงเจ้ากลับแข็งแกร่งขนาดนี้ การโจมตีของเจ้าเมื่อกี้ช่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก”
“ฮ่าๆ เพียงการโจมตีเดียวก็สามารถสังหารอสูรหมอกพิษได้ น้องชายหลิงช่างแข็งแกร่งจริงๆ!” หลีเฮาพูดออกมา การที่ได้เห็นเพลงดาบที่เฉียบขาดแบบนี้ ในฐานะของผู้ใช่กระบี่แล้วมันรู้สึกตื่นเต้นอย่างหาที่ใดเปรียบ
หลิงฮันทำเพียงยิ้มออกไป เมื่อครู่อสูรหมอกพิษได้มุ่งความสนใจไปที่ลิ่วตงและคนอื่นๆ จึงทำเขามีโอกาสสังหารมันในการโจมตีเดียว
ถ้าเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว หลิงฮันไม่มีทางที่จะสู้กับอสูรหมอกพิษได้ นอกเสียจากว่าเขาจะได้รับยาต้านพิษมาก่อนล่วงหน้า
หลังจากที่หมอกพิษในอากาศเริ่มจางหายไปแล้ว พวกเขาเข้าไปเด็ดผลจิตวิญญาณโดยที่ไม่ทำให้ต้นของมันได้รับความเสียหาย
ในตอนแรกพวกเขาวางแผนจะถอนต้นของผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์มาทั้งราก แต่ตอนนี้อสูรหมอกพิษได้ตายลงไปแล้วพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เพราะอย่างไรมันก็ถือว่าเป็นสมุนไพรวิญญาณทางธรรมชาติ การสร้างความเสียหายให้มันก็เท่ากับเป็นการทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกันของธรรมชาติ
ผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งเจ็ดลูก พวกเขาแต่ละคนได้รับคนละลูก อย่างไรก็ตามมันไม่จำเป็นสำหรับหลิวอู๋ตงนางจึงจะมอบให้หลิงฮันทีหลัง
“หึ! ทิ้งผลจิตวิญญาณลงซะ!” พวกเขาได้ยินเสียงอันเย็นชาดังขึ้นและมีชายสองคนเดินออกมา หนึ่งคนอยู่ด้านหน้าส่วนอีกคนอยู่ด้านหลัง เป็นรุ่นเยาว์คนหนึ่งและชายชราอีกคนหนึ่ง ชายหนุ่มรุ่นเยาว์ดูแล้วน่าจะอายุประมาณยี่สิบปีกว่าๆ ส่วนชายชราดูแล้วน่าจะประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบปีโดยที่หัวเต็มไปด้วยเส้นผมสีขาว
คนที่พูดออกมาคือฝ่ายรุ่นเยาว์ มันเดินอยู่ข้างหน้าโดยมีชายชราเดินตามหลังราวกับเป็นคนรับใช้
หลิงฮันมองไปยังคนทั้งสองที่กำลังใกล้เข้ามา ด้วยสายตาของจอมยุทธระดับสวรรค์เขาสามารถบอกได้ทันทีว่ารุ่นเยาว์คนนั้นอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเก้าส่วนชายชราอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นเก้า!
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันถึงได้ทำตัวโอหังแบบนั้น?” ลิ่วตงยืนขึ้นและตะโกนไปยังชายหนุ่มไม่ทราบชื่อในทันที
อย่างไรก็ตาม สายตารุ่นเยาว์คนนั้นได้กวาดมองไปยังเรือนร่างและใบหน้าอันแสนงดงามของจูเซว่อวี่ บนใบหน้าของมันแสดงออกถึงความใคร่และพูดออกมาอย่างดูถูก “เจ้าไม่รู้ว่าข้า ฮังฉานผู้นี้เป็นใครงั้นรึ? ฮ่าๆ แต่ว่าเจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อของนิกายหมาป่าหินผาสินะ? ข้าคือหลานคนโตของผู้อาวุโสเจ็ดแห่งนิกายหมาป่าหินผา!”
นิกายหมาป่าหินผา!
พอได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของลิ่วตงและคนอื่นๆได้เปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว
ในแคว้นพิรุณ จะไม่สามารถแต่งตั้งกลุ่มตนเองให้เป็นนิกายหรือพรรคขึ้นมาอย่างง่ายๆได้
สมาคม นิกาย พรรค ฝ่าย แบ่งและเรียงอำนาจจากมากที่สุดไปน้อยที่สุดได้สี่ระดับตามนี้ กลุ่มคนที่มีจอมยุทธในระดับห้วงจิตวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถก่อตั้งสมาคมขึ้นมาได้ ส่วนระดับก่อเกิดธาตุสามารถสร้างนิกายขึ้นมาได้ และกลุ่มที่มีจอมยุทธในระดับรวมธาตุสามารถก่อตั้งพรรคขึ้นมาได้ ส่วนฝ่ายนั้นถือได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจน้อยที่สุด
นิกายหมาป่าหินผาคือนิกายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระยะพันไมล์นี้ จากข่าวลือแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งเก้าเป็นจอมยุทธที่อยู่ในระดับก่อเกิดธาตุทุกคน ส่วนผู้นำนิกายนั้นอยู่ในจุดสูงสุดของระดับก่อเกิดธาตุขั้นที่เก้า
ถ้าฮังฉานพูดความจริงและปู่ของมันเป็นผู้อาวุโสเจ็ดของนิกายหมาป่าหินผาจริงๆ ถ้าอย่างนั้นแล้วมันก็มีเบื้องหลังที่น่ากลัวมาก!
“ฮ่าๆๆๆ ทีนี้รู้รึยังว่าข้าเป็นใคร? ทิ้งผลจิตวิญญาณไว้และพวกเจ้าทุกคนจงหักแขนตัวเองคนละข้างแล้วไสหัวไปซะ! แต่ว่าสตรีสองนางนั้นจะต้องอยู่ที่นี่!” ฮังฉานมองไปยังหลิวอู๋ตงอีกครั้ง ถึงแม้มันจะไม่สามารถมองเห็นหน้าตานางได้ แต่แค่เรือนร่างอันสง่างามของนางก็ทำให้หัวใจมันเต้นแรงแล้ว
ด้วยประสบการณ์ที่มันพบเจอกับสตรีมามากมาย สตรีนางนี้จะต้องงดงามมากแน่ๆ
ลิ่วตงและพรรคพวกโมโหเป็นอย่างมาก มันสามารถยอมทิ้งผลจิตวิญญาณไว้ได้ แต่จะให้พวกมันแต่ละคนหักแขนตัวเอง? หากจอมยุทธทำแบบนั้นก็เหมือนกับการทำลายอนาคตของตนเอง!
จูเซว่อวี่สั่นสะท้าน นางรู้ดีว่าทำไมมันถึงต้องการให้นางอยู่ที่นี่ นางรู้สึกรังเกียจ โมโหและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
“เจ้ายังคิดจะต่อต้านข้า?” ฮังฉานยิ้มอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโสอู่ ทำให้พวกมันสิ้นหวังซะ!”
“ขอรับ นายน้อย!” ชายชราผมขาวข้างหลังมันตอบด้วยความเคารพก่อนที่เดินมาหาพวกเขาอย่างช้าๆ
ในตอนแรกมันเดินหลังค่อมดูเป็นผู้สูงอายุ แต่ตอนนี้หลังของมันเหยียดตรงขึ้นมาและกลิ่นอายของมันได้เพิ่มเรื่อยๆ ทำให้พวกลิ่วตงหน้าซีดในทันที
ระดับรวมธาตุขั้นเก้า!
ความจริงแล้วเมื่อสักครู่ลิ่วตงกับพรรคพวกไม่สามารถบอกได้ว่าผู้อาวุโสอู่มีระดับพลังเพาะเท่าใด พวกมันรู้เพียงว่าเขาแข็งแกร่งกว่าพวกมันอย่างมากจนเทียบไม่ติด แต่ถึงจะไม่ใช่ระดับรวมธาตุขั้นเก้าแต่เป็นขั้นอื่น ไม่ว่าขั้นใดก็สามารถจัดการรุ่นเยาว์ระดับหลอมกายาเพียงไม่กี่คนได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามืออยู่แล้ว
พวกมันจบแล้ว!
ลิ่วตงและคนอื่นๆใบหน้าซีดเผือด ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่อยากแต่ก็ต้องยอมรับว่าเบื้องหลังของพวกมันไม่สามารถเทียบได้กับฮังฉาน อีกทั้งพลังต่อสู้ของพวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรในตอนนี้ได้ด้วย
“เจ้าจงถอดผ้าคลุมหน้าออกซะ!” ฮังฉานพูดออกมาพร้อมกับชี้ไปที่หลิวอู๋ตง ยิ่งมันมองไปยังเรือนร่างของนางมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอยากจะเห็นในหน้าของนางมากเท่านั้น
หากหน้าตาของหลิงอู๋ตงไม่งามเหมือนกับที่มันคิดไว้ มันจะสังหารนางในการโจมตีเดียวข้อหาที่ทำให้มันคาดหวังอย่างเสียเปล่า
แล้วผลลัพธ์ที่จะตามมาล่ะ?
แน่นอนว่าฮังฉานไม่แม้แต่จะคิดเรื่องแบบนั้น นิกายหมาป่าหินผาเป็นราชาในพื้นที่นี้ ตราบใดที่มันไม่ทำอะไรล่วงเกินแคว้นพิรุณ แล้วจะมีปัญหาอะไรหากมันจะฆ่าคนสักหนึ่งหรือสองคน?
หลิวอู๋อู่ตงยืนนิ่งไม่ตอบสนองอะไรแม้แต่น้อย
“หืม? เจ้าไม่ยินที่ข้าพูดรึไง?” ฮังฉานอารมณ์เสียเล็กน้อย ตัวมันที่ยิ่งยโสและชอบออกคำสั่งต่อคนอื่น สิ่งที่ทำให้มันโกรธที่สุดคือการที่มีคนไม่ฟังคำสั่งของมัน
หลิวอู๋ตงมองไปยังหลิงฮัน หลังจากเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขา นางจึงยื่นมือขึ้นไปยังผ้าคลุมหน้าและค่อยๆถอดมันออกอย่างช้าๆ
ราวกับบริเวณรอบๆเกิดแสงสว่างขึ้นมา
ในโลกนี้มีสตรีที่งดงามขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร?
ในตอนแรกลิ่วตงและคนอื่นๆตกตะลึงจนถึงกับลืมหายใจ แต่เมื่อคิดว่าสตรีที่งดงามขนาดนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของฮังฉาน พวกมันก็รู้สึกสงสารขึ้นมาในทันที
แน่นอนว่าฮังฉานจะต้องตกใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก มันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาพบกับสตรีที่งดงามขนาดนี้ ดวงตาทั้งสองข้างของมันเปิดกว้างจนเกือบจะหลุดออกมา มันหัวเราะลั่นและพูด “แม่นางผู้งดงาม มาทางนี้ซะ!”
“นายน้อยระวังตัวด้วย นางอยู่ในระดับรวมธาตุ!” อาวุโสอู่พูดขึ้นมาในทันที ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของมันเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
มันไม่สามารถบอกระดับพลังที่แท้จริงของสตรีนางนี้ได้!
คนเราจะสามารถมองเห็นระดับพลังบ่มเพาะของคนที่มีระดับต่ำกว่าตนเองได้ แต่นั่นจำเป็นต้องให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในระยะที่ไม่ไกลกันเกินไป อย่างเช่นผู้อาวุโสอู่ที่พลังมีพลังต่ำกว่าหลิวอู๋ตง เขาสามารถบอกได้แค่ว่าหลิวอู๋ตงอยู่ในระดับรวมธาตุแต่ไม่สามารถบอกระดับพลังของนางออกมาได้อย่างชัดเจน
ลิ่วตงและคนอื่นๆ รวมถึงฮังฉานตกอยู่ในความตะลึงและแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**