ตอนที่แล้วตอนที่ 133 ข้างบนนั้นหนาวเกินไป (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 135 รำดาบ (FREE)

ตอนที่ 134 หนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง (FREE)


ในตอนนี้ แม้แต่ เหยียน ซิว เองก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนที่เย่อหยิ่งอย่าง ฉือ กูเหยียน จะออกปากเชิญ ฟาง เจิ้งจือ?

ไปนั่งด้วยกัน!

เหยียน ซิวเป็นคนที่ไม่ได้คิดมากเรื่องพื้นเพทางบ้านหรือชาติกำเนิดเท่าไรนัก แต่ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา...

คนหนึ่งคือคุณหนูแห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่มีพรสวรรค์มากกว่าใครๆในอาณาจักรเซี่ย ทั้งยังเป็นผู้ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองอีกด้วย และในอนาคตคงได้ขึ้นเเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งของอาณาจักรเซี่ยเป็นแน่

 

ส่วนอีกคนหนึ่ง..?

เขาเป็นเพียงนักปราชญ์จากหมู่บ้านที่ห่างไกลที่ไม่เคยเข้าไปในหอแห่งเต๋าเลยสักครั้งเดียว

ทั้งสองคน ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่ควรจะรู้จักกันมาก่อน?

 

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ...

ไม่นานมานี้ ฉือ กูเหยียน ออกใบประกาศจับ ทั้งกล่าวหา และใส่ความ ฟาง เจิ้งจือ แต่ตอนนี้นางกลับ...

นางคิดอะไรอยู่กันแน่?

เพียงเพราะ ฟาง เจิ้งจือ ได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบทั้งสองระดับเมืองหลวงงั้นรึ?

ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

 

"อย่าบอกข้านะว่า ระหว่างเขาทั้งสองคน มีความลับที่คนอื่นไม่รู้?" เหยียน ซิว คิดไม่ออกเลยว่ามันคือเรื่องอะไรกัน

เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างพากันอ้าปากค้าง บุคคลที่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ชนะของการทดสอบทั้งสองระดับเมืองหลวงนั้นได้รับความสนใจขนาดนี้เลยงั้นหรือ?

ที่นั่งนั้น ...

นอกเหนือจากผู้นำของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่งเช่น ราชาต้วน หรือไม่ก็ต้องเป็นองค์ชายเท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นไปนั่งที่นั่งหลักได้?

แต่คนสามัญชน...

ทำไมกัน?

...

 

จริงๆแล้ว ฟาง เจิ้งจือ เองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไม เพราะเมื่อคำพูดจากปากของนางสิ้นสุดลง เขาก็รู้สึกว่าคำพูดของนางนั้นน่าสงสัย

มองไปที่ดวงตาอันสดใสของ ฉือ กูเหยียน

ข้างบนนั้นหนาวเกินไป?

ใช่ข้างบนนั้นต้องสูงมากด้วย!

 

คำเชิญของ ฉือ กูเหยียน ดูเหมือนจะทำให้เขาดูสู่งส่งและมีเกียรติมากขึ้น แต่ดูเหมือนความสูงส่งนี้จะนำมาซึ่งความวุ่นวาย

ตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่ได้นั่งบนที่นั่งหลักแล้วงั้นหรือ?

แน่นอนว่า ไม่!

ดังนั้นสถานการณ์ของ ฟาง เจิ้งจือ ในตอนนี้จึงเป็นเหมือนที่นางพูด ข้างบนนั้นหนาวเกินไป

ตอนนี้เขาก็เข้าใจในทันทีว่าทำไม ฉือ กูเหยียน ถึงออกใบประกาศจับเขา ฉือ กูเหยียน ต้องการจะให้เขาเป็นที่สนใจของผู้คน

หากไม่มีใบประกาศจับ การรวมตัวของเหล่านักปราชญ์ที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์คงไม่เกิดขึ้น และการทดสอบคงจะไม่ยากเย็นเช่นนี้

แต่...

เขาก็ยังคงได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบทั้งสองที่เมืองหลวงแม่น้ำแห่งความสัตย์อยู่ดี

ผลลัพท์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ ฉือ กูเหยียน ต้องการเห็น ดังนั้นในงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ ฉือ กูเหยียน จึงต้องการดึงเขาขึ้นมาบนที่สูงอีกครั้งเพื่อให้ผู้คนเกลียดเขามากยิ่งขึ้นไปอีก

 

แต่คราวนี้ ...

มันดูจะสูงเกินไปเสียหน่อย

ถ้าข้าไปนั่งที่นั่น ข้าคิดว่าเหล่านักปราชญ์ทั่วอาณาจักรเซี่ยคงจะไม่พอใจเป็นแน่

ผลสุดท้าย ผู้คนที่ต้องกานนั่งบนที่นั่งหลักเพื่อที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังในข้ามคืนย่อมเข้ามาท้าทาย ฟาง เจิ้งจือ จากนั้นก็ป่าวประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่า 'ดูสิ ข้าจัดการ ฟาง เจิ้งจือ ผู้นั่งบนที่นั่งหลักในงานเฉลิมฉลองกองตรวจการได้แหละ!"

ฟาง เจิ้งจือ จะพอใจได้ยังไง?

สำหรับ ฟาง เจิ้งจือแล้ว ตอนนี้เขากำลังจะได้ไปนั่งบนตำแหน่งที่นักปราชญ์ต่างใฝ่ฝัน

 

ถ้าเขาไปนั่งตอนนี้ ไม่ตาย ก็คงพิการ

ตัวเขาเองก็เดาไม่ได้

ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจในจุดนี้ หลังจากช่วงเวลาแห่งความตกใจผ่านไป ฉือ เฮา และเหล่าเจ้าหน้าที่ชั้นสูงก็เริ่มเข้าใจแบบที่ ฟาง เจิ้งจือ คิด ลองนึกถึงเรื่องที่ ฉือ กูเหยียน ออกใบประกาศจับก่อนหน้านี้ และในครั้งนี้ที่เชื้อเชิญ ฟาง เจิ้งจือ ไปสู่ความตาย...

ความตกใจบนใบหน้าของพวกเขาก็เริ่มกลายเป็นความเยาะเย้ย

 

ลู่ ยู่เฉิน ไม่เข้าใจแต่เขาก็พอจะนึกถึงผลที่ตามมาได้ เพราะเขาได้เห็นถึงแววตาที่เป็นประกายของเหลานักปราชญ์โดยรอบ

นั่นเป็นเหมือนประกายความดุร้ายราวกับสัตว์ป่าที่พบเหยื่อของมัน

ณ ตอนนี้ เหยียน ซิว ก็เข้าใจในทันที ริมฝีปากของเขาแยกออกเล็กน้อย ขณะที่เขาพยายามจะห้ามปราม ฟาง เจิ้งจือ เขาก็เห็น ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวเล็กน้อยให้กับเขา

ฟาง เจิ้งจือ รู้ดีว่าการปฏิเสธเป็นแผนที่ไม่ดีเท่าไหร่

หากนึกถึงเหตุการณ์หลังจากการปฏิเสธ ฉือ กูเหยียน คงจะเชิญเขาต่อไป

 

ถ้าเขาเป็น ฉือ กูเหยียน

เขาก็จะเชิญอีก เซ้าซี้เชิญไปเรื่อยๆ

และเมื่อถึงตอนนั้น ฉือ กูเหยียน จะถูกมองว่าเป็นผู้มีเมตตาไม่ตัดสินคนจากตระกูล ครอบครัว แล้วตัว ฟาง เจิ้งจือละ? แน่นอนคงจะกลายเป็นคนร้ายในสายตาผู้อื่น

ไม่ว่าจะเลือกทางไหน เขาก็จะถูกคนอื่นตามฆ่าอยู่ดี

ความต่างก็คือ ถูกฆ่าในที่สูง หรือถูกฆ่าในที่ต่ำ

"รุกฆาต!"

ขึ้นไปนั่งก็ต้องตาย ไม่ขึ้นไปนั่งก็ตายอยู่ดี!

"ได้โปรด นายน้อยฟาง!" ฉือ กูเหยียน เห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เดินตามไป นางโค้งตัวลงเพื่อขอร้องอีกครั้ง ตามปกติแล้วการกระทำเช่นนี้มักใช้กับคนชั้นสูงด้วยกันเท่านั้น

 

เมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่ในงานเฉลิมฉลองเห็นเช่นนั้น พวกเขาต่างพยักหน้าทันที

"สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสอง!"

"กับแค่การได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบทั้งสองระดับเมืองหลวงกลับได้รับความสนใจขนาดนี้ อยาหจะลองส่งเขาไปสนามรบเสียจริง อยากจะรู้จริงๆว่าเขาจะทำอะไรได้ ?"

"ลูกสาวของท่านช่างเยี่ยมยอด คงได้รับการสั่งสอนจากท่าน ฉือ เฮา มาเป็นอย่างดี! "

ไม่มีใครสนใจถึงเหตุผลที่ ฟาง เจิ้งจือ ได้ขึ้นไปนั่งบนที่นั่งหลัก เพราะตอนนี้สิ่งที่ ฉือ กูเหยียน แสดงให้เห็นคือ แม่ทัพที่เอาใจใส่ผู้คนและไม่ถือตัว

ฉือ เฮา เองก็ลุกขึ้นยืน และมองไปทาง ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยนราวกับสายลมที่พัดผ่านในฤดูใบไม้ผลิ

ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าในตอนนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ประตูแห่งความตายเสียแล้ว ในงานเฉลิมฉลองกองตรวจการที่ยิ่งใหญ่ เขาเป็นแค่ใบหญ้าเล็กที่จะโดนบดขยี้โดยใครก็ได้

ความสามารถของเขายังน้อยเกินไป

ทั้งเวลา สถานที่ และผู้คน ...

 

เมื่อ 8 ปีก่อน เขาพ่ายแพ้ให้ ฉือ กูเหยียน แต่เขาใช้ประโยชน์จากเวลา และสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีหลบหนีออกมาได้

 

แต่ตอนนี้?

เขาไม่มีหนทาง ควรจะทำยังไงดี?

ฟาง เจิ้งจือ มอง ฉือ กูเหยียน ที่อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ปลายนิ้ว ดวงตาของนางเผยความขบขันออกมาเล็กน้อย ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกตัวในทันที ว่าเขาไม่เคยหนีรอดไปจากน้ำมือของ ฉือ กูเหยียน ได้เลย

ตั้งแต่ตอนออกใบประกาศจับ ไปจนการทดสอบที่เมืองหลวงแม่น้ำแห่งความสัตย์ รวมถึงงานเฉลิมฉลองนี้อีก

ทั้งหมดเป็นฝีมือของ ฉือ กูเหยียน

ทุกอย่างเหมือนเขานั้นเดินตามแผนที่ ฉือ กูเหยียน วางไว้

 

ผมของนางปลิวไปตามสายลมดูงดงาม น่าหลงไหลราวกับดอกไม้ที่พัดปลิวไปตามสายลม

แต่ดอกไม้ดอกนี้มีหนามที่แหลมคม

ฟาง เจิ้งจือ คิดอยากทำอะไรสักอย่าง

เป็นการถอนหนามที่แหลมคมทั้งหมดออกจากดอกไม้นี้

หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ต้องดึงมันออกเสียให้หมด!

เช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่นางสวมเอาไว้บนร่าง

จากนั้นก็เก็บความงามนี้เอาไว้ และการเบ่งบานของนางจะตกอยู่ในการควบคุมของเขาคนเดียว

 

มีความตายที่อยู่ใกล้ตัวเขานับไม่ถ้วนตลอดเวลาที่ผ่านมา มีอะไรที่เขาต้องกลัวอีก?

เพราะไหนๆก็เหมือนจะตายอยู่แล้ว ทำไมไม่ไปให้สุดเลยล่ะ?

ขณะที่กำลังคิด ตาของ ฟาง เจิ้งจือ ก็เปล่งประกาย ราวกับแสงสว่างที่ส่องลงมาท่ามกลางความมืดมิด

"ข้ารู้!"

ฉือ กูเหยียน บอกว่าข้างบนนั้นหนาวเกินไปใช่หรือไม่?

งั้นเขาจะอยู่ให้สูงกว่า สูงกว่ามากๆ สูงจนแม้แต่ ฉือ กูเหยียน ก็ไม่สามารถควบคุมได้

ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าเขาจะต้องเดิมพัน  เขาพนันว่า ฉือ กูเหยียน ไม่ได้ต้องการให้เขาตายจริง  แม้ว่าจะไม่มั่นใจทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ 9 ใน 10

ด้วยสถานะและความสามารถของ ฉือ กูเหยียน

ถ้านางต้องการให้เขาตายจริงๆ

เขาคงจะตายไปตั้งแต่ 8 ปีก่อนแล้ว เขาคงไม่ได้มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้หรอก

ไม่ได้ต้องการให้เขาตายในทันที แต่ต้องการให้เขาต้องหนาวเหน็บอยู่ด้านบน  เป็นปกติของเหล่านักล่า

 

มีคำพูดว่า เมื่อนักล่าจับเหยื่อของพวกเขาได้ จะไม่ฆ๋ามันในทันที แต่จะทำทุกหนทางเพื่อเข้าใจมัน เพราะว่าเขาจะต้องเข้าใจธรรมชาติของเหยื่อรายนั้นเสียก่อน

จากนั้นก็จะออกล่าเหยื่อแบบเดียวกันให้มากยิ่งขึ้น

ไม่ว่า ฉือ กูเหยียน จะคิดยังไง ก็มีสิ่งหนึ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ มั่นใจ

นางไม่ได้ต้องการให้เขาตาย ...

แล้วเขาจะกลัวอะไรกัน?!

หลังจากมั่นใจแล้ว ทุกอย่างก็ค่อยๆชัดเจนมากขึ้น ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ฉือ กูเหยียน ที่อยู่ห่างจากเขาเพียงปลายนิ้ว จากนั้นก็มองไปยังตาอันสดใสของนาง รอยยิ้มค่อยๆปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ

รอยยิ้มอันสดใสราวกับแสงแดดยามเช้าในฤดูใบไม้ผลิยามหิมะละลายหายไป

 

ฉือ กูเหยียน อยู่ใกล้กับ ฟาง เจิ้งจือ มากเสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา เพราะนางต้องการมั่นใจว่าคำพูดของนางเข้าหู ฟาง เจิ้งจือ ได้อย่างชัดเจนแน่นอน

นอกจากนี้ ...

นางไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน

ดังนั้นนี่จึงเป็นระยะห่างที่นางจงใจ

จากนั้น นางก็เห็น ฟาง เจิ้งจือ ที่ค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา ยิ่งกว่านั้นยังเป็นรอยยิ้มที่สดใสมาก

 

นางไม่เข้าใจว่าเจ้าสารเลวไร้ยางอายจะหัวเราะทำไมกัน? หรือเขาเป็นบ้าไปแล้ว?

ทันใดนั้นขณะที่นางกำลังคิด นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในมือ

นางก้มลงมอง...

มีมือใหญ่จับอยู่บนมือของนาง?!

มือข้างนี้ใหญ่มาก แต่มันไม่ได้แห้งแข็งและไม่หยาบกร้าน เหมือนมือของพ่อที่ผ่านศึกสงครามมาอย่างหนัก ตรงกันข้ามนางกลับรู้สึกถึงความอบอุ่น

นอกจากนี้นางก็รู้สึกว่ามือของเขากำลังลูบมือของนางอยู่

เขาลูบมือของนางไปมา...

 

"เจ้าสารเลวไร้ยางอาย เจ้ากล้าดียังไง!" ฉือ กูเหยียน ตะโกนร้องในใจ และต้องการจะถอนมืออกด้วยสัญชาตญาณของนาง แต่มือของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นแข็งแรงเกินไป และจับมือของนางอย่างแน่นหนา

ฉือ กูเหยียน มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และเห็นเขากำลังกัดฟันอยู่ ดูเหมือนการพยายามถึงมือออกของนาง ทำให้เขาต้องใช้พลังงานเพื่อต่อต้านเป็นอย่างมาห แต่ทำไมเขายังหัวเราะได้อยู่อีก?

 

เพจหลัก : Double gate TH

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด