ตอนที่ 27 ปราณดาบ
หลิงฮันตัดสินใจไปยังภูเขาแห่งสมดุลเพื่อฝึกซ้อม
ภูเขาแห่งสมดุลมีพื้นที่ประมาณแปดสิบกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของเมืองหมอกเมฆา มันไม่ใช่ภูเขาที่ใหญ่มากนัก ในบริเวณรอบๆภูเขามีเมืองสี่เมืองตั้งอยู่ และการดำรงชีวิตของพวกเขาจะพึ่งพาภูเขาเป็นนส่วนใหญ่
นั่นเพราะบนภูเขามีทั้งสมุนไพรและสัตว์อสูร สำหรับจอมยุทธแล้วสองสิ่งนี้นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก
ภูเขานี้ไม่เหมือนกับภูเขาขนาดใหญ่เช่นหุบเขาเจ็ดวายุที่มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจนขนาดจอมยุทธในระดับห้วงจิตวิญญาณยังไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปลึก สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในภูเขาแห่งสมดุลอยู่เพียงระดับรวมธาตุและสามารถพบได้เฉพาะส่วนในสุดของภูเขาเท่านั้น ดังนั้นแล้วตราบได้ที่พวกเขาไม่ได้เสี่ยงเข้าไปยังส่วนลึก ภูเขาแห่งสมดุลนับว่าเป็นสถานที่ฝึกฝนอันยอดเยี่ยมของจอมยุทธในระดับหลอมกายาเลยทีเดียว
หลิงฮันรู้ดีว่าฝึกฝนอย่างเดียวไม่อาจทำให้ทักษะยุทธของเขาเลื่อนไประดับสูงสุดได้ ในการที่จะบรรลุระดับนั้นได้เขาจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ต่อสู้จริง!
ถึงแม้หลิงตงซิงจะไม่อยากให้บุตรของมันไปเสี่ยงอันตราย แต่มันก็รู้ว่าจอมยุทธที่แท้จริงไม่สามารถเติบโตได้ถ้าหากถูกปกป้องอยู่ตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้นหลิวอู๋ตงก็ยังอยู่ข้างกายเขาเพื่อคอยคุ้มกันด้วย ดังนั้นแล้วมันเลยไม่จำเป็นต้องห่วงว่าพวกหลิงฮันจะไปพบกับอันตรายใดๆ มันจึงอนุญาติให้หลิงฮันไปได้
ตัวมันในตอนนี้ก็ยุ่งมาก มันกำลังอยู่ในการเตรียมแผนตอบโต้ตระกูลเชิงรวมถึงจัดระเบียบของตระกูลใหม่เพื่อนำอำนาจที่หลิงจงควั่นยึดไปเมื่อในช่วงปลายปีก่อนคืนมา
หลิงฮันและหลิวอู๋ตงรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากภูเขาแห่งสมดุลอยู่ค่อนข้างใกล้ พวกเขาจึงไม่ต้องเป็นต้องนำสัมภาระไปเยอะ และชุดที่นำไปเปลี่ยนก็มีเพียงสอง สามชุดเท่านั้น แต่ถึงยังงั้นพวกเขาแต่ละคนก็ยังต้องแบกถุงขนาดใหญ่อยู่ดี
เพราะอย่างนี้จึงทำให้หลิงฮันนึกถึงแหวนมิติในชีวิตที่แล้วของเขา
แหวนมิติดูเผินๆก็ไม่ต่างจากแหวนธรรมดามากนัก แต่มันมีพื้นที่อันกว้างใหญ่อยู่ภายในซึ่งสามารถจัดเก็บสิ่งของจำนวนมากได้ ถ้าจะต้องออกเดินทาง การมีแหวนมิติจะทำให้สะดสกาบายอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม วิธีการสร้างแหวนมิติได้สูญหายตามกาลเวลาไปแล้ว ดังนั้นจำนวนของแหวนมิติที่เหลืออยู่จึงมีน้อยนิดมาก ในชีวิตที่แล้วของเขาจะต้องเป็นจอมยุทธในระดับบุปผาผลิบานเป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถครอบครองได้หนึ่งชิ้น ไม่เช่นนั้นต่อให้โชคดีได้รับแหวนมาก็จะวิกฤตร้ายแรงขึ้นในฐานะที่เป็นเจ้าของแหวนอยู่ดี!
แหวนมิติเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก
พวกเขาเดินทางไปด้วยเท้า ระยะทางแปดสิบกิโลเมตรสำหรับจอมยุทธแล้วไม่ได้นับว่าไกลแต่อย่างใด พวกเขาใช้เวลาในการเดินทางเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น พวกเขาทั้งสองออกเดินทางในตอนเช้าและตอนบ่ายก็ได้เข้าไปยังบริเวณของภูเขาแล้ว
พวกเขาได้ยินเสียงคำรามของเสือและเสียงกรีดร้องของลิงมาจากที่ไกลๆ
“ไปกันเถอะ!” หลิงฮันเดินไปข้างหน้าและพูด “ตราบใดที่มันเป็นสัตว์อสุรระดับหลอมกายา เจ้าไม่ต้องเป็นต้องทำอะไร ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
“เข้าใจแล้ว” หลิวอู๋ตงพยักหน้า
อย่างไรก็ตามภูเขาแห่งสมดุลไม่ใช่สถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร ต่อให้ทั้งสองคนตั้งใจหาอย่างไรก็ไม่พบแม้แต่ตัวเดียว พวกเขาไม่เจอแม้แต่สัตว์ป่าธรรมดาด้วยซ้ำ เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดทั้งสองคนจึงหิวขึ้นมา
พวกเขานำอาหารมาไม่มากซึ่งเอาไว้สำหรับยามฉุกเฉินเท่านั้น เพราะพวกเขาตั้งใจจะมาล่าสัตว์อสูรบนภูเขานี้เพื่อนำมาเป็นอาหาร
“พวกเราต้องรีบล่าสัตว์อสูรแล้ว ไม่เช่นนั้นคืนนี้พวกเราจะต้องทนหิวทั้งคืน” หลิงฮันพูดพร้อมกับกวัดแกว่งดาบเหล็กในมือ เขาได้พกดาบนี้เอาไว้ก่อนที่จะออกเดินทางมา ซึ่งดาบนี้มีราคาสิบเหรียญเงิน มันเพียงพอแล้วสำหรับใช้จัดการสัตว์อสูรในระดับหลอมกายา แต่หากใช้สู้กับสัตว์อสูรระดับรวมธาตุแล้ว มันไม่สามารถที่จะทะลวงการป้องกันของอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย
แต่อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์อสูรระดับรวมธาตุอยู่แล้ว
จู่ๆหลิวอู๋ตงก็หยุดเดิน
“มีอะไร? เจ้าได้ยินเสียงอะไรงั้นรึ?” หลิงฮันถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“เชือกรองเท้าของข้าหลุด” หลิวอู๋ตงก้มตัวลงไป
เขาไม่เคยคิดว่าสตรีนางนี้จะมีอารมณ์ขันแบบนี้อยู่ด้วย หลิงฮันยักไหล่และยืนรอหลิวอู๋ตง
จากนั้นทั้งสองคนได้เดินหน้าต่อไป แต่เดินไปได้ไม่นานหลิวอู๋ตงก็ก้มลงอีกครั้ง
“เชือกรองเท้าเจ้าหลุดอีกแล้วรึไง?” หลิงฮันถาม
“เปล่า ข้าได้ยินเสียงบางอย่าง” หลิวอู๋ตงมองไปยังทิศทางหนึ่ง ใบหน้าของนางยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง
สตรีนางนี้เป็นพวกตลกหน้าตายสินะ
หลิงฮันจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกัน หลิวอู๋ตงอยู่ในระดับรวมธาตุ ดังนั้นสายตาและการรับรู้ของนางจึงดีกว่าเขา
พุ่มไม้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาสั่นไหว ราวกับกำลังจะมีตัวอะไรเดินออกมา
จากนั้นไม่นาน หัวหมาป่าขนาดใหญ่ได้โผล่ออกมา และตามมาด้วยลำตัวของมัน ขนาดของมันประมาณวัวตัวหนึ่งและมีรูปร่างสีแดงสด ผิวหนังของมันมีบาดแผลที่เน่าเปื่อยอยู่เต็มตัวไปหมด ทำให้ดูน่าขยะแขยงเล็กน้อย
“โชคของเราไม่เลวเลย มันคือหมาป่าโลหิตสีชาด!” ดวงตาของหลิงฮันเปล่งประกาย การบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบล้ำค่าหลายอย่างในการสนับสนุนการฝึกฝนของเขา และเลือดสดๆของสัตว์อสูรถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดในตอนนี้ โดยหมาป่าโลหิตสีชาดนับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์อสูตรที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับหลอมกายา
“ระวังตัวด้วย!” หลิวอู๋ตงกล่าวเตือน หมาป่าโลหิตสีชาดที่โตเต็มวัยนั้นอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเก้า นอกจากนั้นแล้วสัตว์อสูรมักจะได้เปรียบมนุษย์ในด้านพละกำลังและการป้องกัน
ข้อได้เปรียบของจอมยุทธคือ พวกเขาสามารถใช้ทักษะยุทธได้หลากหลายหรือใช้อาวุธในการเพิ่มพลังของตนเองได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลิงฮันอยู่เพียงหลอมกายาขั้นเจ็ด ระหว่างเขากับหมาป่าโลหิตสีชาดมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ ในการต่อสู้กับสัตว์อสูรจอมยุทธสามารถเสียชีวิตลงได้ทุกเมื่อ การต่อสู้จะไม่จบลงเด็ดขาดถึงแม้จะตะโกนว่า “หยุด” หรือ “ข้ายอมแพ้แล้ว” ออกไป
“ไม่ต้องเป็นห่วง!” หลิงฮันยิ้ม เขากวัดแกว่งดาบอยู่บนมือ สีหน้าได้เปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที
หมาป่าโลหิตสีชาดส่งเสียงคำรามออกมาอย่างต่อเนื่อง ตรงหน้ามันมีมนุษย์สองคนยืนอยู่ ผู้ชายดูไม่เป็นภัยคุกคามกับมันมากนัก แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาทำให้มันรู้สึกเกรงกลัว แต่ตัวมันที่มีนิสัยอันโหดเหี้ยมสัตว์อสูร จะยอมปล่อยมือจากเหยื่อได้อย่างไร
เลือดและเนื้อของสัตว์อสูรนับว่าเป็นสิ่งที่มีค่ากับจอมยุทธทุกคน แต่จอมยุทธเองก็เป็นอาหารอันล้ำค่าของสัตว์อสูรเช่นกัน
หมาป่าโลหิตสีชาดระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก มันไม่ได้โจมตีออกไปในทันที
“อู๋ตง ถอยออกมา” หมาป่าเป็นสัตว์ที่อดทนและระวังตัวเป็นอย่างมาก มันต้องสัมผัสถึงพลังที่ซ่อนอยู่ของหลิวอู๋ตงได้แน่นอน
หลิวอู๋ตงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากระยะในตอนนี้นางสามารถช่วยเหลือหลิงฮันได้ทันเวลาหากเขาต้องการ แต่ถ้าระยะทางเพิ่มมากกว่านี้ เมื่อหลิงฮันตกอยู่ในอันตรายนางอาจจะช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยก็ได้
“เชื่อในตัวข้า” หลิงฮันยิ้ม
ในที่สุดหลิวอู๋ตงก็ค่อยๆถอยหลังห่างออกไป
อันโหดเหี้ยมของหมาป่าโลหิตสีชาดได้ถูกกระตุ้นขึ้นทันที กระเล็บที่อุ้งเท้าหน้าของมันคุ้ยดินลงไปและอ้าปากออกมา เผยให้เห็นฟันที่แหลมคมราวกับใบมีดที่ปลดปล่อยบรรยากาศน่าขนลุกออกมา
หลิงฮันกระดิกนิ้วและพูด “เจ้าสุนัขโง่ เข้ามาสิ!”
“บรู๊วว!” หมาป่าโลหิตสีชาตหอนออกมา กระโจนเข้าโจมตีด้วยความเร็วอันน่าตะลึง
หลิงฮันไม่มีความหวาดกลัว ด้วยการตวัดดาบยาวของเขา เพลงดาบอสนีบาตฟาดฟันก็ถูกใช้ออกไปในทันที
“สวบ!” ดาบที่แทงออกไปเพียงหนึ่งเล่มแต่กลับมีลำแสงดาบพุ่งออกไปถึงสองอัน แสงอันที่หนึ่งคือตัวของดาบเอง และแสงอีกอันคือพลังงานสีขาวรูปดาบ
“ปราณดาบ!” หลิวอู๋ตงหายใจออกมาด้วยความตกตะลึง
ปราณดาบคือสัญลักษณ์ของนักดาบ ผู้ใช้กระบี่เองก็จำเป็นต้องมีปราณกระบี่ ปราณเหล่านี้มีพลังที่แข็งแกร่งและความแหลมคมอันน่าเหลือเชื่อ
ตัวนางยังไม่สามารถสร้างปราณดาบของตนเองขึ้นมาได้ นางรู้ว่ามันยากเพียงใดในการสร้างมันขึ้นมา นางมีลุงอยู่คนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะแห่งดาบ แต่กว่าเขาจะสร้างปราณดาบขึ้นมาได้ก็หลังจากที่เขาหมกมุ่นอยู่กับวิถีแห่งดาบมาห้าปี
หมอนี่ใช่มนุษย์จริงๆรึ?
หลังฮันไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย การสร้างปราณดาบขึ้นมาได้นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป้าหมายของเขาคือรัศมีแห่งดาบ!
รัศมีแห่งดาบคือรูปแบบที่มั่นคงของปราณดาบ พลังของมันแข็งแกร่งกว่ามาก โชคร้ายที่เขาไม่ได้ฝึกฝนทักษะดาบในชีวิตที่แล้วมากนัก เขาจึงสามารถสร้างได้แต่ปราณดาบ ไม่สามารถสร้างรัศมีดาบขึ้นมาได้
สิ่งที่จำเป็นในการสร้างรัศมีดาบคือ ในการฟันดาบออกไปหนึ่งครั้งจะต้องมีปราณดาบปรากฎออกมาสิบเล่ม จากนั้นปราณทั้งสิบจะควบแน่นจนกลายเป็นรัศมีดาบ เมื่อครู่เขาปลดปล่อยปราณดาบออกไปได้เพียงหนึ่งเล่ม หนทางของเขายังอีกยาวไกลนัก
ขั้นถัดไปของรัศมีดาบคือแก่นแท้แห่งดาบ มันคือวิถีแห่งดาบขั้นสูงสุดที่คนเราสามารถบรรลุถึงได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับจัดการหมาป่าโลหิตสีชาดแล้ว เพียงปราณดาบหนึ่งเล่มก็เกินพอแล้ว
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**