Chapter 162: เขานั้นเป็นส่วนหนึ่งของนิกายซวนเฉิน
Chapter 162: เขานั้นเป็นส่วนหนึ่งของนิกายซวนเฉิน
โจรคนนั้นค่อนข้างที่จะมีความสามารถ ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในที่โล่งแจ้งและเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อีกสี่คน พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนกับเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว การเคลื่อนที่ของเขานั้นไม่ได้เห็นอย่างชัดเจน ปฏิกิริยาอันน่าเหลือเชื่อของเขานั้นช่วยให้เขาหลบมันได้อย่างฉิวเฉียดต่อการโจมตีที่เข้ามาและใช้สกิลกลับใส่พวกเขา
มันอาจจะเป็นที่รู้จักกันในการทำบางสิ่งแบบนี้ มันก็ไม่ได้มีเรื่องที่ง่ายเลย ไม่เพียงแต่ผู้เล่นคนนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วแล้ว พวกเขานั้นก็มีระดับความเข้าใจและอาชีพของพวกเขาสูงมาก มันไม่ใช่บางสิ่งที่ผู้เล่นธรรมดานั้นจะทำให้สำเร็จด้วยการฝึกฝน
พร้อมกับจังหวะในการหลบหลีกของโจรที่ดี การสวนกลับการโจมตีและสกิลในการควบคุมมีดอันนุ่มนวลแล้ว เขานั้นก็ไม่ได้เสียเปรียบ แม้ว่าเขาจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้อีกสี่คน!
สำหรับผู้ศิลปะการต่อสู้ หวังหยู่นั้นก็มีความประทับใจอย่างลึกซึ้งกับคนที่มีความสามารถ จังหวะที่เขาเห็นการโจมตีของโจรนั้นเขาก็จดจำได้ทันทีว่าพวกเขานั้นเคยเจอกันมาก่อน แต่ไม่ใช่ชื่อของเขา…
สำหรับนักรบทั้งสี่ที่สู้กับเขานั้น หนึง่ในพวกเขาก็ตะโกนขึ้นมา “เฒ่าปลา นายต้องการแบบนี้จริงๆงั้นเหรอ? เมื่อคนอื่นตามมาทีหลังแล้วละก็ นายตายแน่นอน!”
“นายคาดว่าจะเก็บฉันพร้อมกับคนแค่สี่คนแบบนายนี่นะ? ฝันไปเถอะ!”โจรพูดเหลวไหลอย่างบ้าคลั่ง
“โฮ่ โฮ่ โฮ่!”
ในเวลาเดียวกันนั้น อัศวินนั้นก็สวมุชดเกราะที่สดใสอย่างไม่น่าเชื่อและเขาก็นำกลุ่มผู้เล่นปรากฏขึ้นมาในทันทีและเยาะเย้ย “สมกับการได้รับสมญานามว่าราชานักรบรับจ้าง! นายมีความกล้าจริงๆ!”
เมื่อผู้เล่นล้อมรอบเห็นตรากิลด์บนหน้าอกของอัศวิน พวกเขาก็รีบเก็บของและรีบกระจัดกระจายตัวออกไปในทันที
เมื่อมองไปที่ตราของมัน แม้กระทั่งหวังหยู่ก็ค่อนข้างตกตะลึงเล็กน้อย “ตรานี้มันก็ค่อนข้างที่จะคุ้นเคยด้วยเช่นกันนะ…”
เมื่อโจรได้ยินคำพูดของอัศวิน เขาก็เหวี่ยงกริชของเขาอย่างโกรธเคืองเข้าใส่ลำคอของนักรบทั้งสี่เพื่อให้พวกเขานั้นล่าถอยออกไปแล้วเขาก็ขู่คำราม “ฮึ่ม! อมิตตาบา นายมาที่นี่เร็วจริง!”
“เฮะ เฮะ เฮะ…นายคิดจริงๆเหรอว่าพวกเขาทั้งสี่นั้นจะเกิดขึ้นอยู่ในเมืองรัตติกาลหน่ะ? ให้ฉันถามนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ นายต้องการที่จะเข้าร่วมกับแผ่นดินอันบริสุทธิ์ของพวกเราไหม?”อมิตตาบาเยาะเย้ย
“ฮึ่ม! ถ้างั้นฉันเดาว่าฉันจะต้องพูดนายซ้ำๆอีกครั้งหนึ่ง ฉันอาจจะทำหน้าที่ธุรกิจเกี่ยวกับการบริการก็ตามที แต่ฉันก็ไม่เคยที่จะขายวิญญาณของฉันเลย! นายสามารถที่จะลืมฉันไปได้เลยไอ้หมาสารเลว!”โจรพ่นน้ำลายออกมาอย่างเย็นชาและหลังจากนั้นเขาก็เอากริชชี้ไปที่นักรบและประกาศ “พวกนายที่เหลือสามารถที่จะรอดูได้ ตราบเท่าที่นายไม่สามารถจัดการฉันได้ในวันนี้ นายก็สามารถลืมไปถึงความสงบสุขไปได้เลย!”
“เฒ่าปลา….พวกเรา..พวกเราไม่..”นักรบทั้งสี่คนพึมพำอย่างอ่อนแอ
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ อมิตตาบาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฉันกลัวนายจะไม่มีโอกาสแบบนั้น! คนของนายนั้นอยู่ภายใต้ฉันแล้วในตอนนี้! และฉันก็ได้เชิญชวนพวกเขานั้นมาเพื่อทำให้มั่นใจว่านายนั้นเป็นคนสุดท้ายแล้ว!”
ถึงแม้ว่าหวังหยู่นั้นจะไม่ได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่การแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยนั้นเขาก็สามารถที่จะบอกถึงความชั่วร้ายของอมิตตาบาได้
เพื่อทำให้มั่นใจว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเขานั้นหมายความว่าอมิตตาบานั้นก็มีเจตนาที่จะฆ่าของโจรตลอดทาง จนกระทั่งเขาจะกลับไประดับ1! ถึงแม้ว่าหวังหยู่นั้นจะเคยล่าใครบางคนก่อนหน้านี้ สิ่งที่เขาต้องการก็คือให้คนๆนี้ขอโทษ
สัมผัสของหวังหยู่นั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้กระทั่งในชีวิตจริงนั้นตระกูลก็ยังแบนสมาชิกที่ไปข้องเกี่ยวกับสาธารณะ เขานั้นก็ยังคงข้องเกี่ยวกับตัวเองในเกมนี้น้อยยิ่งกว่า อย่างน้อยที่สุด โจรก็สามารถที่พิจารณาว่าเป็นคนรู้จัก
หวังหยู่นั้นก็เดินไปอย่างสบายๆหาโจรและดึงแขนของเขาและพูด “โอ้ เฮ้ นายนี่เอง! ผมไม่เห็นนายมาสักพักหนึ่งแล้วนะ! นายกำลังสู้กับใครบางคนอีกแล้วงั้นเหรอ? ทำไมนายไม่พักและค่อยมาเล่นใหม่วันพรุ่งนี้ละ…”
“เหี้..! ทำไมเขามาอยู่ที่นี่กัน!”นักรบทั้งสี่คนถอยหลังในทันทีที่พวกเขาเห็นใบหน้าของหวังหยู่
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยู่ อมิตตาบาส่ายหัวและถามขึ้น “และมึงคือใครกันวะไอ้เหี้...?”
“ฉันไม่รู้จักเขา! ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องข้องเกี่ยวกับเขา!”โจรรีบตอบกลับ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง โจรก็กระซิบอย่างแผ่วเบา “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่กัน? รีบหนีไปซะ!”
“ผมมาที่นี่เพื่อช่วยนาย! เพื่อนของนายไปไหนกันหมด?”จากที่หวังหยู่จำได้ โจรนั้นมีกลุ่มเพื่อนอยู่ร่วมกับเขา เมื่อพวกเขาเจอกันครั้งแรก
“นี่มัน…”โจรพึมพำอย่างเบาๆ แล้วเขาก็จ้องไปที่นักรบทั้งสี่คนด้านหน้าเขา
เมื่อเหลือบตาไปมอง ตาของหวังหยู่ก็ลงไปที่ทั้งสี่คนที่ก้มหัวลงในทันทีและถอยหนีออกมา
นักรบทั้งสี่คนนั้นก็เดินไปรอบๆเมืองรัตติกาลเป็นเวลาสักพักหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาก็รู้อย่างชัดเจนว่าหวังหยู่นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
อมิตตาบานั้นก็ไม่ได้โง่ด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าหวังหยู่นั้นไม่ใช่คนที่เดินผ่านมั่วซั่วอย่างที่เขาอธิบาย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มที่จะจับโจรได้และก็ประกาศอย่างใจกว้าง “ไม่ต้องทำอะไรกับเขาแบบที่นายพูดงั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ปล่อยเขาไป!”
เหลือบตามองไปที่อมิตตาบา หวังหยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะ “ไม่ใช่ผมบอกไปว่าให้พักงั้นเหรอ? ถ้าพวกนายยังมีเรื่องกันอยู่ละก็ค่อยมาเคลียร์กันพรุ่งนี้…”
คำพูดนั้นหมายถึงว่าให้ปกป้องอมิตตาบา แต่พวกเขานั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องโดนดูถูก แผ่นดินอันบริสุทธิ์นั้นเป็นหนึ่งในกิลด์ระดับสูงในประเทศ และแม้กระทั่งกิลด์ใหญ่ของเมืองรัตติกาลอย่างพันธมิตรอันนองเลือดก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุพวกเขา แต่พวกโง่ก็นี่กล้าที่จะบอกว่านักต่อสู้นั้นไม่ใช่บางคนที่เขาไม่สามารถที่จะยั่วยุได้งั้นเหรอ?
อมิตตาบาเห็นคำพูดพวกนี้แล้วเขาก็ดูถูกและโบกมืออย่างไม่ใส่ใจและออกคำสั่ง “เฒ่าว่างเปล่า ลากเขาออกไป!”
เมื่อเขาพูดเสร็จ นักรบที่บึกบึนก็เดินเข้าไปที่หวังหยู่แล้วก็ชี้ดาบใส่หวังหยู่และตะโกน “พวกเรานั้นไว้หน้านายและนายก็ยังคงปฏิเสธมัน? รีบไสหัวออกไปซะ!!!”
“ถ้านายมีบางสิ่งที่จะพูดแล้วละก็! อย่าชี้ดาบใส่หน้าคนอื่น!”หวังหยู่เตือนเบาๆ
เมื่อคิดเกี่ยวกับว่าหวังหยู่ยังคงดูองอาจอยู่ นักรบแสยะยิ้มอย่างเย็นชาและตะโกน “ฉันไม่ได้ชี้ใส่นาย ฉันกำลังจะตัดหัวนายทิ้งไงไอ้สั..!”
“ผมไม่ได้พยายามที่จะชวนสู้นะ…”หวังหยู่ถอนหายใจอย่างผิดหวังและหลังจากนั้น เขาก็ยื่นมือขวาและจับไปที่ศอกของนักรบและก็ผลักมันเบาๆ และทำให้เขาสูญเสียสมดุลและล้มลงกับพื้นในทันที หลังจากนั้น หวังหยู่ก็เหยียบลงบนหน้าอกของเขาด้วย [เทพเจ้าสายฟ้าเหยียบย่ำ] และก็เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวในทันที
“ชู่….”
ผู้เล่นคนอื่นของแผ่นดินอันบริสุทธิ์นั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับฉากนี้ดี…
นักรบ กฏอันว่างเปล่านั้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นชั้นยอดของแผ่นดินอันบริสุทธิ์และเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มที่อมิตตาบาพามาด้วย การที่เขานั้นโดนฆ่าในทันทีโดยที่ไม่ได้แตะตัวศัตรูนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างมาก..
เขานั้นถูกฆ่าโดยทันทีโดยนักต่อสู้คนหนึ่ง…ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะพยายามมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะอธิบายฉากที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย…
หลังจากที่อมิตตาบาใจเย็นลง เขาก็จ้องไปที่หวังหยู่และพูด “ผมนั้นตาบอดไปแล้ว! ผมไม่ได้ตระหนักว่าท่านนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ! ท่านมีความสนใจที่จะเข้าร่วมแผ่นดินอันบริสุทธิ์ของพวกเราไหม? พวกเรานั้นเป็นหนึ่งในกิลด์ระดับสูงในประเทศ! ผลประโยชน์ที่จะได้รับของท่านนั้นสูงเกินกว่าที่ท่านจะจินตนาการเสียอีก”!”
มันแตกต่างไปจากการคาดการณ์ของอมิตตาบา หวังหยู่ก็ไม่ลังเลที่จะชี้ไปที่ตราบนหน้าอกของเขาและประกาศอย่างภาคภูมิใจ “ผมนั้นเป็นสมาชิกของนิกายซวนเฉิน!”
“สมาชิกของนิกายซวนเฉิน…”
ชื่อเสียงของนิกายซวนเฉินนั้นเลวร้ายมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านเมืองไหนหรือแม้ว่าจะเป็นผู้เล่นจากเกมไหนก็ตาม พวกเขานั้นก็เคยได้ยินชื่อของนิกายซวนเฉินมาสักครั้งหรือสองครั้งเป็นอย่างน้อย ชื่อเสียงของนิกายซวนเฉินนั้นไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากิลด์ระดับสูงใน {REBIRTH} เลย ข่าวใหม่ๆและความสำเร็จอันแรกนั้นก็ถูกทำโดยพวกบ้าคลั่งพวกนี้
“ดังนั้นนายก็เป็นผู้เชี่ยวชาญจากนิกายซวนเฉิน ให้ฉันพูดตรงๆนะว่าหนึ่งในพี่น้องของพวกเรานั้นมีข้อขัดแย้งกับชายที่อยู่ข้างนาย ฉันสงสัยว่านายจะปล่อยพวกเราไปวันนี้ได้ไหม?”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเขานั้นจะดูสุภาพ สิ่งที่อมิตตาบานั้นก็พูดออกมาอย่างชัดเจน “ไม่สงสัยเลยว่านายนั้นจะมีความสามารถมากแค่ไหน! แต่นายอย่ากล้ามาขวางทางเรา!”
“นายอยู่ในกิลด์ไหนหรือเปล่าในตอนนี้?”หวังหยู่กระซิบกับโจร
“ไม่มีครับ…”
“เยี่ยม!”
ปฏิกิริยาของหวังหยู่นั้นทำให้โจรผิดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ มันเหมือนกับว่าโรยเกลือใส่บาดแผลของเขา
“จากเวลานี้เป็นต้นไป เขาเป็นส่วนหนึ่งของนิกายซวนเฉิน!”หวังหยู่ประกาศออกมาเสียงดัง