บทที่ 171 ศรสุญตาน้อย
ห่วงทองแดงเป็นอาวุธประเภทห่วงเสียงพุทธะชนิดหนึ่ง ของสิ่งนี้เป็นยุทธภัณฑ์เวทระดับสามชั้นสุดยอด จั่วม่อเมื่อพบมันในคลังสินค้าของสำนัก อดแตกตื่นยินดีไม่ได้ ยุทธภัณฑ์เวทประเภทเสียงชั้นดีนั้นหายากมาก ห่วงเสียงพุทธะชิ้นนี้หลอมสร้างจากหินทองแดงอุกกาบาตผสมกับทรายแดงสีทับทิม ให้กำเนิดเสียงสดใสกระจ่าง สามารถทำลายภาพลวงตาทั้งมวล โดยเฉพาะที่หาได้ยากยิ่งคือค่ายกลพุทธะที่สลักไว้บนวงห่วงนั้น ทั้งสงบและมั่นคง ไม่ฉาบฉวย เคร่งขรึมจริงจังและสง่าผ่าเผยเป็นพิเศษ
เมื่อผ่านการกลั่นเกลาด้วยปราณธรรมชาติธาตุไฟมาหลายวัน พลังปราณไฟก็ไหลเวียนเข้าไปในวงห่วง เสียงสดใสกระจ่างเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งมีพลัง แฝงเร้นด้วยความรุนแรงอันพิสดารชนิดหนึ่ง ที่หายากยิ่งคือความรุนแรงสายนี้ประหนึ่งดวงอาทิตย์ อบอุ่นแต่ไม่ดุดัน ห่วงทองแดงยังเลื่อนจากระดับสามขึ้นเป็นระดับสี่ พลังอำนาจเพิ่มพูนมหาศาล
ตั้งแต่แวบแรกที่พบเห็นห่วงเสียงพุทธะวงนี้ จั่วม่อก็ตัดสินใจยึดมาใช้งาน ของสิ่งนี้ราวกับสร้างมาเพื่อค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์โดยเฉพาะ ห่วงเสียงพุทธะแม้ว่าจะไม่มีการควบคุมที่ดีเท่าเจดีย์น้อย แต่เนื่องจากเป็นยุทธภัณฑ์เวทประเภทเสียง กลับเหมาะเจาะพอดีกับค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ซึ่งโจมตีด้วยคลื่นเสียง ทำหน้าที่เป็นหัวใจของค่ายกล เหมาะสมมากกว่าเจดีย์น้อย พลานุภาพร้ายกาจกว่าเดิมมาก!
จั่วม่อเมื่อก้าวขึ้นมาบนเกาะแมกไม้รกร้าง มันก็มีแผนการในใจพร้อมสรรพแล้ว
มีกำลังคนมากพอให้ใช้งานอย่างสะดวกสบาย มีวัตถุดิบมากมายเหลือเฟือเพียงพอ มีเวลานานพอให้มันก่อตั้งค่ายกลอย่างปราณีต
ดังนั้นมันตั้งใจจะก่อตั้งค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!
ค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ สองร้อยสิบหกค่ายกลย่อย!
ค่ายกลอันตระการตาขบวนนี้ ประกอบด้วยค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์เจ็ดสิบสองค่ายกลย่อยจำนวนสามชุด จัดวางเป็นมุมสามเหลี่ยมกระจายครอบคลุมทั้งเกาะ ก่อตั้งเป็นค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ฉบับดัดแปลงขนาดใหญ่โตมโหฬารที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ค่ายกลขบวนนี้ใหญ่โตอย่างแท้จริง จนต้องใช้ยุทธภัณฑ์เวทชั้นยอดชิ้นหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นหัวใจของค่ายกล
จั่วม่อไม่เคยก่อตั้งค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ขนาดใหญ่โตถึงเพียงนี้มาก่อน นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่าห่วงเสียงพุทธะหลังจากผ่านการกลั่นเกลาจะมีพลานุภาพสักเท่าใด แต่หลังจากผ่านการศึกษาเรียนรู้อยู่ในค่ายกลเจตจำนงกระบี่มาครึ่งปี ฝีมือเชิงค่ายกลของมันก็เหนือล้ำกว่าครั้งอดีตมาก แม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจมากนัก มันก็ยังคงกระทำต่อไปตามขั้นตอน ไม่แตกตื่นลนลานแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นวัตถุดิบทั้งหมดเริ่มล่องลอยขึ้นมา ความหวั่นไหวในใจก็สลายคลาย!
ห่วงเสียงพุทธะกับค่ายกลใหญ่เสร็จสิ้นการผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ!
ติง!
ท่ามกลางท้องฟ้า ห่วงเสียงพุทธะส่องประกายสีแดงสด เปล่งเสียงกังวานอันแกร่งกล้าน่าครั่นคร้าม ราวกับพระวัชรปาณีโพธิสัตว์ทอดตามองสรรพสัตว์ในโลกิยะ สีหน้าถมึงทึงนั้นแท้จริงไม่ได้พิโรธโกรธกริ้ว แต่ทรงอานุภาพน่าเกรงขามถึงที่สุด!
หนานหมิงจื่อดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เจตจำนงกระบี่ที่มันสร้างขึ้นด้วยพลังฝีมือชั่วชีวิต กลับเปราะบางดั่งฟองอากาศ ด้วยเสียงระเบิดเบาๆ คราหนึ่ง ก็แตกหักกระจายหายไปสิ้น
เสียงระฆังพุทธะที่มองไม่เห็นกวาดผ่าน ร่างมันแข็งค้าง ต้องฝืนโคจรพลังปราณต่อต้านอาการแข็งค้างอย่างคลุ้มคลั่ง
หนานหมิงจื่อสีหน้าแตกตื่นสุดระงับ พลานุภาพของค่ายกลยังร้ายกาจกว่าที่มันจินตนาการไว้มาก
ผิดท่าแล้ว! มันติดกับดัก!
อารามอกสั่นขวัญแขวน มันพลันกัดปลายลิ้น รสหวานคละเคล้ากลิ่นเหล็กเทลงไปในลำคอ สีแดงอันแปลกประหลาดแผ่ซ่านเต็มหน้า พลังปราณที่เก็บสำรองไว้ในร่างกายหลุดออกจากข้อจำกัดทั้งมวล มันรู้สึกว่าพลังปราณพลุ่งพล่านกระแทกกระทั้นอยู่ในร่าง มากมายล้นเหลืออย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
แต่มันสูญเสียความกล้าหาญไปหมดสิ้น ในใจมีเพียงความคิดเดียว หนี!
ยุทธภัณฑ์เวทรูปกระสวยคล้ายเมล็ดอินทผลัมปรากฏขึ้นในมือ หนานหมิงจื่อเร่งเร้าพลังปราณลงไปในสิ่งของช่วยชีวิตนี้ในรวดเดียว
ทันใดนั้น สังหรณ์เลวร้ายถึงที่สุดเกาะกุมจิตใจมัน
ผิดท่า!
ช่วงเวลาที่ความคิดนี้วาบผ่านในใจ มันก็รู้สึกถึงแรงปะทะอย่างนุ่มนวลเฮือกหนึ่ง
ทรวงอกมันพลันระเบิดขึ้นโดยไม่มีเค้าลางล่วงหน้า หนานหมิงจื่อตาเบิกค้าง ก้มลงมองช้าๆ เห็นหลุมเลือดกลวงเปล่าขนาดเท่ากำปั้นเด่นชัดอยู่บนทรวงอก สายตามันดับวูบ ไม่รู้สึกอันใดอีก
กระบวนท่าสังหารของค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ ศรสุญตาน้อย!
เบิ่งตาชมดูการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ เฝ้ามองซากศพของหนานหมิงจื่อร่วงลิ่วลงมาเหมือนถุงทรายไร้ค่า เหล่าศิษย์สำนักสุญตาที่อยู่ด้านล่างล้วนตกตะลึงพรึงเพริด หวาดหวั่นจับขั้วหัวใจ พวกมันเคยได้ยินได้ฟังคำเล่าลือเกี่ยวกับศิษย์พี่จั่วม่อมาแทบทุกเรื่อง แต่การได้เห็นกับตาว่าศิษย์พี่จั่วม่อเชือดซิวเจ่อด่านหนิงม่ายผู้หนึ่งทิ้งอย่างง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือเช่นนี้ ยังชวนสะท้านขวัญวิญญาณกว่าสิ่งใดทั้งหมด
กลางเวหา เห็นจั่วม่อยืนนิ่งเงียบ ร่างผอมแห้งหลับตาพริ้ม ประทับความรู้สึกครั่นคร้ามและลี้ลับสุดหยั่งถึงลงไปในใจพวกมันอย่างลึกล้ำ
อึดใจใหญ่ให้หลัง จั่วม่อลืมตาขึ้น ดวงตาทอสีสันสดใสของความเบิกบานใจ
ศรสุญตาน้อยไม่ใช่ทักษะดั้งเดิมของค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ที่มีบันทึกไว้ในม้วนหยก แต่เป็นกระบวนท่าสังหารที่มันคิดค้นขึ้นเอง ด้วยความเข้าใจที่ได้รับจากการศึกษาค่ายกลเจตจำนงกระบี่ ภายในค่ายกลค่ายกลเจตจำนงกระบี่ มันเฝ้าดูกระบวนการที่เจตจำนงกระบี่เล็กละเอียดรวมตัวเป็นเจตจำนงกระบี่ที่ใหญ่โตขึ้นและทรงพลังกว่าเดิม ตลอดครึ่งปีมานี้ไม่รู้ว่าเฝ้าดูมากี่ร้อยครั้งกี่พันหนจนนับไม่หวาดไม่ไหว ศรสุญตาน้อย เกิดจากการที่ค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์สร้างคลื่นเสียงเล็กละเอียดจำนวนมหาศาลออกมา คลื่นเสียงเล็กละเอียดเหล่านี้ไม่ดึงดูดความสนใจ ทั้งไม่ก่อความรำคาญ แต่ยามใดที่พวกมันรวมตัวกัน กระทั่งชนชั้นหนิงม่ายยังตกตายโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
กว่าที่ศัตรูภายในค่ายกลจะสัมผัสได้ถึงอันตราย ศรสุญตาน้อยก็ก่อรูปแล้วเสร็จ พร้อมจะจู่โจมอยู่ทุกขณะจิต!
ทันทีที่บังเกิดลางสังหรณ์ หนานหมิงจื่อก็คิดจะหลบหนีในทันที ไม่ทราบเพราะเหตุใด จั่วม่อกลับเลือกใช้ทักษะสังหารที่ยังไม่สมบูรณ์นี้ กระทั่งตัวมันเองยังคิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ มันก็ครุ่นคิดดื่มด่ำกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้บรรลุในชั่วขณะนั้นอย่างเงียบๆ
มองไปยังซากศพของหนานหมิงจื่อ จั่วม่อเคร่งขรึมลง ไม่ได้รู้สึกดีแม้แต่น้อย
โลกอันวุ่นวาย ย่อมไร้ระเบียบกฏเกณฑ์!
เมื่อรังย่อยยับ ไหนเลยจะยังเหลือไข่สมบูรณ์? มันยังเป็นเพียงซิวเจ่อด่านจู้จีตัวเล็กๆ เท่านั้น ความกังวลในใจทับถมทวีคูณ
จั่วม่อร่อนลงมาช้าๆ ห่วงเสียงพุทธะหายไปแล้ว วัตถุดิบทั้งหมดกลับลงไปในพื้นดิน หากมิใช่ว่ามีซากศพซากหนึ่งทอดร่างอยู่บนพื้น ก็แทบไม่เห็นร่องรอยว่าในเกาะแมกไม้รกร้างแห่งนี้เพิ่งจะผ่านการต่อสู้ถึงชีวิตมารอบหนึ่ง
“เอาละ ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ นับตั้งแต่พรุ่งนี้ เราจะเริ่มเสาะหาเส้นชีพจรปราณปฐพี” จั่วม่อกล่าวกับเหล่าศิษย์น้อง
“ทราบแล้วศิษย์พี่!” ศิษย์น้องพร้อมใจกันก้มศีรษะรับคำอย่างเรียบๆ ร้อยๆ พลังฝีมืออันเข้มแข็งของจั่วม่อทำให้พวกมันยินดีเชื่อฟังมากกว่าเดิม ในใจยังบังเกิดความครั่นคร้ามอย่างบอกไม่ถูก
น่าเสียดายที่เจ้าดำน้อยยังไม่ยอมตื่น มิเช่นนั้นงานเสาะหาเส้นชีพจรปราณปฐพีก็ง่ายดายยิ่ง อย่างไรก็ตาม ซิวเจ่อสายการผลิตพวกนี้ล้วนมีฝีมือเฉพาะตัว ชาวนาปราณผู้หนึ่งรู้วิธีมองหาเส้นชีพจรปราณปฐพี และนักสื่อสารสัตว์ร้ายผู้หนึ่ง นำหนูดาวน้ำเงินที่สามารถค้นหาเส้นชีพจรปราณปฐพีออกมาตัวหนึ่ง พวกมันยามนี้ล้วนเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน อีกทั้งเกาะแมกไม้รกร้างก็ไม่ได้ใหญ่โตอันใด ดังนั้นไม่มีผู้ใดคิดปิดบังอะไร เริ่มต้นค้นหาไปด้วยกัน
เมื่อค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ส่วนใหญ่เสร็จสมบูรณ์ จั่วม่อหัวใจค่อยสงบราบคาบลงในที่สุด ด้วยพลังของค่ายกลขบวนใหญ่ มันไม่หวั่นเกรงชนชั้นหนิงม่ายหน้าไหน สำหรับปรมาจารย์ด่านจินตัน ต่อให้มันมียุทธภัณฑ์เวทยอดเยี่ยมกว่านี้ ก็ยังคงไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือด่านจินตันก็ไม่มาสนใจทรัพย์สินของซิวเจ่อด่านจู้จีอย่างมันอยู่แล้ว
ข้างทะเลสาบหินหนืด จั่วม่อนำสิ่งของที่มันริบมาจากร่างของหนานหมิงจื่อออกมาวางเรียงราย เห็นสิ่งของจิปาถะกองโตกองอยู่ตรงหน้า แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเป็นเรือเมล็ดอินทผลัมกับเถาวัลย์แห้งเหี่ยวท่อนหนึ่ง
บนเมล็ดอินผลัมสลักรูปเรือเล็กๆ ไว้ ไม่ว่าจะเป็นรั้วระเบียงขอบเรือ ชายคา ห้องท้องเรือ เสากระโดงเรือหรือใบเรือ ทุกอย่างล้วนประณีตงดงามไร้ที่เปรียบ จั่วม่อจดจำได้ว่าตอนที่หนานหมิงจื่อต้องการหลบหนีก็รีบนำเมล็ดอินทผลัมนี้ออกมา มันพลันรู้สึกว่าน่าสนใจยิ่ง ผู้ใดไม่อยากได้ยุทธภัณฑ์เวทที่ใช้หลบหนีและอาจใช้รักษาชีวิตได้ด้วย?
มันโคจรพลังปราณเข้าสู่เมล็ดอินทผลัมทันที
ทันใดนั้นแรงดูดอันรุนแรงกระชากมาจากเมล็ดอินทผลัม พลังปราณในร่างมันจู่ๆ ก็ปะทุดุจม้าป่าหลุดจากบังเหียน ไหลพล่านไปยังเมล็ดอินทผลัมอย่างบ้าคลั่ง!
ภายในชั่วพริบตา พลังปราณในร่างมันก็แทบจะเหือดแห้ง
จั่วม่ออกสั่นขวัญแขวน รีบหยุดยั้งพลังปราณไม่ไหลออกไปอีก เมล็ดอินทผลัมนี้มีบางอย่างผิดปกติ! ยังคงระมัดระวังไว้บ้างจะดีกว่า มันคีบเมล็ดอินทผลัมขึ้นมาส่องดูอย่างละเอียด หลังจากสูบกลืนพลังปราณของมันเข้าไปขนาดนั้น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันใดแม้แต่น้อย
มันคล้ายเข้าใจว่าไฉนหนานหมิงจื่อไม่ใช้เรือเมล็ดอินทผลัมเสียตั้งแต่ทีแรก ของสิ่งนี้ต้องใช้พลังปราณในการเริ่มต้นขับเคลื่อนมากเกินไป
จั่วม่อฝืนยิ้มในใจ ระดับพลังปราณเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน แต่เรือเมล็ดอินทผลัมกลับต้องการพลังปราณมากมายถึงเพียงนี้ หลังจากลงทุนลงแรงไปไม่น้อย ผลที่ได้คือยุทธภัณฑ์เวทที่มันไม่สามารถใช้งานได้ในตอนนี้ชิ้นหนึ่ง
มันหันไปมองกิ่งเถาวัลย์แห้งเหี่ยว อารมณ์ขุ่นข้องหายวับไปทันที แววปิติยินดีในดวงตาค่อยๆ เข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ ท้ายที่สุดอดแหงนหน้าหัวร่อเสียงดังกึกก้องไม่ได้
กำไร! กำไรอย่างแท้จริง!
เถาวัลย์แห้งเหี่ยวไม่มีใดสะดุดตา สีเทาโคลนคล้ายเถาวัลย์แห้งที่สามารถพบเห็นได้ทุกที่ ตอนที่มันนำออกมาจากแหวนของหนานหมิงจื่อ เจ้าสิ่งนี้กองรวมๆ อยู่กับสิ่งของสารพันเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าหนานหมิงจื่อไม่ทราบคุณค่าที่แท้จริงของเจ้าสิ่งนี้
แต่จั่วม่อทราบ! มันรู้จักเถาวัลย์ชนิดนี้ ของสิ่งนี้มีนามอันพิเศษเฉพาะเรียกว่า ‘เถาวัลย์ฟันเขี้ยว’ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง เถาวัลย์ฟันเขี้ยวที่เติบโตเต็มที่ จะออกดอกบานสะพรั่งงดงามอ่อนช้อยสุดเปรียบปาน ปลดปล่อยกลิ่นหอมหวานอันเย้ายวนออกมา เจ้าสิ่งนี้เป็นผู้ใช้ภาพลวงตาตามธรรมชาติ สามารถแปรเปลี่ยนได้หลากหลายรูปร่าง เมื่อถือกำเนิดเกิดมา พวกมันก็เชี่ยวชาญทักษะลวงตาหลอนประสาท เมื่อเหยื่อหลงเข้ามาใกล้จะไม่มีปัญญาหลบหนีไปได้ ราวกับว่าถูกขังอยู่ในค่ายกลลวงตาขบวนหนึ่ง
และเมื่อเหยื่อล่วงล้ำเข้าสู่รัศมีสังหาร ขณะที่เถาวัลย์ฟันเขี้ยวร่ายภาพลวงตา มันจะลอบเข้าหาเหยื่ออย่างเงียบเชียบไปพร้อมกัน เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่เป็นแค่พืชอย่างเดียว แต่ยังประกอบด้วยแมลงเล็กจิ๋วนับไม่ถ้วน ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า ‘ฟันเขี้ยว’
เถาวัลย์ฟันเขี้ยวเป็นเถาวัลย์ปราณที่ทั้งพิสดารและอันตรายสุดขั้ว เถาวัลย์แห้งเหี่ยวที่ดูขัดตาของหนานหมิงจื่อไม่ใช่แค่เถาวัลย์ฟันเขี้ยวธรรมดาเท่านั้น มันยังเป็นชิ้นส่วนของเถาวัลย์ฟันเขี้ยวระดับสี่ชิ้นหนึ่ง
เถาวัลย์ฟันเขี้ยวระดับสี่!
จั่วม่อไม่ทราบว่าผู้ใดมีฝีมือสูงส่งจนสามารถตัดเถาวัลย์ฟันเขี้ยวระดับสี่ออกมาได้ เถาวัลย์ฟันเขี้ยวระดับสี่มีอันตรายไม่น้อยไปกว่ายอดฝีมือด่านหนิงม่ายผู้หนึ่ง คิดล่าเจ้าสิ่งนี้ยากลำบากถึงที่สุด ต้องอาศัยฝีมืออันช่ำชองชำนาญของนักล่ามืออาชีพ ชั่วขณะที่ตัดเถาวัลย์ฟันเขี้ยวออกมาจำเป็นต้องตัดด้วยมีดหยก จึงจะสามารถรักษาสภาพเส้นเถาวัลย์ที่สมบูรณ์ มิเช่นนั้น เถาวัลย์ฟันเขี้ยวจะผุสลายกลายเป็นฝุ่นไป
หากชิ้นส่วนเถาวัลย์ฟันเขี้ยวระดับสี่ชิ้นเล็กๆ นี้วางอยู่ในหอลอยร้อยวิเศษ อาจมีราคาสูงล้ำเทียมฟ้า
แต่จั่วม่อย่อมไม่อาจหักใจขายออกไปอย่างแน่นอน
ของสิ่งนี้มีประโยชน์สำหรับมัน เพราะมันกำลังจะสร้างค่ายกลกระบี่!
ค่ายกลที่มันคิดไว้ไม่ไช่ค่ายกลกระบี่อันใหญ่โตเฉกเช่นค่ายกลเจตจำนงกระบี่ของสำนัก แต่มุ่งเน้นไปที่ความสะดวก นี่จะเป็นค่ายกลที่เคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวกดาย สามารถพกพาติดตัวตลอดเวลา กล่าวอีกทางก็คือ มันตั้งใจจะหลอมสร้างกระบี่บินชุดหนึ่งที่สามารถก่อตั้งเป็นค่ายกลกระบี่ได้ดั่งใจปรารถนา!
ถูกขังอยู่ในค่ายกลเจตจำนงกระบี่ครึ่งปี เป็นแรงบันดาลใจให้จั่วม่อบังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา นับตั้งแต่ที่ความคิดนี้วาบขึ้น ก็ตอกตรึงแน่นอยู่ในใจ ไม่อาจกวาดทิ้งออกไปได้อีก!
การต่อสู้กับหนานหมิงจื่อเตือนให้มันฉุกคิดถึงยุคแห่งความอลหม่านวุ่นวาย การเอาชีวิตรอดถือเป็นความสำคัญอันดับแรก หมู่เกาะแมกไม้รกร้างมีค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ ดังนั้นอยู่ที่นี่ไม่มีใดให้กังวล แต่มันย่อมไม่สามารถอยู่ที่เกาะแมกไม้รกร้างตลอดไปได้ หากไม่มีพลังฝีมือเพียงพอที่จะป้องกันตัวเอง มันก็เป็นได้แค่แพะอ้วน รอคอยที่จะถูกฉีกทึ้งกัดกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
คราวนั้นมันหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่ให้แม่นางซู่ ไม่ใช่ว่าไม่ได้รับประสบการณ์ความคิดอันใด จากนั้นยังติดอยู่ในมหาค่ายกลเจตจำนงกระบี่ ความคิดที่มีอยู่แต่แรก ค่อยๆ พัฒนาเป็นรูปเป็นร่างอย่างสมบูรณ์ในใจมัน
ครึ่งปีที่ผ่านมาจั่วม่อขลุกอยู่กับห้าเจตจำนงกระบี่ที่แตกต่างกันทุกวันคืน บรรลุความเข้าใจมากมาย แม้ว่าไม่บริสุทธิ์เท่าของซือฟู่กับเหล่าอาจารย์ลุง แต่ไม่มีปัญหาในการลอกเลียนรูปแบบที่ดีเหล่านี้
เจตจำนงกระบี่ห้าชนิด มังกรน้ำแข็งของอาจารย์ลุงรอง ภูผาตระหง่านของอาจารย์ลุงเจ้าสำนัก จิ้งจอกหิมะของอาจารย์ลุงสาม เถาวัลย์ม่วงของซือฟู่ และปากว้าของอู่หลิงซ่านเหริน มันล้วนลอกเลียนสำเร็จ
มันกระทั่งพิจารณาคัดเลือกเจตจำนงกระบี่ที่จะใช้ในค่ายกลกระบี่ของมัน สุดท้ายตัดสินใจใช้เจตจำนงกระบี่เพลิงธาราแทนที่เจตจำนงกระบี่ปากว้าของอู่หลิงซ่านเหริน แม้ว่าเจตจำนงกระบี่เพลิงธาราของมันจะด้อยกว่าเจตจำนงกระบี่ปากว้ามาก แต่มันบรรลุความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเจตจำนงกระบี่เพลิงธารา นี่จะทำให้มันควบคุมค่ายกลกระบี่ขบวนนี้ได้ง่ายดายกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความคิดจะดีเลิศปานใด มันกลับไม่มีวัตถุดิบที่เหมาะสม
หากนำกระบี่หยดน้ำมาหลอมสร้างใหม่ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม สามารถใช้คู่กับเจตจำนงกระบี่เพลิงธาราได้ แต่กระบี่อีกสี่เล่มทำให้จั่วม่อเผชิญกับความยากลำบาก เจตจำนงกระบี่ภูผาจำเป็นต้องใช้กระบี่บินธาตุดิน เจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งต้องการวัตถุดิบจำพวกน้ำแข็ง เจตจำนงกระบี่จิ้งจอกหิมะต้องใช้สิ่งของเช่นกงเล็บหรือฟันเขี้ยวของสัตว์ และเจตจำนงกระบี่เถาวัลย์ม่วงย่อมต้องการเถาวัลย์ปราณชิ้นหนึ่ง
ต้องการวัตถุดิบสี่ประเภทนี้อย่างยิ่งยวด จั่วม่อบุกผ่านคลังสินค้าของสำนักทั้งหมด แต่ไม่พบวัตถุดิบที่พึงพอใจ ได้แต่ยอมรามือไปเอง
ไม่ได้คาดหวังว่าจู่ๆ ก็ค้นพบเถาวัลย์ฟันเขี้ยวระดับสี่ในตัวหนานหมิงจื่อ จะไม่ให้มันแตกตื่นยินดีได้อย่างไร?