EG บทที่ 150 ครูแปลกประหลาดจากประเทศจีน (อ่านฟรี)
ที่ค่ายฤดูร้อนในช่วงสองวันนี้ มีการพาไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยมอสโก สวนพฤกษศาสตร์ โบสถ์ โรงละคร สนามกีฬา และสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับศิลปะทั้งสิ้น
เฝิงหยู่ไม่ได้รู้สึกสนใจสถานที่พวกนี้เลย เขายังมีโอกาสอีกมากที่จะได้มาเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้ในอนาคต เขาอยากไปเยี่ยมชมโรงงานในสหภาพโซเวียตมากกว่า อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ไปเยี่ยมชมทุกโรงงานรอบๆ เมืองมอสโกมาหมดแล้ว ส่วนโรงงานที่เหลือนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตที่เฝิงหยู่จะไปเยี่ยมชมได้เพราะคิริเลนโกไม่มีอำนาจที่จะพาเฝิงหยู่ไปหรือไม่ก็ไกลเกินไป และพวกเขามีเวลาไม่มากพอ
เฝิงหยู่รู้สึกเสียดายที่ตัวเองยังมีเงินรูเบิ้ลเหลืออีกสองสามล้าน แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปซื้ออะไรดี
พอคิริเลนโกได้ยินเช่นนั้น ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขาปรึกษากับคนอื่นๆ และตัดสินใจที่จะตอบสนองความต้องการของเฝิงหยู่ที่อยากจะเป็นเจ้าของสายการผลิตรถจักรยานยนต์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เขาจะขายอย่างน้อยสายการผลิตสายหนึ่งให้แก่เฝิงหยู่
พอเห็นคิริเลนโกบอกใบ้แบบนี้ เฝิงหยู่ก็กลับมาที่ค่ายเพื่อรอฟังข่าว
วันนี้นักเรียนจากค่ายฤดูร้อนกำลังไปเยี่ยมชมหอดูดาวหรือท้องฟ้าจำลองของมหาวิทยาลัยมอสโก ซึ่งมีอุปกรณ์ไฮเทคมากมายที่ใช้สำหรับการสำรวจดวงดาว และล้วนเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยกว่าในประเทศจีน
แม้แต่ครูสามคนนั้นก็สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลและข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคอย่างละเอียดหลังจากที่พวกเขาได้ลองอุปกรณ์ดังกล่าว ด้วยความช่วยเหลือจากเฝิงหยู่และนักเรียนที่เหลือ พวกเขาก็รวบรวมข้อมูลโดยย่อได้บางส่วน
ครูสามคนนั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านดาราศาสตร์และไม่รู้ว่าข้อมูลพวกนี้จะได้เอาไปใช้หรือไม่ แต่พวกเขากำลังทำภารกิจอยู่ ดังนั้นเขาจึงจดทุกอย่างลงในสมุดโน้ต เมื่อพวกขากลับไปที่มหาวิทยาลัยของพวกเขา ก็จะได้ส่งข้อมูลต่อให้ครูคนอื่นๆ
ต่อมาพบว่าส่วนหนึ่งของข้อมูลที่พวกเขาได้มาจากการเยี่ยมชมครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากกับครูคนอื่นๆที่มาตรวจสอบข้อมูล ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการวิจัยได้หลายปี
ที่สถาบันฟิสิกส์นิวเคลียร์ ครูทั้งสามคนรู้สึกไม่ค่อยสนใจมากนัก ทั้งที่จริงแล้วทั้งสามคนนี้สมัครเป็นครูสอนวิชาฟิสิกส์ ครูสอนวิชาเคมี และครูจริยธรรม แต่กลับได้เป็นครูสอนวิชาฟิสิกส์นิวเคลียร์ ครูสอนวิชาเคมี และครูสอนวิชาเครื่องจักรกลที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
เมื่อมีความรู้ในสาขาเฉพาะถึงระดับหนึ่ง ความรู้พื้นฐานส่วนใหญ่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายรายจึงมีความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา
ครูทั้งสามคนนี้มักจะยืนมุงดูอยู่ด้านหน้านักเรียนเสมอ และจ้องมองไปที่อุปกรณ์ทดลอง
หืมมม งานวิจัยนี้สามารถนำใช้กับพลังงานและสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้ เรื่องนี้สำคัญมากและต้องจดจำไว้ให้ดี
อ้า....งานวิจัยนั้นสำหรับเครื่องจักรของเหลว และทฤษฎีนี้ก็สามารถนำไปใช้กับการบินและการเดินทะเลได้ นี่ก็สำคัญมากและต้องจดจำเช่นกัน
นั่นมันโครงสรค้างอาคารแบบใหม่ใช่มั้ย? ยังไม่เคยมีแบบนี้ในประเทศจีนเลยนะ นี่ก็ต้องจดจำเช่นกัน ในตอนกลางคืนพวกเขาจะจดลงในสมุดโน้ตเพื่อกลับไปวิจัยต่อเพิ่มเติมที่มหาวิทยาลัยของตัวเอง
........
พฤติกรรมของครูทั้งสามคนดูแปลกประหลาดมากและคอยถามคำถามมากมาย อย่างไรก็ตาม ชาวโซเวียตที่ภาคภูมิใจในตัวเองต่างคิดว่าพวกเขาคงรู้สึกอึ้งและทึ่งกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของสหภาพโซเวียตและถือว่าเป็นเรื่องปกติ ในโลกคงมีไม่กี่คนที่จะไม่รู้สึกอึ้งกับเทคโนโลยีของพวกเขา
นักเรียนของทีมจากประเทศอื่นๆ ต่างยืนอยู่ตรงหน้าครูของพวกเขาโดยเรียงตามลำดับความสูง คนที่เตี้ยสุดยืนอยู่ด้านหน้าสุดและคนที่สูงที่สุดยืนอยู่ด้านหลัง เฉพาะโรงเรียนมัธยมปลายจากเมืองปิงเท่านั้นที่ต่างจากคนอื่นๆ เพราะครูมายืนอยู่หน้านักเรียนทั้งหมดและนักเรียนกลับไปยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งทำให้ครูจากประเทศอื่นๆ มองด้วยสายตาแปลกๆ ว่าทำไมครูพวกนี้จากประเทศจีนถึงทำตัวแปลกประหลาด!
เหวินตงจวินพยายามที่จะเบียดผู้คนไปด้านหน้าเพื่อมองดูให้ชัดยิ่งขึ้น แต่เฝิงหยู่ดึงเขากลับมา เหวินตงจวินมองไปรอบๆ และเห็นนักเรียนจากโรงเรียนอื่นๆ กำลังมองมาที่เขา เขาคิดว่าคงเป็นเพราะเขาไม่ยอมต่อคิว และทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยืนอยู่ด้านหลัง แม้ว่าเขาจะได้ไปยืนข้างหน้าและมองเห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าสิ่งที่เขากำลังมองอยู่มันคืออะไร
สำหรับนักเรียนคนอื่นๆ ที่เหลือของโรงเรียนมัธยมปลายจากเมืองปิง พวกเขาไม่ได้พยายามจะไปยืนด้านหน้าคุณครู พวกเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะได้เห็นชัดเจนหรือไม่เพราะดูไปพวกเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ห้องวิจัยและห้องปฏิบัติการมีขนาดใหญ่มาก และนี่เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยมอสโกอนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาด้านใน
ในตอนแรก ผู้จัดงานไม่อนุญาตให้นักเรียนเข้าเยี่ยมชมสถานที่สำคัญเช่นนี้ นอกจากนี้ หัวข้อหลักของค่ายฤดูร้อนครั้งนี้คือศิลปะ แต่หัวหน้าระดับสูงของพวกเขาออกคำสั่งให้พาเด็กนักเรียนเข้าเยี่ยมชมได้ โดยอ้างว่านี่เป็นโอกาสที่จะดึงดูดให้นักเรียนพวกนี้มาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมอสโก ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับมหาวิทยาลัยและสหภาพโซเวียตที่จะดึงคนที่มีความสามารถพวกนี้เข้ามา
เนื่องจากหัวหน้ามหาวิทยาลัยมีคำสั่งมาเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร? แต่โดยปกติแล้ว การเยี่ยมชมห้องวิจัยจะให้ชมเฉพาะด้านนอกเท่านั้นและไม่ได้ให้เข้าไปในบริเวณหลักที่สำคัญ ทำไมหัวหน้าจึงยอมให้เด็กนักเรียนพวกนี้เข้าไปในบริเวณหลักที่สำคัญซึ่งมีข้อมูลมากมายเช่นนี้?
หัวหน้ามหาวิทยาลัยบอกว่าแม้ว่าจะมีข้อมูลสำคัญมากมาย แต่เด็กพวกนี้เป็นนักเรียนศิลปะ พวกเขาคงไม่เข้าใจเรื่องทฤษฎีเบื้องหลังเท่าไรนัก นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเลิศสำหรับนักเรียนพวกนี้ที่จะได้บอกต่อไปว่ามหาวิทยาลัยมอสโกดีมากขนาดไหน
มันไม่สำคัญว่านักเรียนพวกนี้จะได้เข้าใกล้ข้อมูลสำคัญหรือไม่ ขนาดพวกเขาเอาข้อมูลเหล่านี้ให้นักเรียนโดยตรง พวกเด็กๆ ยังไม่เข้าใจเลย แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจดจำสูตรต่างๆ อีกไม่ถึงห้านาทีหลังจากออกจากสถานที่นี้พวกเด็กๆ ก็ลืมกันแล้ว มีอะไรให้ต้องกังวลล่ะ?
เฝิงหยู่พยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับครูทั้งสามคนแล้วละ ครูสามคนนี้ได้รับเลือกจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี และพวกเขาก็มีความเชี่ยวชาญในสาขานี้ พวกเขามีความสามารถในการจดจำที่ดี และตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้วว่าจะสามารถจดจำได้มากน้อยแค่ไหน เฝิงหยู่ไม่สามารถช่วยเหลือได้มากในส่วนนี้ เขาและเหวินตงจวินพยายามช่วยโดยการจดจำสูตรบางสูตร แต่เขาก็ลืมทุกอย่างทันทีที่เขาเดินทางกลับมาที่หอพัก
พวกเขาได้เข้าเยี่ยมชมห้องวิจัยและห้องปฏิบัติการจำนวนมากเป็นเวลาสี่วันติดต่อกัน ในที่สุดค่ายฤดูร้อนก็สิ้นสุดลง
ในวันถัดมา มีการจัดงานเลี้ยงอำลา และทุกทีมจะต้องกลับไปประเทศของตัวเองในวันรุ่งขึ้นหลังจากงานเลี้ยง
เวลาประมาณเที่ยงคิน เฝิงหยู่และเด็กนักเรียนที่เหลือยังคงอยู่ในห้องและจดทุกสิ่งที่พวกเขาจดจำได้จากการเยี่ยมชม ครุทั้งสามคนสั่งให้พวกเขาจดทุกอย่างที่พวกเขาจำได้ นักเรียนต้องใช้ปากกาหลายสีสำหรับข้อมูลที่พวกเขาไม่แน่ใจ
ตอนแรกเหวินตงจวินอยากจะเขียนเรื่องไร้สาระ แต่เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งจากครู เขาเลยยกเลิกความคิดนี้ เขาบอกครูว่าเขาจำอะไรไม่ได้เลย
เฝิงหยู่จดข้อมูลบางส่วนที่เขาพอจำได้ เขาเป็นคนที่มีความจำดี แต่เขาไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่เขาจำมาได้นั้นจะมีประโยชน์สำหรับครูหรือไม่ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกครูอยู่แล้ว
นักเรียนที่เหลือต่างก็จดทุกอย่างที่ตัวเองจำได้ลงไปในสมุด เฝิงหยู่ลองมองดูสิ่งที่เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ จด และพบว่าแทบจะเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น มีนักเรียนคนหนึ่งถึงขนาดจดรายชื่อนักวิทยาศาสตร์ของโซเวียตที่ให้ความช่วยเหลือแก่มหาวิทยาลัย เฝิงหยู่ไม่เข้าใจว่าทำไมนักเรียนคนนี้ถึงจำชื่อพวกนี้ได้ แต่ที่แน่ๆ เฝิงหยู่มั่นใจว่าข้อมูลนี้ไร้ประโยชน์สำหรับพวกอาจารย์แน่ๆ
นักวิทยาศาสตร์พวกนี้ส่วนใหญ่เสียชีวิตไปแล้วหรือยังคงทำงานให้กับศูนย์วิจัยลับอยู่ ประเทศจีนคงไม่มีโอกาสได้ติดต่อพวกเขาหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ครูทั้งสามคนก็น่าจะหาชื่อนักวิทยาศาสตร์พวกนี้ได้อย่างง่ายดาย และนี่ถือว่าเป็นข้อมูลที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี
อย่าไรก็ตาม มีนักเรียนคนหนึ่งที่ทำให้เฝิงหยู่ถึงกับอึ้ง เฝิงหยู่คิดว่าความจำของเขาดีมากแล้ว แต่ความจำของหลิวคุน นักเรียนหัวกะทิจากโรงเรียนมัธยมปลายของเมืองปิง ยังดีกว่าเขาเสียอีก หลิวคุนสามารถจดจำข้อมูลได้จำนวนมาก และได้รับการชื่นชมจากครูทั้งสามคน
หลังจากที่ครูทั้งสามเก็บข้อมูลใส่ลงกระเป๋าเดินทางอย่างระมัดระวังแล้ว นักเรียนก็เข้านอนได้
นักเรียนทั้งหมดคิดถึงงานเลี้ยงอำลา ยกเว้นเฝิงหยู่ เขาเชื่อว่าตอนนี้น่าจะได้เวลาที่คิริเลนโกกลับมาหาเขาพร้อมกับการซื้อสายการผลิตรถจักรยานยนต์ได้แล้ว....
ติดตามตอนล่าสุดได้ที่ เพจ Kingdom นิยายแปล