EG บทที่ 146 เครื่องเพิ่งลงก็หายตัวไปซะแล้ว (อ่านฟรี)
แม้ว่านี่เป็นชีวิตครั้งที่2ของเฝิงหยู่แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไปมอสโคว์ กรุงมอสโกไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ในชีวิตก่อนหน้านี้เขาจึงไม่มีความคิดที่จะไปมอสโกเลย
คราวนี้ เฝิงหยู่ไม่ได้มาที่นี่เพื่อพักผ่อนหย่อนคลาย เขามีเป้าหมาย2อย่าง อย่างแรกเขามาเพื่อชุบทองให้ตัวเอง เพื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำของปักกิ่งส่งโควต้าเข้าเรียนต่อมาให้เจา ประการที่สอง เขากับคิริเลนโกจะไปเยี่ยมชมโรงงานที่ใกล้จะปิดลง เพื่อหาซื้อเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศจีนด้วยตัวเอง
"รองผู้อำนวยการซุน ผมขอลาหยุด ผมจะไปกับเพื่อนของผมที่อยู่ที่นี่"
รองผู้อำนวยการซุนขมวดคิ้ว: "เฝิงหยู่ วันนี้เป็นวันรายงานตัววันแรกสำหรับค่ายฤดูร้อน เธอยังไม่ไปหอพักก็จะขอลาแล้ว มันจะดูไม่ดีนะ?."
เฝิงหยู่ยิ้ม "ไม่เป็นไรหรอกครับ คณะกรรมการจัดงานไม่สนใจหรอก ดูสิครับ เพื่อนของผมมารับแล้ว "
แลนด์โรเวอร์สองคันที่แปะสัญลักษณ์กองทัพของสหภาพโซเวียตขับมาจอดข้างๆเครื่องบิน คิริเลนโกะเปิดประตูลงจากรถ พร้อมอ้าแขนสองข้างเดินเข้าไปกอดเฝิงหยู่
"เฝิงที่รัก ไม่เจอกันนานเลย"
"พี่จี ไม่เจอกันนานเลยนะครับ" เฝิงหยู่รีบผละหนีออกจากอ้อมกอดของคิริเลนโกะ เขาแข็งแรงมาก กอดรัดจนเฝิงหยู่เกือบจะหายใจไม่ออก
"สวัสดีครับ คุณคงเป็นหัวหน้าทีมของโรงเรียนมัธยมปลาย ผมเป็นผู้จัดงานค่ายฤดูร้อนนี้ ตอนนี้เฝิงหยู่ต้องตามผมไปดำเนินการบางอย่าง นี่คือบัตรประจำตัวของผม '
พอรองผู้อำนวยการซุนเห็นว่าเฝิงหยู่รู้จักกับกับคนรัสเซียนี้ แถมคนรัสเซียยังระบุว่าตัวเองเป็นผู้จัดค่าย ดังนั้นเขาจึงยอมตกลงให้เฝิงหยู่ออกจากทีม แต่ถ้าเฝิงหยู่ไม่ได้กลับมาตอนกลางคืนขอให้เฝิงหยู่โทรแจ้งเขา
หลี่น่าและคนอื่นๆรู้อยู่แล้วว่าจะออกจากทีม แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากให้เฝิงหยู่ไป แต่พวกเขาก็ถูกครอบงำโดยความตื่นเต้นในการเข้าพักที่มหาวิทยาลัยมอสโก
เมื่อมานั่งในรถ เฝิงหยู่ก็ถามอย่างฉับพลัน: "พี่จี คุณกลายเป็นคนจัดค่ายฤดูร้อนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"
คิริเลนโกหัวเราะแล้วกล่าวว่า "แม้แต่เธอก็ยังเชื่อ? ฉันก็แค่พูดลอยลอย บัตรประจำตัวที่ฉันแสดงก็เป็นบัตรผ่านธรรมดาเท่านั้น "
เฝิงหยู่ส่ายหน้าพร้อมทั้งหัวเราะ
รถของพวกเขามาถึงร้านอาหารร้านหนึ่ง เป็นร้านอาหารแบบโซเวียตแบบดั้งเดิม ในห้องอาหารเสิร์ฟอาหารประจำชาติของโซเวียต แต่เฝิงหยู่รู้สึกตะหงิดใจ เพราะคราวนี้เขาเป็นตัวแทนบริษัทการค้าไทหัวมาเยี่ยมเยียนกรุงมอสโก แต่คู่ค้าทางธุรกิจของคิริเลนโกะไม่มาต้อนรับเขาเลย หรือบรรดาทหารรุ่นที่2เหล่านั้นไม่ให้เกียติเขา?
อันที่จริงเฝิงหยู่คิดมากไปเอง บรรดาทหารรุ่นที่2ไม่ได้จะหยามเกียติเฝิงหยู่ ในความเป็นจริงพวกเขารู้สึกประทับใจกับสถานะทางการเงินของเฝิงหยู่ แต่คิริเลนโกะกำลังคิดหาหนทางที่จะสลัดพันธมิตรทางธุรกิจและทำงานร่วมกับเฝิงหยู่คนเดียวเท่านั้น ในเมื่อเขามีเงินมั่งคั่งแล้วเขาจึงไม่ต้องการคู่ค้าพันธมิตอีก
ดังนั้นคิริเลนโกะจงใจแจ้งคู่ค้าทางธุรกิจเกี่ยวกับการมาถึงของเฝิงหยู่ให้ช้าไปหนึ่งวัน แม้ว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาคือทหารรุ่นสองของโซเวียต แต่พวกเขาไม่ใช่คนมอสโก เป็นชาวเคียฟ (ยูเครน) พวกเขาจะมาถึงมอสโกในวันพรุ่งนี้ บัดนี้คิริเลนโกไม่สนใจทหารรุ่นสองเหล่านั้นแล้ว เขาต้องการที่จะเตะคนเหล่านั้นออกไปทีละคน
ช่องทางและการจัดจำหน่ายของจีนอยู่ในกำมือของเฝิงหยู่ แถมเฝิงหยู่รู้จักกับคิริเลนโกเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่คิริเลนโกต้องการจะร่วมคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังร่ำรวยจนสามารถใช้เงินสนับสนุนพ่อและพี่ชายของเขาให้มีสถานะสูงขึ้น ครอบครัวของพวกเขาจึงเริ่มมีหน้ามีตาในกองทัพโซเวียต ตอนนี้มีระดับสูงบางรายที่ต้องการดึงพ่อของเขาไปเข้าฝักเข้าฝ่าย แต่ไม่รู้ว่าพ่อของเขาจะเข้าร่วมฝายไหน
เฝิงหยู่ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อย่างที่ถูกปากเฝิงหยู่มากที่สุด เขาคิดว่าก่อนจะกลับต้องพาหลี่น่ามาทานอาหารที่นี่เสียก่อน
ส่วนเหวินตงจุนนะเหรอ? ลืมมันไปเถอะ คนโง่เง่าอย่างเขากินอิ่มแล้วคงร้องตะโกนขอเพิ่มใส่กล่องแพ็คกลับบ้าน!
เฝิงหยู่พอใจกับอาหารมาก แต่เฝิงหยู่ไม่ทันคิดว่าเขาดื่มเยอะไปแล้ว!
คิริเลนโกบอกเขาว่าเมื่อมาที่มอสโกก็ต้องดื่มวอดก้า มาถึงถิ่นแล้วก็ต้องลิ้มลองของดีประจำท้องถิ่นสิ ไม่เคยได้ยินคำโบราณที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม หรอกเหรอ!
ในห้องอาหารให้บริการเครื่องดื่มที่อยู่ในแก้วหรูหรา ดูคล้ายกับแก้วที่ใช้ในบาร์ในชีวิตก่อนหน้าของเฝิงหยู่ เดิมทีเฝิงหยู่คิดจะดื่มแค่ 1-2 แก้วเท่านั้น แต่คิริเลนโกะคอแข็งขนาดนั้น แก้วหนึ่งดื่มอึกเดียวแล้วขอเพิ่มอีก ไม่เว้นช่องว่างให้เฝิงหยู่ปฏิเสธเขาเลย
เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เฝิงหยู่ก็มึนเมาจนเห็นภาพซ้อน!
คิริเลนโกะเรียกคนของเขาพาเฝิงหยู่ขึ้นรถแล้วขับรถไปที่โรงแรมที่เขาจัดไว้ เป็นห้องนอนคู่ แต่คืนนี้กลับกลายเป็นคิริเลนโกที่ไม่สามารถนอนหลับได้
เฝิงหยู่ไม่ได้นอนกรน กัดฟัน หรือละเมอ แต่อ้วกแตกอ้วกแตนต้องการไปห้องน้ำทั้งคืน ส่วนที่แย่ที่สุดคือเฝิงหยู่พูดภาษาจีนซึ่งคิริเลนโกไม่เข้าใจเลย
ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือ ตอนเช้าเฝิงหยู่ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น แต่คิริเลนโกมีรอยคล้ำรอบดวงตา ง่วงหาวนอนลอด เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลย!
หลังจากทานอาหารเช้า เฝิงหยู่และคิริเลนโกไปเยี่ยมชมโรงงานที่พวกเขากำหนด โรงงานเหล่านี้เฝิงหยู่ตั้งใจเลือกเป็นพิเศษ พวกเขามีเครื่องจักรและเทคโนโลยีล้ำหน้ามาก ที่สำคัญที่สุดคือวิศวะกรผู้เชี่ยวชาญค่อนข้างยากจน!
เมื่ออุปกรณ์และเทคโนโลยีถูกส่งไปประเทศจีนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะอยู่ที่นี่ต่อทำไม? เฝิงหยู่คิดอย่างมีหลักการโดยตัดสินใจจ้างงานด้วยค่าแรงค่อนข้างสูงเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญที่ว่างงานไปทำงานในประเทศจีน แลดูเฝิงหยู่เป็นบุคคลที่ใจกว้างมาก!
......
ทางด้านเฝิงหยู่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ฝ่ายของรองผู้อำนวยซูกลับเจอปัญหาใหญ่!
เมื่อวานพวกเขามาถึงมอสโก ทางมหาวิทยาลัยผู้จัดงานตรวจสอบเอกสารของพวกเขาและสังเกตเห็นว่ามีนักเรียนคนหนึ่งหายไป ผู้อำนวยการซุนให้เหตุผลว่าผู้จัดค่ายพานักเรียนออกไปเพื่อดำเนินการขั้นตอนบางอย่าง
ผู้จัดงานต่างก็สับสน มีผู้จัดค่ายพานักเรียนออกไป? "ผู้จัดค่าย" จากที่ไหนกัน?
คืนนั้นเฝิงหยู่ไม่ได้กลับไปที่มหาวิทยาลัยมอสโก และไม่ได้โทรไปแจ้ง รองผู้อำนวยการซูไม่กังวลมากนักเพราะเฝิงหยู่ดูจะสนิทสนมกับคนรัสเซียนั้นเป็นอย่างดี เฝิงหยู่ก็พูดออกจากปากว่าเป็นเพื่อนกัน แต่คณะกรรมการจัดงานไม่คิดอย่างนั้น พวกเขายังขอให้รองผู้อำนวยการซูรีบติดต่อกับนักเรียนที่หายไป และพยายามหาข้อมูลว่านักเรียนไปที่ใด
รองผู้อำนวยการซุนอธิบายเสียยืดยาว ในที่สุดคนจากคณะกรรมการจัดงานก็ออกไป แต่เมื่อค่ายฤดูร้อนเริ่มต้นในวันรุ่งขึ้น บรรดานักเรียนจากประเทศต่างๆได้พบปะทำความรู้จักกันและกัน แต่เฝิงหยู่ยังไม่กลับมา
คนที่มาจากคณะกรรมการจัดงานก็มาถามหากับรองผู้อำนวยการซูอีกครั้ง พวกเขาต้องการให้เขาติดต่อเฝิงหยู่ ทางที่ดีให้เรียกตัวกลับมาที่ค่าย ถ้าหากมีเรื่องรีบร้อนจริงๆก็สามารถขอลาได้ แต่ควรจะมาลาด้วยตัวเอง ไมใช่ฝากคนอื่นให้มาลาแทน
หากไม่ได้ตรวจสอบที่สนามบินแล้วพบว่าเฝิงหยู่เดินทางมาถึงมอสโกแล้ว ผู้จัดงานคงคิดว่าโรงเรียนมัธยมปลายอาจจะตัดรายชื่อนักเรียนคนนี้ออกไป คณะกรรมการจัดงานได้ตรวจสอบมาแล้วว่านักเรียนที่หายไปนี้เป็นนักเรียนที่ได้รับเชิญเฉพาะซึ่งระบุไว้ในจดหมายเชิญ เขาต้องเป็นนักเรียนคนสำคัญ แต่ทำไมถึงขาดการติดต่อไปละ?
รองผู้อำนวยการซุนเหงื่อท่วมด้วยความกระวนกระวายใจ เขาบนค่อนขอดเฝิงหยู่ในใจ เมื่อวานเขาบอกไปแล้วว่าถ้าเฝิงหยู่ไม่กลับมาให้โทรหาเขา เฝิงหยู่ควรทิ้งหมายเลขติดต่อไว้ก่อนที่เขาจะออกไป ตอนนี้คณะกรรมการจัดงานมาตามตัวเฝิงหยู่กับเขา เขาควรทำอย่างไร? ถ้าตัวแทนของนักเรียนจากประเทศอื่นๆทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จะสร้างภาพลักษณ์ไม่ดีแก่ประเทศชาติ
สิ่งที่ทำให้รองผู้อำนวยซุนมึนงงยิ่งกว่าคือคนของคณะกรรมการจัดงานได้รายงานเรื่องนี้แก่ระดับสูงแล้ว โดยรายงานว่ามีนักเรียนจากตัวแทนประเทศจีนหายไปหนึ่งคน พวกเขาตัดสินใจที่จะแจ้งตำรวจ เพราะนักเรียนคนนี้หายไปตั้งแต่ตอนที่มาถึงสนามบิน พวกเขาล้วนกังวลถึงความปลอดภัยของเฝิงหยู่
รองผู้อำวยการจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ถ้ามหาวิทยาลัยรายงานต่อตำรวจ เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เขาซึ่งเป็นผู้นำนักเรียนมาจะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งตอนกลับจีน ทั้งยังจะถูกสอบปากคำและถูกตำหนิ!
ในเวลาเดียวกัน เฝิงหยู่ยังไปเยี่ยมโรงงานอย่างใจจดใจจ่อ ชื่นชมเครื่องจักรและเทคโนโลยีขั้นสูงที่นั่น สหภาพโซเวียตในยุคนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกจริงๆด้วย ที่สำคัญที่สุดคือโรงงานเหล่านี้อยู่ในสภาพขาดแคลนทุน แถมผู้อำนวยการโรงงานยังเบ็ดของคิริเลนโกแล้ว!
ตอนเฝิงหยู่คุยกับผู้อำนวยการโรงงาน เขารู้สึกได้ฉับพลันว่าเหมือนจะลืมอะไรบางอย่าง แต่เขาคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกจึงไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ การเจรจากับผู้อำนวยการโรงงานเป็นสิ่งสำคัญมาก จะต้องกล่อมให้พวกเขาขายเครื่องอุปกรณ์ของโรงงานมาให้ได้
ติดตามตอนล่าสุดได้ที่ เพจ Kingdom นิยายแปล