ตอนที่แล้วบทที่ 2 - อยู่อย่างอ้างว้าง (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 - คุณไม่เห็นฉันหรอ? (1)

บทที่ 3 - อยู่อย่างอ้างว้าง (3)


บทที่ 3 - อยู่อย่างอ้างว้าง (3)

ยูอิลฮานที่ได้กลับมาที่บ้านในกรุงโซลของเกาหลีไปค้นหาตามนิยายแฟนตาสีถึงสิ่งที่จะเปลื่ยนไปในตอนที่มนอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นในสังคมมนุษย์ สิ่งที่จำเป็นนอกเหนือจากความแข็งแกร่งและความรู้ สิ่งที่ใช้ได้ดีในสังคมที่เปลื่ยนไป เขาต้องการที่จะเรียนรู้ในสิ่งพวกนี้

สิ่งที่ยูอิลฮานทำในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากเด็กชาวเกาหลีที่ต้องตั้งใจเรียนเพื่อทจะได้มหาลัยที่ดีหรือเพื่อได้งานที่ดี แค่นี้ก็เห็นได้ชัดว่าเพียงแค่สิ่งที่เขาเรียนมาในก่อนหน้านี้มันก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นบางทีมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้แล้วกับสิ่งที่เขาได้กระทำมากว่าร้อยปี

[ไม่ ฉันไม่ยอมรับมัน.....]

ลิต้าที่แอบมองดูยูอิลฮานที่กำลังค้นคว้าหาสิ่งต่างๆจากนิยายแฟนตาซีอยู่จากด้านหลังก็ได้มองดูเขาและส่ายหัวออกมา ไม่ว่านักเรียกเกาหลีคนนั้นใฝ่เรียนมากแค่ไหนมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนมาหลายร้อยปี!?

แน่นอนว่าการกระทำส่วนใหญ่ของยูอิลฮานในปัจจุบันนั้นมาจากเพราะความต้องการที่จะหลบหนีความโดดเดี่ยว เงียบเหงาของตัวเขาเอง แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงภายใต้สถานการณ์แบบไหน การที่มองหาสิ่งใหม่ๆและศึกษามันมาตลอดนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาแล้ว ไม่สิ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่าการฝึกที่ยาวนานได้เปลื่ยนตัวเขาไป

"ลิต้าในเมื่อเธอยังอยู่ที่นี่ก็บอกฉันมาทีสิ ฉันอยากจะลองชำแหละหรือไม่ก็ตีเหล็กนะ ฉันควรจะลองอะไรก่อนดี"

ยูอิลฮานได้มองไปที่ลิต้าด้วยสายตาที่จริงจัง ลิต้าก็ยังคิดว่ามันคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากตอบกลับไป

[เพื่อที่จะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ อุปกรณ์การป้องกันกับอาวุธที่จากมอนสเตอร์จะเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดดังนั้นฉันก็อยากจะพูดว่า 'ทั้งสอง' เลย แต่ว่าฉันคิดว่ามันน่าจะง่ายกับนายมากกว่ากับการที่เรียนรู้เรื่องพื้นฐานของการชำแหละแทนที่จะเป็นการตีเหล็ก นอกจากนี้หากจัดจากลำดับความสำคัญในสถานการณ์แล้วมันดีกว่า]

"ถ้างั้นก็เอาเป็นชำแหละ"

[เฮ้ ฟังส่วนที่เหลืออีกซักหน่อยสิ]

 

มีสัตว์มากมายอยู่ในป่าและยูอิลฮานก็มีความมั่นใจในการล่าเหล่าสัตว์อยากมากถ้าหากเขามีหอกอยู่ในมือทำให้เขาไม่ลังเลใดๆเลย เขาได้ค้นหาโรงงานผลิตอาวุธดีๆและทำหอกเหมาะมาไม่กี่กันก่อนที่จะเริ่มทำงานทันที

การชำแหละนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่เพียงแค่จะต้องไม่สร้างบาดแผลให้กับสัตว์มากเกินไปเท่านั้น การแล่ผิวของมันก็จะต้องไม่เสียหายตัดเนื้อออกมาส่วนหนึ่ง โดยการทำแต่ละครั้งจะต้องใช้ความละเอียดเป็นอย่างมาก แถมกระบวนการของสัตว์แต่ละชนิดก็ยังแตกต่างกันออกไปอีกด้วย

ยังไงก็ตามเวลาก็จะแก้ไขทุกอย่างได้ ยูอิลฮานได้เริ่มการล่าสัตว์และชำแหละสัตว์ที่เขาล่าได้ในเวลาหลายปีนี้และเรียนรู้เทคนิคต่างๆ จนมันได้มาถึงในจุดที่เขาสามารถจะรู้ในวิธีชำแหละสัตว์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนที่แค่มองดู

"ลิต้าถ้าในตอนนี้ฉันล่าสัตว์ทั้งหมดไปมันไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์ทั้งหมดจะไม่ปรากฏตัวออกมาหรอกหรอ?"

[ที่เทพเจ้าได้ส่งมนุษย์ไปที่โลกอื่นและมอนสเตอร์ก็เพื่อที่จะได้แข่งขันกันในสภาพที่เท่าเทียมกัน]

"ยกเว้นฉันสินะ"

ลิต้าได้เมินคำพูดของยูอิลฮานได้เฉยๆและพูดต่อไป

[แต่ว่าหากนายฆ่าสัตว์ทั้งหมดในตอนนี้งั้นก็จะเป็นการขัดกับ 'สมดุล' นี้ก็ยังเป็นเหตุผลที่ฉันมาช่วยนายในตอนนี้ก็เพื่อให้นายทำมันอยู่ในสมดุลด้วยไง ดังนั้นนายคิดหรอว่าฉันจะปล่อยให้นายล่าสัตว์ทั้งหมดนะ? ก็แค่ฆ่าพวกมันตามจำนวนที่ฉันอนุญาติอย่างเชื่อฟังก็พอแล้ว]

"ชิ"

งานสุดท้ายของเขาที่จะต้องทำก็คือชำแหละสเปิร์มวาฬ

[หยุดได้แล้วเจ้าโง่]

"เรียกข้าว่าอิซมาเอล...."

[อย่าได้เล่นมุกที่ไม่มีใครเข้าใจได้สิ]

"อย่าพูดโง่ๆแบบนั้นสิ มันไม่ใช่ว่าไม่มีคนเข้าใจแต่ว่าไม่มีคนอยู่เลยต่างหาก"

ในขณะที่ฝึกศิลปะโลกเป็นเวลากว่าร้อยปีและพิชิตห้องสมุดทั้งหมดภายในโลกแล้วยูอิลฮานก็ได้กลายมาเป็นคนหัวรั้นขึ้น อย่างการล่าเสปิรร์มของปลาวาฬที่ใกล้จะสูญพันธ์นี้ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ยูอิลฮานได้มาล่ามันโดยที่ไม่ยอมฟังใครเลยในตอนที่เขาได้ตั้งเป้าหมายแล้ว

"มันไม่ใช่ว่าพวกสัตว์พวกนี้มันจะเติบโตขึ้นมาอย่างมากเลยหรอหลังจากมนุษย์กลับมา"

[สัตว์พวกนี้ไม่ได้สามารถจะกินอาหารหรือเติบโตได้เหมือนนายซะหน่อย พวกมันไม่สามารถจะแก่หรือสืบพันธ์ได้เลย และทั้งหมดนั่น]

"และสิ่งที่เธอจะพูดคือ 'เพราะการหยุดเวลา' สินะ!"

[เพราะการหยุดเวล... โว้ว!?]

เขาได้ใช้เวลากว่าเดือนก่อนที่จะได้เจอกับปลาวาฬ แต่ว่าในระยะเวลาเหล่านั้นไม่ได้นับว่านานเลย ในระหว่างนั้นแล้วเขาก็ได้ไปฝึกอยู่ศิลปะการต่อสู้อยู่บนดาดฟ้าอย่างเงียบๆ เขาได้ล่าปลาวาฬได้ในไม่นานที่เขาพบมันและชำแหละมัน

ตามที่ลิต้าได้บอกมีมอนสเตอร์บางตัวที่จะมีส่วนต่างๆที่ให้ผลที่พิเศษหรือไม่ก็มีเหตุผลอื่นๆที่ทำให้มีค่าการแลกเปลื่ยนที่มหาศาลดังนั้นแล้วการชำแหละเอาสเปิร์มของปลาวาฬก็เป็นแนวทางที่ดีสำหรับเขาอย่างมากในการฝึกชำแหละส่วนเฉพาะ

[ตามปกติแล้ววผู้คนมักจะคิดที่จะหลบหนีมอนสเตอร์ก่อนเสมอเลยในตอนที่เจอเข้ากับพวกมันในโลก]

"แล้วใครกันล่ะเป็นคนทำให้พวกเขาต้องเตรียมตัวสู้มนุษย์แล้วนี่เธอยังมาพูดอะไรไร้สาระอีก? ไม่ว่ายังไงก็ตามในตอนนี้ฉันได้ชินกับการชำแหละแล้ว ฉันจะไปเรียนตีเหล็ก"

[อ่า นายที่ทำทุกอย่างเลย ทุกๆอย่างงงงงงงงง]

นี้เป็นเวลา 300 ปีแล้วหลังจากที่เขาได้ถูกทิ้งเอาไว้

เขาได้หยิบค้อนขึ้นมาโดยไม่คิดอะไรมากแต่แล้วเขาก็ต้องใช้เวลาอยู่กับมันมากยิ่งกว่าที่เขาได้คิดซะอีก เนื่องจากว่าเขาต้องเรียนรู้วิธีตีเหล็กจากบันทึกที่มีเอาไว้อยู่โดยที่ไม่มีใครสอนเลยทำให้มันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป

นอกจากนี้ร่างกายตอนนี้ของเขาก็ยังพัฒนาขึ้นไปอย่างมากอีกด้วยเนื่องจากการฝึกมาหลายร้อยปีของเขา เขาได้มาอยู่ในจุดที่ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยแล้วแม้ว่าจะหักโหมงานหนักจนดูเสี่ยง

"ใน! ตอน! ผม! อ่าน! นิ! ยาย! ทำ! ไม! พวก! นั้น! เรียน! ทุก! อย่าง! ง่าย! จัง! แต่! ทำ! ไม! พอ! เป็น! ฉัน! ฉัน! ถึง! ทำ! ไม่! ได้! แบบ! พวก! เขา!"

ยูอิลฮานได้บ่นออกมาในทุกๆครั้งที่เขาเหวี่ยงค้อนตีแผ่นเหล็กลงไปบนทั่งตีเล็กและขบฟันแน่นขึ้น

'งั้นก็ไม่ต้องทำ' คำๆนี้ของลิต้าได้ติดอยู่ในคอของลิต้าเนื่องจากว่าเธอรู้ดีว่ายูอิลฮานก็จะไม่มีทางหยุดลงแม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้นออกไป ดังนั้นเธอจึงทำเพียงแค่เรียกลมเย็นมาพัดเพื่อระบายความร้อนให้กับเขา

"ก็! แค่! สอน! สกิล! เรียก! ลม! ให้! ฉัน!"

[ฉันบอกนายแล้วนะว่านายจำเป็นต้องมีมานา]

"อ๊ากกกกกก!!!!"

มันใช้เวลาไปไม่น้อยกว่า 5 ปีเลยสำหรับเขาเพื่อที่จะใช้เตาหลอม ดึงโลหะต่างๆ เป่าลมหลอม และผลิตดาบที่สามารถจะนับได้ว่า 'มีคม' ขึ้นมาได้

ลิต้าที่ได้รับผลงานชิ้นแรกของยูอิลฮานซึ่งมันไม่ใช่ทั้งดาบยาวหรือดาบสั้นแต่ว่ามันดูเป็นดาบขนาดกลางๆ เธอได้ค่อยๆหลับตาลงและมองลงไปดาบก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างจริงจัง

[ฉันสงสัยจังเลยว่านายจะใช้เจ้านี่หั่นหัวไชเท้าได้ไหม]

"ฉันไม่ได้บอกจะเอาไปให้เธอหั่นหัวใชเท้านี่ เอามันคืนมา"

[ฉันอาจจะเอามันไปทำเป็นอนุสรณ์จริงๆเลย ฉันจะขอให้พระเจ้ารักษาสภาพมันเอาไว้แม้ว่าโลกจะถูกรีเซ็ต]

"ทำไมเธอจะต้องแกล้งฉันมากแบบนี้....!?"

และเมื่อผ่านไปประมาณ 30 ปี ยูอิลฮษนก็ได้มั่นใจในอาวุธที่เขาทำขึ้นว่ามันดีกว่าอันที่ทำขึ้นจากโรงงานแล้ว

และหลังจากผ่านไปอีกประมาณ 50 ปี เขาก็ได้มั่นใจอีกว่าอาวุธที่เขาสร้างในตอนนี้ได้เหนือไปกว่าอาวุธทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกแล้ว แต่ยูอิลฮานก็ยังคงรู้ตัวว่าความสามารถของเขาแค่นี้มันยังไม่ดีพอ เขายังหยุดอยู่ที่ตรงนี้ไม่ได้

สิ่งที่เขาทำก็เหมือนกับนักเรียนที่สอบได้ 97 คะแนนในการทดสอบจำลอง ยูอิลฮานได้ยึดมั่นว่าการตีเหล็กไม่มีคำตอบที่ชัดเจนที่สุด เขาได้สร้างอาวุธขึ้นด้วยโลหะที่มีอยู่ทั้ง ดาบ หอก ขวาน และแม้แต่ขีปนาวุธ เขาได้ฝึกการสร้างอุปกรณ์สวมใส่อย่างพวกเกราะด้วยเช่นกัน เพราะแบบนี้เวลาได้ผ่านไปอีก 50 ปี

"ไม่ เธอยังใช้เจ้านี่ตัดไม่ได้แม้แต่แตงกว่า"

[ถ้าแตงกวาที่นายหมายถึงมันทำจากเพรชนะสิ]

มันเป็นเรื่องที่นายเสียดายจริงๆแต่ว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็มีสิ่งที่เรียกว่า 'พรสวรรค์' ด้วยการที่ขาดพรสวรรค์ทำให้คนๆหนึ่งไม่สามารถจะทำในสิ่งๆหนึ่งได้สำเร็จแม้ว่าจะใช้ความพยายามมากแค่ไหน และคนที่มีพรสวรรค์ก็มีคนที่อาจจะทำสิ่งที่บรรลุสติโลกได้ในความพยายามครั้งเดียวด้วย แต่ไม่ว่ายังไงก็ตังมีคนจำพวกที่จะประสบความสำเร็จตามที่พวกเขาใช้ความพยามยามลงไปด้วยเช่นกัน

ยูอิลฮานไม่มีทางเป็นอัจฉริยะจำพวกที่จะเชี่ยวชาญในเทคนิคต่างๆได้ในการลองแค่ครั้งเดียวเลย แต่ยังไงก็ตามเขาได้ใช้ความพยายามมากขึ้นไปด้วยๆทำให้ความสามารถของเขาได้เพิ่มขึ้นไปอย่างช้าๆแต่ก็ไม่เคยหยุดลงไปเลย

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่บังเอิญจริงๆแต่การที่เขาได้ถูกเทพเจ้าลืมและทิ้งเอาไว้เพียงลำพังบนโลกมันกลับเป็นพรสำหรับเขา เวลานับศตวรรษที่เขาได้รับมามันไม่ได้สูญเปล่าไปเลย

ในตอนที่ 200 กว่าปีได้ผ่านไปนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาหยิบค้อนขึ้นมายูอิลฮานก็ได้สร้างอาวุธที่เขาชื่นชอบได้สำเร็จ เขาได้แสวงหาอาวุธที่จะสร้างได้ด้วยสิ่งของที่หาได้ง่ายดังนั้นมันจึงไม่ได้ใช้วัสดุอย่างไทเทมเนียมอัลลอยหรือคาร์บอนไฟเบอร์อะไรแบบนี้เลย ทำให้อาวุธของเขาได้ทำขึ้นจากเหล็กเพยงเท่านั้น แต่หอกของเขานั้นทั้งแข็งและคมจนเกินกว่าที่จะสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ได้

"เป็นยังไงบ้าง?"

[ฉันคิดว่ามันจะมีขีดจำกัดด้านเทคโนโลยีอยู่บนโลก... แต่ว่าแรงใจของมนุษย์นี่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์จริงๆ]

"ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดฉันก็สร้างดาบเหล็กที่ทำให้ช่างตีเหล็กในทำนานต้องร้องไห้!"

[แม้ว่านี่จะเป็นหอกอะนะ]

ในจุดนี้แม้แต่นางฟ้าอย่างลิต้ายังต้องประหลาดใจ ความคมของหอกนี้ดูเหมือนจะถูกตัดแม้มองมันและมีความแข็งแรงทนทานอย่างมาก ตัวหอกนี้ทำมาจากเหล็กทั้งหมดและมันก็ยังหนักมา

การจะใช้หอกนี้ได้อย่างอิสระในตอนนี้เป็นไปได้แค่ลิต้าหรือไม่ก็ยูอิลฮานเท่านั้น แต่ก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะว่าในโลกตอนนี้มีแค่สองคนนี้นอกเหนือจากนั้นก็แค่พวกสัตว์

[แต่ฉันก็บอกนายไปแล้วนี้ ในตอนที่มานามีขึ้นมาจะเกิดวัสดุชนิดใหม่ขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด แล้วทำไมนานมามัวแต่หลงไหลกับเหล็กล่ะ]

"ก็ในเมื่อฉันชินกับการรับมือกับเหล็กแล้ว ฉันจะได้รับรับมือกับวัสดุอื่นที่มีมาได้ไง"

ยูอิลฮานได้ตอบอย่างฉับพลันพร้อมเหวี่ยงหอกภายในมือในทันทีที่ริต้าได้ส่งมันคืนให้เขา เนื่องจากว่ามันถูกสร้างขึ้นมาให้พอดีกับร่างกายของเขาทำให้ความรู้สึกที่ได้รับในตอนที่เขาเหวี่ยงมันดีมาก สิ่งของที่ทำขึ้นมาเองสามารถจะใช้งานได้มากกว่าหลายสิบปีหรืออาจจะมากกว่านั้นอีกหากได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี

นี่เป็นปีที่ 507 แล้วนับตั้งแต่ที่เขาถูกทิ้งเอาไว้

"ถ้างั้น"

ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาในขณะที่วางหอกลง

"แล้วตอนนี้ทำไรต่อดี?"

หัวใจของลิต้าในตอนนี้ได้วูบลงหลังจากได้ยินคำเหล่านี้ เธออยากจะให้มนุษย์กลับมาในทันทีที่เธอได้เห็นเขาถือค้อนมานับทศวรรษแล้ว แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมมนุษยชาติถึงไม่กลับมาซักทีแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดนี้

การบิดเบือนของเวลานี้มันมากแค่ไหนกันนะถึงได้ทำให้กลายมาเป็นแบบนี้? ลิต้าอยากจะขึ้นไปถามจากพระเจ้าให้รู้แล้วรู้รอดไปแต่ความเป็นจริงแล้วเธอยังไม่เคยแม้แต่ได้พบพระเจ้าด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ มีแต่ต้องอยู่อย่างนี้ต่อไปโดยไม่มีสิทธิในการขอคำตอบ เธอได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากนางฟ้าอาวุโสแล้ว

[หายนะครั้งใหญ่จะต้องใกล้เข้ามาแล้วใช่ไหม นายไม่รู้ว่านายจะต้องไปสู้กับมอนสเตอร์พวกนั้นเมื่อไหร่ดังนั้นฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าหากนายไปฝึกศิลปะการต่อสู้และยกระดับสัมผัสของนาย]

"อืมม ฉันคิดว่าพวกเราได้ผ่านขอบเขตเวลา 100 ปีมาแล้วสินะดังนั้นฉันคิดว่ามันคงใกล้ถึงเวลาที่คนอื่นๆใกล้จะกลับมาแล้วใช่ไหม?"

ยูอิลฮานที่มีชีวิตอยู่ด้วยการทุ่มเทกับงานตรงหน้าทำให้เขาไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าเวลาไหลผ่านไปเท่าไหร่แล้ว อุปกรณ์ที่ใช้บ่งบอกเวลาทั้งหมดต่างก็ได้หยุดลงไปแล้วทำให้มีเพียงแค่ลิต้าเพียงคนเดียวในตอนนี้ที่สามารถจะมาบอกเวลาเขาได้ สำหรับลิต้าแล้วเธอรู้สึกว่านี้เป็นเรื่องโชคดี

และแบบนี้้ยูอิลฮานก็ได้เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้อีกครั้ง มันยังคงเป็นการฝึกยิวยิตสูกับหอกอยู่แต่ว่าหลายสิ่งหลายอย่างก็เปลื่ยนไปแล้วไปจากในตอนที่เขาเริ่มฝึกมาก

"โอ้ว ฉันรู้สกเหมือนฉันเหวี่ยงหอกมาสามชั่วโมงแล้ว ลิต้าช่วยเอาอาหารมาให้ฉันหน่อย ฉันหิวจนฉันจะตายแล้ว"

บางทีอาจจะเพราะว่าเขาตั้งสมาธิกับการเหวี่ยงหอกของเขามาเกินไปทำให้เขาหิวมากๆ ยูอิลฮานได้คิดแบบนั้นแต่ว่าลิต้าได้แต่หลั่งเหงื่อเย็นเยียบอยู่ภายในแม้ว่าภายนอกเธอจะยิ้มออกมาก็ตาม ในตอนที่เขาตั้งสมาธิจริงๆแล้วมันไม่ใช่สามชั่วโมงแต่เป็นสามวันต่างหาก

นับจากตอนนั้นลิต้าก็ได้เตรียมอาหารแค่วันละมื้อเท่านั้น แน่นอนว่าจำนวนอาหารที่เตรียมให้ก็มหาศาลมาก แต่ยูอิลฮานก็รีบจัดการเขมือบมันลงไปและได้ตั้งสมาธิกับการฝึกอีกครั้ง

และเวลาก็ได้ผ่านไปอีก 200 ปีอย่างนี้ ยูอิลฮานได้รู้สึกว่าการเหวี่ยงหอกมันไม่พอแล้วดังนั้นเขาจึงเริ่มหยิบอาวุธอื่นๆมาลองใช้บ้าง มีดสั้น ดาบใหญ่ ขวาน และแม้แต่ปืนก็ไม่เว้น

ศิลปะการต่อสู้ก็เช่นกัน เขาได้เริ่มศึกษาค้นควาเทควอนโด้ ไอกิโด คาราเต้ มวยไทย คาร์ดิโอ และยังฝึกแม้แต่ศิลปะการต่อสู้ที่มีแค่ในบันทึกเท่านั้นด้วย

ด้วยช่วงเวลาเหล่านี้ได้เป็นจุดเปลื่ยนของร่างกายของเขาในการข้ามขีดจำกัดทางกายภาพและเริ่มที่จะเปลื่ยนแปลงไป เหนือสิ่งอื่นใดพลังและความทนทานของกล้ามเนื้อของเขาได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นแต่ขนาดของกล้ามเนื้อได้ลดลงทีละนิด

มันไม่ใช่แค่การ 'บีบอัดกล้ามเนื้อ' ที่คนพูดถึงกันเท่านั้น แต่ว่าเซลล์ในร่างของเขาได้สัมผัสกับสภาพที่น่ามหัศจรรย์จากการที่ไม่แก่ลงแต่ยังใช้งานอยู่ทำให้มันได้เกิดการกลายพันธ์ขึ้นจากการฝึกมาเป็นระยะเวลานาน แข็งแกร่งมีประสิทธิภาพแต่ไม่ส่งผลอุปสรรคอะไรกับการเคลื่อนไหว

แน่นอนว่ากระดูก ผิวหนัง และแม้แต่อวัยวะภายในก็ยังพัฒนาขึ้นเช่นกัน มันดูราวกับว่าส่วนต่างๆของร่างกายเขาได้รับรู้ว่ามันจะต้องเผชิญกับศัตรูจำนวนมากในอนาคตทำให้มันพัฒนาขึ้นให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการต่อสู้

ลิต้าได้สังเกตุเห็นสิ่งนี้เช่นกัน ต้องขอบคุณความผิดพลาดของพระเจ้านี้ทำให้เธอได้เห็นการกลายพันธ์นี้ได้จากมนุษย์ที่ยิ่งกว่ามนุษย์ได้แม้ว่าจะไม่มีมานาก็ตาม และในตอนที่หายนะครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นแล้วยูอิลฮานได้เรียนรู้การใช้มานาถ้างั้นเขาจะต้องพัฒนาการไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งมากๆแน่

'บางทีท่านตั้งใจให้เกิดการพัฒนาของอิลฮานหรือป่าว? ท่าได้แกล้งเขาเพราะว่าการพัฒนาของอิลฮานไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันต้องการหรอ? แล้วเมื่อไหร่กัน....เมื่อไหร่ที่เขาจะไปถึงขีดจำกัดของเขาบ้าง ได้โปรดส่งมนุษยชาติกลับมาที่โลกก่อนที่มันจะเกิดขึ้นเถืด ก่อนที่เขาจะยอมแพ้ในการใช้ชีวิต ขอร้องล่ะ.....'

เมื่อขึดจำกัดได้มาถึง ลิต้าจะทำอะไรเพื่อยูอิลฮานได้? อะไรล่ะ?

'ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่อิลฮานยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน....'

จินตนาการของลิต้าได้ทอดยาวออกไปอย่างไม่สิ้นสุดจนถึงจุดๆหนึ่งซึ่งเป็นฉากที่ชายและหญิงที่กำลังแสดงความหลงใหลกันอยู่บนตัว ในคนสองคนนั้นหน้าของผู้หญิงเป็นลิต้า จากนั้นก็ผู้ชายคือ....

หลังจากมองไปที่ยูอิลฮานที่กำลังเตะต่อยลูกเหล็กในฐานะของคู่ต่อสู้แล้ว แก้มของเธอก็ต้องแดงขึ้นเหมือนกับมะเขือเทศ

'ฉันก็เป็นแค่ตัวตนเล็กจ้อยแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ทำตามคำสั่งของพระเจ้า แม้อย่างนั่นมันก็เป็นเวลานานแล้วที่ฉันจะได้มีอิสระทางอารมณ์และความปรารถนา....'

ยังไงก็ตามยิ่งเธอคิดเกี่ยวกับตัวของอิลฮานที่ทุ่มเทกับการอ่าน ศิลปะการต่อสู้และการตีเหล็ก ความคิดของเธอก็ได้กลายเป็นจริงมากขึ้น

นิยายส่วนใหญ่และแรงกระตุ้นที่น่าทึ่ง หากว่าเขาเป็นเหมือนกับในตอนที่เขาทุ่มเทให้กับการอ่านและตีเหล็ก ในตอนนั้นเขาได้ทุ่มเทกับตัวเองเป็นเวลา 200 ปี โดยที่ไม่ทำอย่างอื่น....

ใบหน้าของลิต้าได้แดงยิ่งขึ้นมากขึ้นไปเรื่อยๆในตอนที่จินตนาการแบบนั้น เมื่อคิดได้ว่าหน้าของเธอเปลื่ยนไปเพราะอารมณ์ ถ้าหากว่าเธอบอกเรื่องนี้กับตัวเองในอดีตก่อนที่จะมายังโลกเธอก็จะไม่มีทางเชื่อมันเลย

'ใช่แล้วนี่คือในท้ายที่สุดก็เพื่อทำตามคำสั่งของพระเจ้าและไม่ได้ทำตามความปรารถนาของฉัน ถ้าหากว่าคนๆนี้ไม่สามารถจะรอจนเกิดหายนะครั้งยิ่งใหญ่ได้และตายไปก่อนนี้ก็จะเป็นการทำให้พระเจ้าเสียชื่อเสียง นับตั้งแต่แรกแล้วนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันต้องมาอยู่กับอิลฮาน'

ด้วยความคิดแก้ตัวที่รวดเร็วแบบนี้ว่าเธอนั้นถูกต้องในเวลาต่อมาเธอได้โผล่ตัวเข้าไปขัดจังหวังยูอิลฮานในทันที

เธอต้องการจะใช้การกระตุ้นแบบใหม่โดยตรงตามหัวใจของเธอ... ไม่สิมันทำเพื่อยูอิลฮาน แต่ว่าในตอนที่เขาตั้งสมาธิอยู่ในการฝึกศิลปะการต่อสู้เธอไม่สามารถจะรบกวนเขาได้เลย เธอได้แต่รอเขาต่อไป

ในจุดนี้แล้วลิต้าได้เข้าใจผิดไปอย่างมาก แน่นอนว่ายูอิลฮานได้ทำเพื่อหลีกหนีจากชีวิตที่น่าเบื่อ แต่ว่าการกระทำของเขามันก็ต่างมีพื้นฐานเอาไว้เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดหลังจากเกิดหายนะครั้งยิ่งใหญ่ทั้งนั้น

ถ้าหากว่าเขาต้องการสิ่งกระตุ้นใหม่จริงๆล่ะก็มันมีอีกหลายอย่างที่เขาทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเกม กีฬาก็ยังได้

เนื่องจากว่าลิต้าไม่ได้คิดถึงสิ่งนี้เลยทำให้เธอได้คิดเอาเรื่องความรักของเธอมาโยงและคิดที่จะสารภาพรักกับยูอิลฮาน

ยังไงก็ตามไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคดีหรือว่าโชคร้ายที่เวลาที่ลิต้าจะได้ระบายความรู้สึกและความปรารถนาให้กับยูอิลฮานก็ไม่ได้มาถึง

ในตอนที่เวลาได้ผ่านพ้นไปหนึ่งพันปีหลังจากที่ยูอิลฮานได้ถูกทิ้งเอาไว้ โลกก็ถูกรีเซ็ตและมนุษยชาติก็ได้กลับคืนมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด