บทที่ 12: งานชุมนุมประจาปีของตระกูลได้เริ่มขึ้น
งานชุมนุมประจาปีของตระกูลท่านปู่หวงฉี่เต๋อได้เชิญ หลี่มู่ผู้นาอาวุโสของตระกูลหลี่ เขาคงต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากกว่าที่จะเชิญมาได้ หวงเสี่ยวหลงคิดภายในใจ
เขาเชื่อว่าเหตุผลที่ปู่ได้เชิญผู้นาอาวุโสของตระกูลหลี่มาชมงานชุมนุมมันไม่เป็นอะไรที่ง่ายอย่างที่คิด
ภายในห้องโถง และทางเดินถูกตกแต่งไปด้วยโคมไฟ และป้ายสี เมื่อเหล่ายาม และสาวใช้เห็นหวงเสี่ยวหลงเดินผ่านไปพวกเขาก็รีบหยุดเพื่อทาการทักทาย: "นายน้อยเสี่ยวหลง!"
หวงเสี่ยวหลงพยักหน้าขณะที่เดินผ่านไป
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกแปลก ๆ จากยาม และสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังของเขาดูเหมือนว่า เรื่องที่หวงเหว่ยประกาศว่าจาทาลายแขนทั้งสองข้างของหวงเสี่ยวหลงได้เข้าถึงหูของเหล่ายาม และสาวใช้เหล่านี้
หวงเสี่ยวหลงไม่ได้ใส่ใจต่อพวกเขา และเดินไปที่เรือนรับรองทางทิศตะวันออก
ภายในห้องโถงใหญ่มีทั้งหวงเผิง และซูเย่วนั่งอยู่ด้วย
"ท่านพ่อท่านแม่" หวงเสี่ยวหลงกล่าวออกมาในขณะที่เดินเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่
"เสี่ยวหลง, เจ้ามาแล้ว" ซูเย่วดึงหวงเสี่ยวหลงไปนั่งข้าง ๆ นาง และถามว่า "พรุ่งนี้จะงานชุมนุมประจาปีของตระกูล การฝึกฝนของเจ้าคืบหน้าอย่างไรบ้าง?"
หวงเผิงที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็จ้องไปที่หวงเสี่ยวหลงเช่นกัน
ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วหวงเสี่ยวหลงก็กล่าวว่า "ท่านพ่อท่านแม่อย่าได้เป็นกังวล ในวันพรุ่งนี้ข้าจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน"
ซูเย่วคิดว่าความเชื่อมั่นของลูกชายของนางน่าจะมาจากการที่เขาไปถึงช่วงกลางของนักรบระดับแรกแล้ว
หวงเผิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในขณะนี้ "ดี สมเป็นลูกของข้า เจ้าไม่ได้ทาให้ข้าผิดหวัง"
เมื่อหวงเสี่ยวหลงได้ยินคาพูดของพ่อแม่เขาย้ารอยยิ้มให้แก่เขา พวกเขาคิดว่าเขาอาจจะก้าวหน้าไปถึงช่วงกลางของนักรบระดับแรก ก่อนงานชุมนุมประจาปีของตระกูลเป็นความคาดหวังสูงสุดของพ่อแม่ของเขาที่มีต่อตัวเขา?
"ท่านพ่อข้าได้ยินจากผู้มาชมงานชุมนุมประจาปีของตระกูลปีนี้เป็นผู้นาอาวุโสของตระกูลหลี่ หลี่มู่ เหตุใดเขาจึงมาร่วมงานนี้?" หวงเสี่ยวหลงถามเพื่อเปลี่ยนหัวข้อ
หวงเผิงพยักหน้ากล่าวว่า "คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่ผู้นาอาวุโสของตระกูลหลี่ แต่เขายังนาหลานสาวของเขาที่มีนามว่าหลี่ลู่มาด้วย"
"หลานสาว หลี่ลู่?" หวงเสี่ยวหลงงงงวยเล็กน้อยแล้วพูดติดตลกว่า: "อย่าบอกข้าว่าผู้นาอาวุโสของตระกูลหลี่มาหาหลานเขย?"
แต่หวงเผิงกลับตอบอย่างจริงจังว่า "นั่นคือจุดมุ่งหมายของท่านปู่ของเจ้าและผู้นาอาวุโสหลี่ หลังจากที่งานชุมนุมประจาปีของตระกูลสิ้นสุดลง หวงเหว่ยและหลี่ลู่จะหมั้นหมายกัน และในอนาคตตระกูลหลี่ และตระกูลหวงของเราจะเกี่ยวดองแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น "
หวงเสี่ยวหลงรู้สึกว่างเปล่า
"ข้าได้ยินคนพูดว่าพรสวรรค์ของหลี่ลู่ นั่นดีที่เดียว จิตวิญญาณการต่อสู้ของนางอยู่ในระดับเก้า, ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืด" ซูเย่วกล่าวเสริม
ด้านบนของวิญญาณการต่อสู้ระดับเก้า ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืด!
หวงเสี่ยวหลงกาลังตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะคาดไม่ถึงว่าหลานสาวของหลี่มู่ หลี่ลู่ผู้นี้จะได้ครอบครองดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืด
ในโลกแห่งจิตวิญญาณการต่อสู้ มีรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ป้องกันตัว -สัตว์, เครื่องมือ, พืชและมีแม้กระทั่งคนที่มีวิญญาณความใกล้ชิดทางธรรมชาติเช่น ฟ้าผ่า, ลม, น้าและไฟ
และดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดนับเป็นหนึ่งในอาวุธจานวนมากจากประเภทเครื่องมือ
แน่นอนว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ส่วนใหญ่ในโลกจิตวิญญาณการต่อสู้มีอยู่ในรูปลักษณ์ของสัตว์เช่น หวงเหว่ยที่มีเสือดาสามตา, วานรทองคาที่มีปีกหกปีกของหวงฉี่เต๋อ และงูสองหัวของหวงเสี่ยวหลง
หลังจากนั้นหวงเสี่ยวหลงกลับไปที่บ้านพักของเขาและยังคงฝึกฝนทักษะเทพอสูร
ในยามค่าคืนที่มืดมิด
หวงเสี่ยวหลงยืนอยู่บนยอดเขาที่ภูเขาด้านหลัง แต่ไม่ได้ฝึกฝนแต่อย่างใด แต่เขากาลังมองไปที่ทะเลอันกว้างใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า ในความเป็นจริงเกี่ยวกับหวงเหว่ย หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ได้ใส่ความสนใจลงไปแม้แต่น้อยนิด
การปลดปล่อยจิตวิญญาณของงูสองหัวที่ลอยอยู่ข้างหลังเขา หวงเสี่ยวหลงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจิตวิญญาณของเขามีพลังมากแค่ไหน หลังจากที่ก้าวขึ้นสู่นักรบระดับสาม และเขาเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าใจมันได้
ดูเหมือนว่าข้าต้องไปเยือนห้องสมุดสักครั้งเพื่อดูว่าข้าสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับจิตวิญญาณของข้าได้หรือไม่ หวงเสี่ยวหลงพึมพากับตัวเอง
อย่างไรก็ตามห้องสมุดของคฤหาสน์ตระกูลหวงสามารถเข้าไปได้เฉพาะนักรบระดับสี่ขึ้นไปเท่านั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทาไมเขาต้องทะลวงผ่านเข้าสู่นักรบระดับสี่โดยเร็วที่สุด
แสงจันทร์ทอดแสงยาวกระทบร่างของหวงเสี่ยวหลงปรากฎเงาอยู่บนพื้น
ความมืดค่อย ๆ จางหายไปเมื่อแสงตอนเช้าสว่างขึ้นบนท้องฟ้าร่างของหวงเสี่ยวหลงพุ่งลงมาเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลหวง
"งานชุมนุมประจาปีของตระกูลในที่สุดก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!"
งานชุมนุมประจาปีของตระกูลกาลังจะเริ่มต้นขึ้น
กลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลหวง เขาเดินตรงไปยังเรือนรับรองทางทิศตะวันออก เมื่อพ่อแม่ของเขา หวงเผิง และสุยันเห็นเขากลับมา พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก และทั้งสามคนก็เดินไปที่ห้องโถงหลักของคฤหาสน์
ห้องโถงหลักมีขนาดใหญ่สามารถจุคนได้เป็นสองเท่าของเรือนรับรองทั้งสองแห่ง และสามารถอานวยความสะดวกแก่ผู้คนนับพัน หน้าห้องโถงหลักถูกสร้างขึ้นโดยมีเก้าอี้เรียงรายเป็นแถวรอบบริเวณของเวทีการต่อสู้ ถูกจัดเตรียมไว้สาหรับผู้อาวุโสและผู้พิทักษ์ของคฤหาสน์ตระกูลหวง ในขณะที่เหล่าสาวกเท่านั้นที่สามารถยืนอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งได้
เมื่อหวงเผิง และซูเย่วเข้ามาพร้อมกับหวงเสี่ยวหลงที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ผู้อาวุโสและเหล่าข้ารับใช้หลายคนก็อยู่ที่นั่นแล้ว
"นายรอง"
"นายรอง"
กลุ่มผู้อาวุโส และสาวกทักทายกับหวงเผิงทันที
หวงเผิงพยักหน้า ซูเย่วและหวงเสี่ยวหลงเดินตามหลังเขาไปที่โต๊ะและนั่งลง ขณะที่เขากาลังนั่งอยู่หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกถึงการจ้องมองที่หนาวเย็น ตาของเขาเหล่วนไปรอบ ๆ เพื่อหาแหล่งที่มาและเขาได้เห็นหวงเหว่ยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ในขณะนี้พวกเขาสบตากัน -สายตาของหวงเหว่ยที่จ้องมาดูหยิ่งหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก
ผู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หวงเหว่ยคือ หวงหมิงใบหน้าของดูเย็นชาเป็นอย่างมากเช่นกัน หวงเผิงนั่งลงและไม่ลืมที่จะทักทายหวงหมิง ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันตั้งแต่ตอนที่เกิดเหตุการณ์ที่เรือนรับรองทางเหนือ เปลี่ยนจากพี่ชายไปเป็นคนแปลกหน้าที่เดินทางไปในเส้นทางเดียวกัน
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสามคนมาถึงจากด้านนอกของห้องโถงหลัก เสียงหัวเราะมากมายดังขึ้นและเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ทุกคนในห้องโถงต่างลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปในห้องโถงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และข้าง ๆ ท่านปู่ของเขาเป็นชายชราที่ดูมีชีวิตชีวา และมีศีรษะเต็มไปด้วยผมสีขาวสีเงินประมาณว่าน่าจะมีอายุเท่า ๆ กัน ทันทีที่หวงเสี่ยวหลงรู้ว่านี่เป็นผู้นาอาวุโสของตระกูลหลี่ หลี่มู่ และที่ติดตามมาอย่างใกล้ชิดที่อยู่ด้านหลังหลี่มู่ เป็นเด็กน้อยที่น่ารักกับผมของนางที่ผูกติดเป็นสองจุก ดวงตาสุกสว่าง
"ท่านจ้าวคฤหาสน์
"ผู้นาอาวุโสหลี่"
ทุกคนล้วนได้รับการต้อนรับอย่างรวดเร็ว และต่อจากนั้นหวงหมิง หวงเผิง และซูเย่วก็ยืนขึ้นทักทาย: "ท่านพ่อ ผู้นาอาวุโสหลี่"
"ท่านปู่ ท่านผู้นาอาวุโสหลี่ " หวงเหว่ย และหวงเสี่ยวหลงออกมาทาความเคารพหลังจากพวกผู้ใหญ่ของพวกเขา
หวงฉี่เต๋อหัวเราะ และพยักหน้าเล็กน้อย เขาหันไปหา หลี่มู่และใช้ นิ้วชี้ไปที่หวงเหว่ย "นี่คือหลานชายของข้าหวงเหว่ย" แต่เขาแนะนาเพียงหวงเหว่ยโดยไม่ได้กล่าวถึงหวงเสี่ยวหลง
หลี่มู่มองไปที่หวงเหว่ยวิเคราะห์ด้วยการมองขึ้นและลงด้วยความรอบคอบ และพูดว่า "ดี ดี ดี ท่านพี่ฉี่เต๋อ ข้าได้ยินมาว่าหลานชายของเจ้าฝึกฝนไม่ถึงสองเดือนเขาก็ประสบความสาเร็จในการก้าวเข้าสู่สู้นักรบระดับแรก ในช่วงเวลาของข้าเพื่อการพัฒนาในการเข้าสู่นักรบระดับแรกข้าใช้เวลานานกว่าห้าเดือน"
หวงฉี่เต๋อหัวเราะอย่างอึกทึกครึกโครมเมื่อได้ยินคาชมนี้ "พี่หลี่มู่โปรดให้คาแนะนา และดูแลเขาในอนาคตด้วย"
"ในอนาคตนั่นคือแน่นอน" หลี่มู่หัวเราะ
หลังจากนั้นทุกคนก็กลับไปยังที่นั่ง
จากนั้นกุนซือเฉินหยิงลุกขึ้นยืนและกล่าวคาเปิดงานที่งานชุมนุมประจาปีของตระกูล หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่หวงฉี่เต๋อเห็นว่าหวงฉี่เต๋อพยักหน้า เฉินหยิงก็ประกาศด้วยเสียงดังว่า "งานชุมนุมประจาปีของตระกูลเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!"
คาประกาศของเฉินหยิงทาให้ทั้งห้องโถงเงียบ
ตามกฎที่กาหนดไว้หลายปีคนแรกที่ขึ้นเวทีมักเป็นคนที่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเขาในปีนี้
ทุกคนไม่สามารถต่อต้านการมองไปหวงเหว่ย ทุกคนรู้เหตุผลว่าทาไมท่านจ้าวคฤหาสน์ถึงมาเข้าร่วมชุมนุมภายในนปีนี้ หวงเหว่ยถูกกาหนดให้เป็นจุดสนใจหลักของงาน
"หวงเหว่ยขึ้นไป และแสดงผลของการฝึกฝนอย่างหนักตลอดห้าเดือนของเจ้าให้ทุกคนเห็นความสาเร็จของเจ้า" หวงฉี่เต๋อกล่าวกับหลานชายของเขา หวงเหว่ยด้วยตาที่เต็มไปด้วยกาลังใจ
"ขอรับท่านปู่" หวงเหว่ยลุกขึ้นยืน และพูดเสียงดัง จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปสู่จุดศูนย์กลางของเวทีการต่อสู้
เมื่อมายืนบนเวทีการต่อสู้ หวงเหว่ยได้ริเริ่มปลดปล่อยปราณฉีของเขา และจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา เสือดาสามตา ออกมาโฉบไปมาที่ข้างหลังของเขาพร้อมกับแผ่กระจายกลิ่นอายออกมา
"จุดสูงสุดของนักรบระดับแรกขั้นปลาย!"
การรับรู้ความสามารถในการต่อสู้กับกลิ่นอายของปราณฉีของหวงเหว่ย เหล่าผู้อาวุโสของ คฤหาสน์ตระกูลหวง ผู้ดูแลและสาวกต่างตกใจกันอย่างมากทาให้เกิดความวุ่นวายในห้องโถงหลัก ในเวลาเพียงห้าเดือนอันสั้นของการฝึกฝนปราณฉีของหวงเหว่ย เขาได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของนักรบระดับแรกขั้นปลายแล้ว!