บทที่ 07: หุบเขาที่แปลกประหลาด
ย้อนกลับไปที่บ้านพักของเขาจากเรือนรับรองทางทิศตะวันออก หวงเสี่ยวหลงนั่งลงบนเตียงไม้ พลางคิดย้อนกลับไปถึงฉากในเรือนรับรองทางเหนือ ทั้งหวงเหว่ย และความเย่อหยิ่ง ความเยือก เย็น และการแสดงออกถึงความเย่อหยิ่งของหวงหมิง ทา ให้เกิดร่องรอยของความรู้สึกบางอย่างที่ ก่อตัวขึ้นมาภายในหัวใจของเขา
ตอนแรกเขามีข้อผิดพลาดบางอย่างเมื่อวางแผนที่จะเอาชนะหวงเหว่ยอย่างน่าสังเวชในช่วงสิ้นปี ของการประชุมประจา ปี แต่ตอนนี้มันได้ระเหยไปหมดแล้ว
"สันนิษฐานว่าหวงหมิงคิดว่าตาแหน่งนายใหญ่ของคฤหาสน์จะไม่ลื่นหลุดจากนิ้วมือของเขา!" หวงเสี่ยวหลงยิ้ม
นับตั้งแต่จิตวิญญาณของหวงเหว่ยได้รับการปลุกให้ตื่นขึ้น เหล่าผู้อาวุโสส่วนใหญ่พยายามหา โอกาสเข้าใกล้หวงหมิง ซึ่งเรื่องของยาเสริมปราณฉี และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเรือนรับรอง ทางเหนือจากวันนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความหมายที่แฝงอยู่
หลังจากนั้นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อสงบความเป็นไม่พอใจของเขา หวงเสี่ยวหลงเริ่มต้นใช้ ทักษะการบ่มเพาะซวนฉินเพื่อบ่มเพาะปราณฉีของเขา
วิญญาณงูสองหัวโผล่ออกมาโฉบไปมาอยู่เบื้องหลังของหวงเสี่ยวหลง และเริ่มทา การกลืนกิน พลังงานจิตวิญญาณของโลกโดยรอบ หวงเสี่ยวหลงสังเกตเห็นความคืบหน้าของเขาในนักรบ ระดับสองความเร็วของปราณฉีที่ได้รับจากการดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นเร็วอย่าง มาก
นอกเหนือจากนั้นหัวของงูสองหัวได้เติบโตขึ้นเป็นสองเท่าในขนาดที่มีแสงสีขาวสดใสและแสง สีฟ้ากลายเป็นหนาเข้มข้น และสว่างจ้า มันเป็นงูสองหัวที่กา ลังกลืนกินพลังงานทางจิตวิญญาณ
จากสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ที่มีสีดา และสีฟ้าเปล่งแสงระยิบระยับตลอดเวลาขณะที่อยู่ภายในห้อง
หลายส่วนของพลังงานกาลังถูกดูดซึมเข้าสู่เส้นลมปราณของหวงเสี่ยวหลง และกาลังกลายมาเป็นปราณฉีอย่างต่อเนื่อง ไหลไปตามเส้นลมปราณของนักรบระดับสองซ้าไปซ้ามา
วันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหวงเซี่ยวลองฝึกฝนอย่างบ้าเหมือนคนบ้าโดยไม่คานึงถึงเวลา
ผลจากการฝึกฝนในวันนี้คือการที่หวงเสี่ยวหลงสามารถเข้าถึงจุดสูงสุดของนักรบระดับสองได้
ในระหว่างช่วงเวลานี้หวงเผิง และซูเย่วได้มาที่บ้านพักเล็ก ๆ ของหวงเสี่ยวหลงเพื่อตรวจสอบเขา เมื่อเห็นการกระทาของลูกชายที่ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งทั้งหวงเผิง และซูเย่วก็รู้สึกลาบากใจ ซูเย่วก็เริ่มร้องไห้อีกครั้งอย่างเงียบ ๆ เพราะแม้ว่า หวงเผิง และหวงเสี่ยวหลงไม่เคยพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งที่ได้ไปเยือนเรือนรีบรองทางเหนือ แต่นางก็ยังพอที่จะสามารถหาข้อมูลจากเรื่องซุบซิบนินทาของเหล่าข้ารับใช้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน
ครึ่งเดือนผ่านพ้นไป
ในช่วงครึ่งเดือนนี้หวงเสี่ยวหลงกาลังฝึกปราณฉีอยู่ภายในบ้านของเขา หรือฝึกฝนในคัมภีร์เปลี่ยนเอ็นในภูเขาด้านหลัง ขณะที่คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นจาเป็นต้องเก็บไว้เป็นความลับ เขาจึงต้องหลบออกไปฝึกที่ภูเขาด้านหลังตอนกลางคืน
ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดของเวลายามค่าคืนภายในป่าที่หนาทึบ เขายืนอยู่รูปลักษณ์ในตาแหน่งที่ดูแปลกประหลาด
ฉากนี้ที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์ส่องผ่านช่องว่างของใบไม้ทาเครื่องหมายพื้นด้วยจุดสีอ่อนนุ่ม
ด้วยมือที่อยู่เหนือศีรษะของเขา หวงเสี่ยวหลงได้โคจรลมปราณที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อดึงดูดพลังงานทางจิตวิญญาณของโลกมารวมกันทาให้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลังงานเหล่านี้ที่สามารถมองเห็นได้พุ่งเข้าหาเส้นลมปราณของหวงเสี่ยวหลง และเปลี่ยนเป็นพลังภายในก่อนที่จะมาบรรจบกันในจุดตันเถียนที่ใต้สะดือของเขา
เวลาค่าคืนที่ค่อย ๆ จางหายไปเมื่อแสงสว่างทาบทับผ่านความมืด และหยาดน้าค้างบนพื้นหญ้าสะท้อนแสงแดด หวงเสี่ยวหลงหยุดฝึกตามคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นก่อนที่จะลืมตาขึ้นมา
ทันใดนั้นหวงเสี่ยวหลงตะโกนพร้อมกับส่งฝ่ามือทั้งสองของเขาออกไป ภาพเงาของเขาพุ่งสูงขึ้นจากพื้นดินขณะที่เงาของฝ่ามือปะทะไปบนพื้นหญ้า
พลังงานหมุนวนอย่างรวดเร็วในพื้นที่โดยรอบจนเกิดเสียงแหวกผ่านสายลม
ทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมนี้เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากตระกูลของหวงเสี่ยวหลงจากชีวิตก่อนหน้านี้
ในชีวิตก่อนหน้านี้หวงเสี่ยวหลงเป็นที่รู้จักในนามอัจฉริยะทักษะการต่อสู้ ไม่เพียงแต่ในเรื่องของร่างกายของเขา แต่ยังเนื่องจากความสามารถในการเข้าใจที่ลึกซึ้งของเขาอีกด้วย
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหวงเสี่ยวหลงก็ค่อย ๆ หยุดโคจรลมปราณ
หลังจากเวลาผ่านไปสักสองสามนาทีต้นไม้ในบริเวณโดยรอบก็ล้มลงเกิดรอยฝ่ามือที่มองเห็นได้บนลาต้นของต้นไม้แต่ละลาต้น
มองไปที่รอยฝ่ามือบนลาต้นของต้นไม้, หวงเสี่ยวหลงย่นคิ้ว ถ้านี่เป็นชีวิตก่อนหน้านี้ฝ่ามือที่ไร้ความหมายของเขาจะไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เอาไว้ให้มองเห็นได้ ในที่สุดก็เป็นเพราะกาลังภายในของเขายังคงอ่อนแอเกินไป
"ข้าสงสัยว่าทักษะในการต่อสู้ของจิตวิญญาณการต่อสู้จะเป็นเช่นไร?" หวงเสี่ยวหลงคิดกับตัวเอง
กฎทั่วไปของตระกูลสามัญอนุญาตเฉพาะเด็กที่มีความสามารถในการสู้รบอยู่ในระดับนักรบระดับสี่เพื่อที่จะใช้ทักษะการสู้รบของตระกูล เพราะการบรรลุเกณฑ์ระดับนี้ได้จะทาให้พวกเขาสามารถแสดงพลังของทักษะการต่อสู้ได้ ในขั้นตอนนักรบเริ่มต้นพวกเขามีการใช้งานเพียงเล็กน้อย
ในเวลานี้หวงเสี่ยวหลงก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ที่อยู่ข้างหลัง เขาหันกลับไปมองเขาเห็นบางสิ่งเกาะอยู่บนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกไปมีสีม่วงขนาดเล็ก มีสีฟ้าตา
"วานรกลืนวิญญาณสีม่วง" หวงเสี่ยวหลงประหลาดใจ
หวงเสี่ยวหลงเคยเห็นจากรูปวาดในก่อนหน้านี้จากหนังสือเก่าของตระกูลที่ผ่านมาของเขา -วานรกลืนวิญญาณสีม่วงเป็นสัตว์วิเศษที่หาได้ยาก
เมื่อเห็นแบบนี้หวงเสี่ยวหลงมองไปที่วานรกลืนวิญญาณสีม่วงตัวเล็ก ๆ ที่กาลังยิ้มและส่งเสียง "ซิ ซิ" มือของมันชี้ไปที่หวงเสี่ยวหลงจากนั้นก็หันกลับไป และวิ่งไปตามทิศทางยังส่วนลึกของเทือกเขา
หวงเสี่ยวหลงลังเลเพียงชั่วขณะก่อนที่จะเดินตามวานรกลืนวิญญาณสีม่วงตัวเล็ก ๆ เข้าไปในส่วนลึกของภูเขา
สิ่งที่ทาให้แปลกใจแก่หวงเสี่ยวหลงก็คือความเร็วของวานรกลืนวิญญาณสีม่วง ขณะที่มันวิ่งผ่านใบไม้ที่หนาทึบ ถ้าไม่ได้รับการฝึกฝนเช่นหวงเสี่ยวหลงที่ได้ฝึกฝนในคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น และใช้ท่าร่างขั้นเปลี่ยนนภาก็จะเป็นการยากที่จะรักษาความเร็วในการติดตามวานรกลืนวิญญาณสีม่วง
เวลาสองเค่อต่อมาหลังจากข้ามลาธารเล็ก ๆ สายหนึ่ง และพื้นที่ป่าไปแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็มาถึงหุบเขาแปลก ๆ ในขณะที่ตามวานรกลืนวิญญาณสีม่วงมาอย่างเงียบ ๆ ภายในหุบเขามีปราณหยินที่เข็มข้นไหลออกมาจากหุบเขาด้านในทาให้หวงเสี่ยวหลงขมวดคิ้วของเขาในทันที
"ซิ ซิ ซิ!" เมื่อหวงเสี่ยวหลงไม่แน่ใจว่าเขาต้องการจะเข้าไปภายในหุบหรือไม่ วานรกลืนวิญญาณสีม่วงร้องเรียกเขามาจากข้างใน หวงเสี่ยวหลงเห็นได้ชัดว่ามันต้องการให้หวงเสี่ยวหลงเดินตามมันเข้าไปภายในหุบเขา
หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ แล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ยกเท้าขึ้นและก้าวเดินเข้าไปในหุบเขาตามหลังวานรน้อยตัวนั้น เมื่อเข้าไปสู่ภายในหุบเขาเป็นคลื่นที่หนาของปราณหยินที่กระทบกับหวงเสี่ยวหลงพร้อมกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ไกลออกจากไปหุบเขามีกองภูเขาของกระดูกจากซากศพที่ตายแล้วกระจัดกระจายไปทั่วทุกแห่งซึ่งเป็นซากยุคอดีตที่ผ่านมานานแล้ว
ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปภายในหุบเขากระดูกมากขึ้น แม้จะมีประสบการณ์ของหวงเซี่ยวลองในสองช่วงชีวิตซึ่งก็ยังทาให้จิตใจของเขา และความแข็งแกรงที่มากกว่าเด็กส่วนใหญ่ เขาก็ไม่อาจสามารถรักษาความสงบของจิตใจภายในสถานการณ์เช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตามเมื่อหวงเสี่ยวหลงกาลังจะถอยหลังกลับ และออกไป เขาก็มาถึงสนามหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นหอมจากดอกไม้แปลก ๆ ซึมซับอยู่ในอากาศซึ่งเป็นภาพเหมือนสวงสวรรค์ ที่กลางสนามหญ้ามีทะเลสาบสีเขียวขุ่น หวงเสี่ยวหลงกาลังจ้องมองไปที่ภาพหุบเขาในเบื้องหน้า เขาไม่เคยคาดคิดสักครั้งว่าจะกองกระดูกหรือแม้แต่หุบเขาแบบนี้อยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับฉากจากนรกและอีกครึ่งหนึ่งเป็นสวรรค์
ในขณะนี้วานรกลืนวิญญาณสีม่วงตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งได้พาเขามาถึงยังหน้าผาที่สูงชัน และร้องเรียกหวงเสี่ยวหลง ขณะที่ชี้ไปที่ด้านบนของหน้าผา หวงเสี่ยวหลงเดิน และกวาดสายตาของเขาไปตามทิศทางที่ชี้ขึ้นด้วยนิ้วมือเล็ก ๆ เหล่านี้ที่อยู่เกือบจะถึงด้านบนของหน้าผาบนหน้าผามีเถาสีเขียวที่หนาขนาดใหญ่และในเกาวัลย์เหล่านั้นมีผลไม้สีแดงอยู่เพียงไม่กี่ผล
ผลไม้สีแดงเหล่านี้ทาให้คนที่ได้มองมันรู้สึกฟุ้งซ่านจากกลิ่นหอมจากผลไม้จาง ๆ ผ่านมาทางอากาศที่ชวนให้หลงใหล
"นี่ ... นี่น่าจะเป็นผลไม้หยาง?" หวงเสี่ยวหลงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ผลไม้หยางเติบโตขึ้นบนดินแดนแห่งหยินดูดซับปราณระหว่างสวรรค์และปฐพีถึงเก้าชนิด ถ้าคนที่ทาการบ่มเพาะได้กินมันจะช่วยเพิ่มปริมาณของปราณฉีให้มากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นแต่มันยังช่วยชาระไขกระดูกและผิวหนังซึ่งจะมีประโยชน์ที่ไม่อาจคาดคิดได้ต่อการบ่มเพาะในอนาคต
(TL : ชื่อของหวงเสี่ยวหลงแปลได้ความว่ามังกรน้อย ในขณะสานวนจีน วานรกลืนวิญญาณสีม่วง ก็คือมังกรม่วงแต่จริง ๆ คือลิง ผู้แปลจึงใช้คาตรง ๆ ว่าวานรไปเลยเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนจากชื่อ)