บทที่ 05: คำประกาศที่ก้าวร้าว?
นักรบระดับสอง!
ตั้งแต่วันแรกของการเพาะปลูกจนถึงตอนนี้ก็บรรลุสู่ขั้นนักรบระดับสอง, หวงเสี่ยวหลงใช้เวลาไม่เกินสามวัน! นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
โดยทั่ว ๆ ไปแม้แต่จิตวิญญาณการต่อสู้ระดับสิบยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีในการพัฒนาไปสู่นักรบระดับสอง แม้ว่าคนที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมอย่างมากอย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงหกเดือนเพื่อให้บรรลุขั้นนี้
อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงใช้เวลาแค่สามวัน!
ระงับความตื่นเต้นในใจของเขา หวงเสี่ยวหลงยังคงใช้ทักษะการบ่มเพาะซวนฉิน เพื่อให้เส้นลมปราณของขั้นที่สองที่มีปราณฉีไหลให้สงบมากยิ่งขึ้น
หากขั้นแรกปราณฉีของเส้นลมปราณคล้ายกับลาธารเล็ก ๆ จากนั้นขั้นที่สองปราณฉีของเส้นลมปราณก็เปรียบได้กับแม่น้าสายเล็ก ๆ ที่กว้างขึ้นและมีขนาดใหญ่เพื่อรองรับปราณฉี
….
ค่าคืนนี้ในที่สุดก็ผ่านพ้นไป
เมื่อแสงแดดยามเช้าอันอบอุ่นไหลผ่านหน้าต่างไปยังร่างของหวงเสี่ยวหลง หวงเสี่ยวหลงก็ยุติการฝึกฝนของเขาในค่าคืนนี้ และลืมตาขึ้นมา หลังจากการฝึกฝนตลอดทั้งคืนเขาได้สร้างความมั่นคงให้กับลมปราณของนักรบระดับสอง
สงสัยจริง ๆ ว่าความคืบหน้าของหวงเหว่ยน้อยจะพัฒนาไปถึงขนาดไหนกัน? หวงเสี่ยวหลงคิดก่อนที่จะกระโดดลงจากเตียง และเดินออกไปจากห้อง หวงเสี่ยวหลงเหยียดแขนขาของเขาอย่างเฉื่อยชาหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์
ในลานเล็ก ๆ หวงเสี่ยวหลงมองไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ครึ่งเมตรที่มุมเดียวกันกับที่เคยโดนเขาชกเมื่อหลายวันก่อน เขาไม่สามารถต้านทานตัวเองได้ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ขณะที่ยกมือข้างขวาของเขาแล้วรวบรวมปราณฉีไปรอบ ๆ ฝ่ามือของเขา ขณะที่เขาโจมตีไปบนก้อนหิน ก้อนหินขนาดใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเกิดก้อนหินก้อนเล็ก ๆ กระจัดกระจายไปทั่วทุกแห่ง
บนพื้นผิวของหินก้อนใหญ่จะเห็นเส้นแตกเป็นรอยเล็ก ๆ จากมือขวาของเขา หวงเสี่ยวหลงตรวจสอบพลังของฝ่ามือของเขา และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ตามความคาดหวังของเขาหลังจากที่ได้ทะลวงผ่านไปสู่นักรบระดับสองแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เปรียบได้กับนักรบนักรบระดับสองขั้นปลาย
ย้อนกลับไปในโลกก่อนหน้านี้ถ้ามีเด็กวัย 7 ขวบที่มีพลัง 2 แสนจินเกิดขึ้นมันคงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่น่าเชื่อ แต่ที่นี่คือโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้มันจึงไม่มีอะไรที่น่ายกย่อง
ออกจากลานของเขาไป หวงเสี่ยวหลงมุ่งหน้าไปยังเรือนรับรองตะวันออก
แต่ไม่ไกลจากลานเล็ก ๆ ของเขาเขาได้ยินเสียงซุบซิบของผ็คนจากคฤหาสน์หลายแห่ง
"เหรอ, ข้าได้ยินมาว่านายน้อยหวงเหว่ยประสบความสาเร็จในการสร้างปราณฉีของเขาในเวลาเพียงสามวัน! ในช่วงเวลาของพวกเรา พวกเราต้องใช้เวลาสองเดือนในการสร้างปราณฉีของพวกเรา ในอัตรานี้ในเวลาน้อยกว่าสี่เดือน นายน้อยหวงเหว่ย จะต้องสามารถก้าวไปสู่นักรบระดับแรกได้อย่างแน่นอน! "
"ข้าสงสัยว่าการฝึกฝนของนายน้อยเสี่ยวหลงในตอนนี้เป็นเช่นไร?"
"นายน้อยเสี่ยวหลง? ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของนายน้อยเสี่ยวหลงจะไม่เลวร้ายแต่ว่าหากต้องการสร้างปราณฉีจะทาให้เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน ซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับความเร็วของ นายน้อยหวงเหว่ย และหากหวังที่จะก้าวไปสู่นักรบระดับแรกได้อย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปี
ดังนั้นนายน้อยหวงเหว่ยจึงจะสามารถประสบความสาเร็จในการสร้างปราณชิของเขา? หวงเสี่ยวหลงยืนอยู่ในทางเดินด้วยมือของเขาที่ไขว้ไปที่ด้านหลังของเขามองเหมือนผู้ใหญ่เพียงเล็กน้อย ในขณะที่เขาเฝ้าดูยามของคฤหาสน์หลายคนเดินออกไป
ไม่ต้องใส่ใจกับเหล่ายามพวกนี้อีกต่อไป หวงเสี่ยวหลงยังคงเดินต่อไปที่ห้องโถงทางทิศตะวันออก ครู่ต่อมาหลังจากที่เขาเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ หวงเสี่ยวหลงก็สังเกตเห็นพ่อและแม่ของเขา นอกจากนี้ยังมีน้องสาวของเขาหวงหมิ่น และน้องชายอายุน้อยสี่ขวบชื่อ หวงเสี่ยวไห่ในห้องโถงใหญ่แห่งนี้
"ท่านพ่อท่านแม่" หวงเสี่ยวหลกล่าวออกมาขณะที่เขาเดินเข้าไป
"นั่ง" หวงเผิงเงยหน้าขึ้นแสดงมองไปที่เก้าอี้ เห็นได้ชัดว่ามีรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขา นั่งลง หวงเสี่ยวหลงพบการแสดงออกของซูเย่วถึงความกังวลเช่น เดียวกับพ่อของเขาดังนั้นเขาจึงเปิดปากของเขาและถามว่า "ท่านพ่อท่านแม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
"ไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าได้ลงมือกับลูกชายของโจวกวงหรือไม่" หวงเผิงจ้องที่ลูกชายของเขาและถาม
หวงเสี่ยวหลงจ้องมองไปทางน้องสาวของเขาหวงหมิ่น โดยไม่ต้องสงสัยใด ๆ เขารู้ว่าเรื่องนี้ออกมาจากปากของน้องสาวตัวน้อยของเขา และนางก็รู้ว่าหวงเสี่ยวหลงกาลังมองไปที่นาง หวงหมิ่นหยิบยกด้วยภาษามือเล็ก ๆ ของนางไว้กลัวที่จะมองไปที่หวงเสี่ยวหลง
"เด็กคนนั้นรนหาที่เอง" หวงเสี่ยวหลงตอบอย่างใจเย็น
หวงเผิง และซูเย่วต่างก็หงุดหงิด และมองหน้ากันและกัน
"การฝึกฝนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้?" พวกเขาเพิกเฉยต่อคาตอบของลูกชายของเขา หวงเผิงได้เปลี่ยนหัวข้อโดยไม่ตั้งคาถามเกี่ยวกับเรื่องก่อน ๆ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหวงเสี่ยวหลงได้ฝึกฝนทั้งกลางวัน และกลางคืนโดยไม่คานึงถึงเวลา หวงเผิง แล ซูเย่วได้สังเกตุเห็นได้ชัดว่าทั้งคู่รู้สึกสบายใจที่หวงเสี่ยวหลงกาลังพยายามที่จะบ่มเพาะ
การได้ยินคาถามของบิดาเกี่ยวกับการฝึกฝนของเขา หวงเสี่ยวหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาควรที่จะบอกความจริงหรือไม่? หรือเขาควรจะปิดบังความแข็งแกร่งของเขาหรือเปิดเผยว่าเข้าก้าวผ่านขั้นตอนการสร้างปราณฉีไปแล้วดี?
เมื่อมองเห็นความลังเลของลูกชาย หวงเผิงปลอบโยนเขาว่า "มันเป็นเพียงไม่กี่วันมันไม่สาคัญหรอกถ้าเจ้ายังไม่สามารถสร้างปราณฉีได้ แม้แต่ตัวข้าเองยังต้องใช้เวลาตลอดทั้งเดือนก่อนที่ข้าจะทาได้"
"ถูกต้องแล้ว เสี่ยวหลง ความสามารถของเจ้าสูงกว่าท่านพ่อของเจ้า เจ้าจะสามารถสร้างปราณฉีไว้ได้หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว " ซูเย่วกล่าวเสริม
ความจริงก็คือทั้ง หวงเผิง และซูเย่วเห็นความลังเลใจบนใบหน้าของหวงเสี่ยวหลง และทาให้พวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าหวงเสี่ยวหลงรู้สึกอับอายที่จะตอบว่าเขายังไม่สามารถสร้างปราณฉีได้
หวงเสี่ยวหลงได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ขณะฟังคาพูดของผู้เป็นพ่อและแม่แล้วกล่าวว่า "โปรดวางใจในตัวข้า" อย่างไรก็ตามหลังจากคิดเพียงเล็กน้อยเขาก็เดินไปตามแนวความคิดของพ่อแม่ของเขากล่าวว่า "ท่านพ่อท่านแม่โปรดมั่นใจในตัวลูก อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ข้าก็จะสามารถสร้างปราณฉีได้อย่างแน่นอน"
การฟังคาพูดที่มั่นใจของลูกชายของพวกเขาทั้งหวงเผิง และซูเย่วก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามความกังวลที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของความม่นใจของหวงเสี่ยวหล หวงเผิงได้แต่กล่าวเพียงว่า "เสี่ยวหลง เมื่อวันก่อนหวงเหว่ยประกาศว่าเขาจะทาลายแขนทั้งสองข้างของเจ้าในระหว่างงานชุมนุมประจาปีของตระกูล!"
ในที่สุดหวงเสี่ยวหลงก็เข้าใจสาเหตุของความกังวลต่อหน้าพ่อแม่ของเขา
คนอื่นอาจไม่กล้าทาเช่นนั้น แต่เนื่องจากหวงเหว่ยยิ่งกล้าพูดมากเท่าไหร่ในระหว่างการชุมนุมของตระกูล หวงเหว่ยอาจจะทาให้แขนของเขาพิการ และอ้างว่าเป็นเหตุบังเอิญ ในเวลานั้นแม้ปู่หวงฉี่เต๋อก็จะไม่ลงโทษเขาอย่างมากเพียงตาหนิไม่กี่คา
"ทาให้แขนทั้งสองของข้าพิการ" หวงเสี่ยวหลงยิ้มขณะที่อยู่ภายใต้พื้นผิวร่องรอยของความเกลียดชังก็เพิ่มมากขึ้น
ซูเย่วกลัวว่าหวงเสี่ยวหลงไม่ทราบถึงความสาคัญของเรื่องนี้จึงรีบกล่าวว่า "เสี่ยวหลง หวงเว่ยได้ผ่านขั้นตอนการสร้างปราณฉีเสร็จสิ้นแล้ว และภายในสิ้นปีเขาอาจจะมีความสามารถเข้าสู่นักรบระดับแรกขั้นปลายได้ เขาจะทาในสิ่งที่เขาพูดในตอนนั้นเขาจะทาร้ายแขนทั้งสองของเจ้าให้พิการ" ในขณะที่ซูเย่วกล่าวว่าภาพของมือของเสี่ยวหลงที่กาลังเป็นง่อยก็กระพริบขึ้นมาอยู่ภายในใจของนางทาให้ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง
"เราควรทาอย่างไร พวกเราควรจะทาอย่างไรดี? " ซูเย่วร้องไห้
หวงเผิงมองภรรยาของเขาที่กาลังจมอยู่ในทะเลน้าตา และกาลังตื่นเต้นเป็นอย่างมากกล่าวว่า "ผู้หญิงก็ยังคงเป็นเช่นนี้ ทาไมเจ้าถึงร้องไห้? อย่าร้องไห้ได้ไหม?
ซูเย่วหันหน้าไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้าตา "ถ้าเสี่ยวหลงถูกทาให้พิการพวกเราจะจะทาอย่างไรดี? ถ้ามือทั้งสองข้างของ เสี่ยวหลง หากสูญเสียไปเขาจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร? หวงเผิงทาไมเจ้าถึงไม่ไปหาพี่ใหญ่แล้วขอร้องให้เขาไปขอหวงเหว่ยปล่อยเสี่ยวหลง ของเราไป! "
"พี่ชาย เฮอะ?" หวงเผิงขมวดคิ้ว
"ข้ารู้ว่านี่จะทาให้เจ้าเสียหน้า แต่เจ้าอยากเห็นมือของเสี่ยวหลงพิการหรือ?" ซูเย่วยังคงร้องไห้
เด็กน้อยทั้งสองคน หวงหมิ่นและหวงเสี่ยวไห่ต่างก็เห็นซูเย่วร้องไห้อย่างน่าสังเวช พวกเขาทั้งสองเดินไปหานาง และร้องไห้ด้วยกันทั้งสามคน
เมื่อหวงเสี่ยวหลงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง หวงเผิงก็ได้ยืนขึ้นกัดฟันกล่าวว่า "เอาล่ะข้าจะไป!" หลังจากพูดจบเขาจับมือเล็ก ๆ ของหวงเสี่ยวหลงพาเขาไปสู่ทิศทางของเรือนรับรองด้านทิศเหนือ
"ท่านพ่อ ข้า.........." ออกมาจากห้องโถงใหญ่ของ เรือนรับรองตะวันออก หวงเสี่ยวหลงเปิดปากของเขาต้องการจะบอกว่ามันไม่จาเป็นต้องไปพบหวงหมิง
แต่เขาถูกขัดจังหวะโดยหวงเผิง: "เสี่ยวหลง ต่อหน้าลุงใหญ่ของเจ้า เจ้าต้องยืนอยู่เงียบ ๆ เข้าใจหรือไม่? " หลังจากพูดแบบนั้นโดยไม่ต้องรอคาตอบของหวงเสี่ยวหลง เขาและหวงเซี่ยวหลงก็รีบไปที่เรือนรับรองทิศเหนือ
เมื่อพวกเขามาถึง หวงหมิง และหวงเหว่ย สองพ่อลูกอยู่ในห้องโถงใหญ่ บังเอิญที่โจวกวง และโจวซู่ตงก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน .......