ตอนที่ 270 หยี่ ตงไล่
เมือง7A1คือเมืองหลวงขาวกระจ่าง มีอาคารขนาดมหึมาที่คล้ายกับเสายักษ์ตั้งตระหง่านสูงเทียมฟ้า มันไม่เพียงแต่จะสูงที่สุดในเมืองขาวกระจ่าง แต่มันยังสูงที่สุดในเขต7อีกด้วย มันสูงกว่า3800เมตร เกือบทุกคนที่มาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกจะต้องการเข้าไปใกล้เพื่อดูว่าตึกนี้สูงแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถได้รับคำตอบนั้น
หลิน ฮวงยืนอยู่ที่ลานใต้ตึกยักษ์และแหงนหน้ามอง
“สำนักงานใหญ่รัฐบาลกลางสุดยอดมาก!”หลิน ฮวงอดที่จะอุทานไม่ได้ วิสัยทัศน์ของเขาเกือบจะถูกปกคลุมโดยเมฆ เขาไม่อาจเห็นแม้กระทั่งส่วนบนของตัวตึก
“สำนักงานขนาดใหญ่....รัฐบาลกลางช่างใจปล้ำนัก!”
“มันคือสมบัติระดับกึ่งเทพ”คุณฟู่ยิ้มขณะที่พูด
“อาจารย์ คุณกำลังจะบอกว่าตึกนี้คือ....”หลิน ฮวงมองคุณฟู่ด้วยดวงตาที่เปิดกว้าง
“แน่นอน ใครกันจะมีความพยายามพอจะสร้างตึกยักษ์ทั่วไป หากองค์กรใต้ดินบุกมายังสถานที่นี้ ผู้หลุดพ้นระดับเพลิงสวรรค์คนใดก็สามารถทำลายมันโดยง่าย ใครจะอยากสร้างมันขึ้นใหม่อีกครั้งและอีกครั้งกัน?”คุณฟู่กล่าวราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่
หลิน ฮวงคิดเกี่ยวกับมันและเห็นด้วย หากมันเป็นอาคารทั่วไป มันก็คงจะถูกทำลายโดยง่าย มันคงจะเป็นเรื่องลำบากหากพวกเขาต้องสร้างมันขึ้นใหม่อีกครั้งและอีกครั้งหลังจากที่ถูกทำลาย
“เขต7ไม่ใช่เพียงเขตเดียวที่มีมัน สำนักงานใหญ่ในเขต4ถึง12ล้วนมีสมบัติระดับกึ่งเทพที่เป็นสมบัติป้องกัน และก็เป็นเช่นเดียวกับองค์กรใหญ่อื่นๆเพราะทุกคนล้วนกลัวเกรงว่าบุคคลภายนอกจะลุกล้ำเข้ามาในบ้านของพวกเขา”คุณฟู่กล่าว
“หากเขต4-12ต่างก็มีสมบัติกึ่งเทพ....แล้วเขต1-3ละครับ?”หลิน ฮวงถามอย่างที่รู้อยู่แล้วแต่ก็ยังอยากได้ยินคำยืนยันจากปากคุณฟู่
“พวกเขาย่อมต้องมีสมบัติระดับเทพ เขต1-3เป็นเขตหลักของเผ่าพันธ์มนุษย์ พวกเขาร่ำรวยกว่าเรามาก”คุณฟู่ลดเสียงลงเล็กน้อยเมื่อเขากล่าวเช่นนั้น
“เขต1-3พลุกพล่านไหมครับ?”หลิน ฮวงถามต่อ
“แน่นอน!”คุณฟู่พยักหน้า
“เธอเห็นไหมว่าเมืองหลวงขาวกระจ่างพลุกพล่านแค่ไหน?”
“ครับ”หลิน ฮวงพยักหน้า
“เมืองหลวงขาวกระจ่างคือเมืองที่พลุกพล่านที่สุดในเขต7 มันมีพื้นที่15ล้านตารางกิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เมืองเกรดAในเขต3ล้วนมีพื้นที่อย่างน้อย12ล้านตารางกิโลเมตรและส่วนใหญ่ก็มีพื้นที่18ล้านตารางกิโลเมตร เมืองเกรดAที่ใหญ่ที่สุดของเขต3มีพื้นที่ถึง28ล้านตารางกิโลเมตร มันเกือบจะเป็นสองเท่าของเมืองหลวงขาวกระจ่าง”
“ในเรื่องของความพลุกพล่าน เมืองเกรดAทุกเมืองในเขต3ล้วนเทียบได้กับเมืองหลวงขาวกระจ่างหรือยิ่งกว่านั้น เธอจะรู้ด้วยตัวเองเมื่อเธอไปถึงเขต3 แม้กระทั่งเมืองเกรดCที่นั่นยังมีผู้คนมากกว่าเมืองเกรดBของที่นี่ มาตรฐานทางเศรษฐกิจของพวกเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่า”
“เขต3มีความสามารถที่อ่อนแอสุดใน3เขตหลัก เขต1และเขต2อยู่ไกลเกินระดับของเขต3 พวกเขาต่างกันมากเกินไป”คุณฟู่กล่าวขณะที่จิบขวดไวน์
“เขตหลักกลับแออัดมากกว่านี้...”หลิน ฮวงไม่อาจจินตนาการได้
“ยิ่งสถานที่แออัดมากเท่าไร มันก็ยิ่งโสมมมากเท่านั้น อย่าคิดว่าสถานที่ที่แออัดจะดีกว่า เนื่องจากเราอยู่ในหัวข้อนี้ ฉันก็อยากจะเตือนเธอไม่ให้เชื่อใจคนง่ายๆเมื่อเธอไปยังเขตหลักในอนาคต”
“โอ้...”หลิน ฮวงไม่เข้าใจว่าทำไมคุณฟู่จึงมอบคำเตือนเช่นนี้ให้เขาแต่เขาก็พยักหน้า
ขณะที่พวกเขากำลังพูดกัน ผู้คนในลานก็ยิ่งมากขึ้นและมากขึ้น พวกเขาส่วนใหญ่มาจากหลายๆองค์กรด้วยสมาชิกประมาณกลุ่มละ10-20คน หรือแม้กระทั่งหนึ่งร้อยคน โดยพื้นฐานพวกเขาทุกคนล้วนอยู่ในระดับทองขั้น3หรือระดับทองสมบูรณ์ คุณฟู่คือคนเดียวที่พาคนมาหนึ่งคนและมันดูเหมือนหลิน ฮวงจะเป็นคนเดียวที่อยู่ในระดับทองขั้น2 นั่นทำให้เขาโดดเด่นกว่าใครอื่น มันเห็นได้ชัดว่าคุณฟู่มีชื่อเสียงมากเพราะหัวหน้าผู้หลุดพ้นต่างก็เข้ามาทักทายเขาแต่การสนทนาก็เป็นทางการอย่างมาก บางคนถามเกี่ยวกับหลิน ฮวงแต่คุณฟู่ก็มักจะให้คำตอบเดียวกันพร้อมกับหัวเราะ
“เขาคือลูกศิษย์ฉัน”
ส่วนใหญ่ประหลาดใจเมื่อพวกเขาได้ยินและต่างก็ลอบมองหลิน ฮวง
เมื่อมันเลย8โมงเช้า กลุ่มคนขนาดใหญ่ก็ถูกส่งมาที่ลาน หัวหน้าคือชายชราที่มีมวยผมสีขาว ด้านข้างเขาคือจู เหนียนที่หลิน ฮวงรู้จักอยู่แล้ว เมื่อชายชราและจู เหนียนมาถึง ผู้หลุดพ้นหลายคนก็เดินเข้าหาพวกเขา ชายชราดูเหมือนจะมีชื่อเสียงมากเช่นกันและจู เหนียนก็เพิ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บริหารระดับสูงของสมาคมนักล่า ดังนั้น หลายคนจึงเข้าไปทักทายเขาพร้อมกับชายชรา
“ชายชราคือผู้บริหารระดับสูงของสมาคมนักล่า?”หลิน ฮวงไม่รู้จักเฒ่าหลี่แต่เขารู้จักจู เหนียนจากการอ่านข่าวการเลื่อนตำแหน่งของเขา อย่างไรก็ตาม มันกลับเป็นชายชราที่นำกลุ่มไม่ใช่จู เหนียน
“ใช่แล้ว ชื่อของเขาคือหลี่ หยุนหลง เขาคือผู้ที่อาวุโสสุดท่ามกลางผู้บริหารในสมาคมนักล่าเขต7 ผู้อาวุโสบางคนก็ยังต้องยอมหลีกทางให้เขา”
“หากเขาคือหลี่ หยุนหลง.....งั้นผมก็คือฉู่ หยุนเฟย...”หลิน ฮวงพูดไม่ออกเมื่อได้ยินชื่อ(ไม่รู้มุขอะไร)
“เขาทรงพลังกว่าจู เหนียน?”หลิน ฮวงหลุดจากความคิดนั้นและถาม
เขาเคยเห็นความสามารถของจู เหนียนมาก่อนที่เขาจะบรรลุระดับนิรันดร์ ดังนั้น เขาจึงเข้าใจความสามารถของจู เหนียนดี
“ทรงพลังกว่ามาก!”คุณ ฟู่เหลือบมองหลิน ฮวงเมื่อได้ยินคำถาม
“ระดับที่เหนือกว่าเพลิงสวรรค์คือนิรันดร์ เหล่านิรันดร์จะต้องใช้ดวงวิญญาณมอนสเตอร์เพื่อจุดตะเกียงชีวิตของพวกเขา ทุกตะเกียงชีวิตจะบ่งชี้ถึง1ขั้น จู เหนียนเพิ่งจะจุดตะเกียงชีวิตแรกขณะที่หลี่ หยุนหลงได้จุดตะเกียงชีวิตถึง9อัน เขาใกล้จะถึงเวลาทะลวงผ่านแล้ว!ทำไมเธอถึงคิดว่าเขามีอำนาจสูงสุดในหมู่ผู้บริหาร?อย่ามองเขาเพียงเปลือกนอก หากผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดในเขต7สู้กับเขาพร้อมกัน พวกเขาก็ยังคงแพ้อยู่ดี”
“โอ้ จริงหรอครับ?เขาทรงพลังมาก....”หลิน ฮวงไม่คิดว่าชายชราผอมแห้งจะทรงพลังมากขนาดนั้น
เพียงเมื่อพวกเขากำลังพูดเกี่ยวกับหลี่ หยุนหลง เขาก็มองมาทางคุณฟู่ เขากล่าวขอโทษคนอื่นและเดินมาทางคุณฟู่ทันที เมื่อเห็นเช่นนั้น จู เหนียนก็ส่งซอกให้ชายหนุ่มด้านหลังเขาและเดินตามมา
“คุณฟู่”ทั้งคู่ทักทายคุณฟู่
“หลี่น้อย เธอดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นนะ ดูเหมือนว่าเธอจะใกล้ทะลวงด่านแล้ว”คุณฟู่กล่าวกับหลี่ หยุนหลง
หลิน ฮวงตกใจเมื่อได้ยินว่าคุณฟู่กำลังเรียกเขาว่าหลี่น้อย
“ขอบคุณครับคุณฟู่ ผมจะหมั่นฝึกฝน”หลี่ หยุนหลงไม่ได้ดูโกรธเมื่อคุณฟู่เรียกเขาว่าหลี่น้อย
หลิน ฮวงมองอาจารย์เขาอย่างตกใจเพราะเขาไม่รู้ว่าคุณฟู่ทรงพลังแค่ไหน
“เธอเองก็ไม่เลวเช่นกัน พ่อหนุ่ม ฉันได้อ่านเรื่องราวของเธอมา ตอนนี้เธอเป็นผู้บริหารระดับสูงแล้ว”คุณฟู่ตบแขนจู เหนียน ด้วยความสูงของเขา มันยากสำหรับเขาที่จะเอื้อมถึงไหล่ของจู เหนียน
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ผมค่อนข้างหัวช้าดังนั้นผมต้องขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ มันช่วยผมได้มาก”จู เหนียนถ่อมตน
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกัน หลิน ฮวงก็ฟังโดยไม่กล่าวแทรก อย่างไรก็ตาม หลี่ หยุนหลงกลับยังคงมองมาทางหลิน ฮวงขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เขาอดที่จะถามออกมาไม่ได้“คุณฟู่ หลิน ฮวงได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในสมาคมนักล่า ผมตกใจมากเมื่อพบว่าเขาคือนักดาบอัจฉริยะในลานประลองนักล่า”
“เด็กนี่คือนักดาบอัจฉริยะ?”จู เหนียนเลิกคิ้วขึ้นขณะที่สำรวจหลิน ฮวง ดูเหมือนเขากำลังพยายามจะคิดว่าหลิน ฮวงมีอะไรพิเศษ ในฐานะสมาชิกของสมาคมนักล่า แม้ว่าเขาจะยุ่งกับการทำงานก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่เขาก็ไม่เคยพลาดข่าวของคนที่ประสบความสำเร็จในการชนะ90ครั้งติด
“เฮ้ อย่าแม้แต่จะคิด เขาคือลูกศิษย์ฉัน”คุณฟู่ยอมรับตัวตนของหลิน ฮวง
“คุณกำลังหมายถึงลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ?”จู เหนียนตกใจ
“มันเป็นฉันเองที่ไม่ดูให้ดีก่อน ฉันได้มองผ่านเขาไปในระหว่างการประเมินครั้งแรก....”เฒ่าหลี่กล่าวและมองหลิน ฮวง
“มันเป็นความผิดที่เธอไม่แสดงให้เราเห็นถึงความสามารถที่แท้จริง....”
“หากเธอไม่สบประมาทเขา ฉันจะได้รับเขามาได้ยังไงกันละ?พรสวรรค์ที่ไม่ถูกสังเกตเห็นก็จะไม่มีวันถูกสังเกตเห็นไปตลอด”คุณฟู่หัวเราะ
ในที่สุดหลิน ฮวงก็เข้าใจว่าก่อนที่คุณฟู่จะยอมรับเขาเป็นศิษย์ การประเมินเข้าการฝึกเร่งรัดของเขาถูกปฏิเสธโดยเฒ่าหลี่ที่ยืนตรงหน้าเขา
เมื่อพวกเขาสนทนากัน ผู้คนจากรัฐบาลกลางก็มาถึง กลุ่มที่โดดเด่นที่สุดคือกลุ่มที่กำลังสวมชุดทหารสีเขียวเข้มด้วยสมาชิกกว่า1000คน มีเครื่องหมายสีดำตรงด้านซ้ายของเครื่องแบบพวกเขา – หัวของอสูรดูเหมือนเพิ่งจะถูกตัดออก มีดาบเปื้อนเลือดสีดำที่ด้านล่างหัวทำให้ภาพดูสมจริงยิ่งขึ้น หลิน ฮวงรับรู้ทันทีว่ามันคือเครื่องหมายของกองกำลังพิฆาตอสูร
เขามองไปที่กลุ่มนั้นและสังเกตเห็นคนที่คุ้นเคย
“หยี่ เยว่หยู่?!เธออยู่ในกองกำลังพิฆาตอสูร?”หลิน ฮวงไม่ได้พูดออกมาเสียงดังแต่คุณฟู่ก็สังเกตเห็นท่าทีของเขา
“มีอะไรงั้นหรอ?”
“ไม่อะไรครับ ผมแค่เห็นเพื่อน”หลิน ฮวงส่ายหัวและยิ้ม
เมื่อเห็นว่าคนของรัฐบาลกลางได้มาถึงแล้ว เฒ่าหลี่และจู เหนียนก็ขอตัวและกลับไปยังกลุ่มพวกเขา
มีผู้นำอยู่สามคนและชายชราผมขาวก็คือผู้นำสูงสุด เขาดูแข็งแรงด้วยท่าทางตรงๆ เขาสวมชุดสูทสีขาว สองคนด้านข้างเขาสวมชุดเครื่องแบบสีดำที่มีตราพิฆาตอสูรสีแดงอยู่บนฝั่งซ้าย
“ทำไมชายชราในชุดขาวจึงดูคุ้นๆ?”หลิน ฮวงขมวดคิ้ว และในไม่ช้า เขาก็คิดว่าชายชราดูคล้ายๆกับหยี่ เสิ่น ในขณะเดียวกัน ชายชราในชุดขาวก็เดินไปบนเวทีตรงหน้าสำนักงานใหญ่รัฐบาลกลางเพียงลำพัง และกวาดตามองผู้คนบนลาน
“สวัสดี ทุกคน ฉันเห็นพวกหน้าเก่าที่นี่แต่ฉันก็คิดว่าหนุ่มสาวหลายคนคงจะไม่รู้จักฉัน ให้ฉันได้แนะนำตัวเอง ชื่อของฉันคือหยี่ ตงไล่ ผู้ก่อตั้งกองกำลังพิฆาตอสูรในเขต7 และเป็นพลเอกคนแรกของกองทัพนี้....”