ตอนที่ 127 นักปราชญ์เต๋าสวรรค์ (FREE)
เจ้าเมืองมีความตื่นเต้นในใจ เขารู้ดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร หอแห่งเต๋าแห่งนี้ไม่เหมือนกับหออื่นๆ เพราะว่ามันถูกก่อตั้งขึ้นโดยคุณหนูแห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์
ท่ามกลางหมอกที่ปกคลุมหนา เสียงของม้า ค่อยๆใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา
เงาของผู้ที่ขี่บนหลังม้าได้ปรากฎขึ้น ชายเสือคลุมสีน้ำเงินพัดไปตามลม บนใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้ม
"ฟาง เจิ้งจือ!" ปากของเจ้าเมืองพลันอ้าค้างทันที
การทดสอบกฎแห่งเต๋าระดับมณฑลอยู่ภายใต้การดูแลของเขา ดังนั้นเขาจึงเคยเห็น ฟาง เจิ้งจือ มาก่อน
"เจิ้งจือ เจ้ากลับมา?"
"ทำไมเขาถึงกลับมาที่หมู่บ้าน? ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้กำลังเดินทางไปเมืองเกล็ดทองอยู่งั้นหรือ?!"
เหล่าชาวบ้านจ้องมองไปยังคนที่ปรากฎตัวขึ้นกลางหมอกหนาด้วยความไม่เชื่อ บางคนก็จ้องมองไปที่เจ้าเมืองด้วยความสับสน
เจ้าเมืองเองก็สับสน คำเชิญจากกองตรวจการเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก! โอกาสแบบนี้ ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปก็คงจะรีบแจ้นไปที่เมืองเกล็ดทองแล้ว เพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่ เรียนรู้เกี่ยวกับกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์และสร้างเส้นสายกับพวกเขา
แต่ ฟาง เจิ้งจือ กลับเลือกที่จะกลับหมู่บ้าน!
หลังจากที่ตกใจ เจ้าเมืองก็เข้าใจได้ในทันที จากนั้นแววตาของเขาที่มีต่อ ฟาง เจิ้งจือ ก็พลันเปลี่ยนเป็นความชื่นชม
มังกรที่บินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ได้มองไปที่ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ แต่กลับมองไปยังดินแดนที่ทำให้มันบินขึ้นไปได้
เขาเป็นคนรู้บุญคุณ ...
ช่างน่านับถือ!
ฟาง เฮ่าเตอ เองก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เช่นกัน แต่เขามองไปด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่แปลกใจเลยที่ ฟาง เจิ้งจือ จะกลับมา เพราะเขารู้นิสัยลูกตัวเองดี
"ลุงหยางปิง ท่านพ่อ ! ฮะ? เจ้าเมือง...." ในตอนนั้นเอง ฟาง เจิ้งจือ ได้ควบม้าเข้าไปใกล้ฝูงคน
ครั้งนี้มีคนจำนวนมากที่ทางเข้าหมู่บ้าน มารอต้อนรับเขา มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก เมื่อนึกถึงการทดสอบระดับมณฑลก่อนหน้านี้ เขารู้สึกได้ถึงแต่เพียงความปล่าวเปลี่ยวหัวใจเมื่อเดินทางมาถึง
"เจ้ามีเวลาพอหรือ?" ฟาง เฮ่าเตอ ไม่ได้พูดอะไรมาก เขากลับเปิดปากถามเพียงเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถปิดบังมือทั้งสองของเขาได้ มือที่กำลังสั่นเทาไปด้วยความตื้นตัน
"ยังมีเวลาอีกมาก ข้าจึงตัดสินใจจะกลับหมู่บ้านสักพัก!" ฟาง เจิงจือ พยักหน้า
"เจิ้งจือ...ช่างน่าเหลือเชื่อ! ลุงหยางปิงของเจ้าไม่ได้ประเมิณเจ้าสูงเกินไปเลย เอาล่ะ ไปหาแม่เจ้าก่อน พวกเราจะรอรับของตรงนี้ก่อน!" น้ำเสียงของ จาง หยางปิง เต็มไปด้วยความห่วงใยของผู้อาวุโส
"อ้าว พวกท่านไม่ได้รอข้าหรอกรึ?"
"รอเจ้า? ฮ่าฮ่า ... พวกข้าไม่ได้รอเจ้าเสียหน่อย! "
"หอแห่งเต๋าของหมู่บ้านภูเขาทางใต้ได้ถูกย้ายมาที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือแล้ว เจ้าเมืองได้มอบวัตถุดิบก่อสร้างให้พวกเราด้วยตัวเองเลย ข้าและลุงหยางปิงจึงจะรอบรับของก่อน! " ฟาง เฮ่าเตอ อธิบายให้ ฟาง เจิ้งจือ ฟัง
"หอแห่งเต๋ากำลังถูกย้าย?" ฟาง เจิ้งจือ ผงะไปเล็กน้อย
นี่นับเป็นข่าวดี แต่ก็เป็นข่าวที่ทำให้รู้สึกใจหายเหมือนกัน หอแห่งเต๋าจากหมู่บ้านภูเขาทางใต้ ฉือ กูเหยียน เป็นคนสั่งให้สร้างขึ้น ใครจะกล้าสั่งให้ย้ายมันนอกจาก...ตัวนางเอง?
ฉือ กูเหยียน ...
นางคงยังคงไม่ได้ลงมาจากเขา?
นางคงสั่งการมาจากศาลาเต๋าสวรรค์
แต่ทำไมนางถึงทำแบบนี้? จุดประสงค์ของคืออะไรกันแน่
นางจะกัดข้าไปถึงไหนกัน?
นางต้องหาทางจัดการกับข้าอีกแน่!
...
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ค่อยสนใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะด้วยความสามารถในตอนนี้ แม้จะเป็น ฉือ กูเหยียน หากต้องการจะบีบเขาขึ้นมาจริงๆล่ะก็ เขาก็พอสามารถรับมือนางได้แล้ว
เมื่อกลับถึงบ้าน ฉิน ซูเหลียน กำลังเย็บรองเท้าหนังอยู่ในห้อง
เมื่อพวกเขาได้พบกัน
ฟาง เจิ้งจือ ดีใจเป้นอย่างมาก
แต่ทว่าดวงตาของ ฉิน ซูเหลียน เบิกกว้างขึ้น เธอขยี้ตาแรงๆ แล้วพูดกับตัวเอง "อา...ข้าคงทำงานหนักจนไม่สบาย ข้าหวังเพียงว่า ฟาง เจิ้งจือ จะกลับมา แต่เขาคงกำลังไปเจอเรื่องดีๆอยู่ จะกลับมาทำไมกัน?"
"แม่ ข้ากลับมาแล้ว!"
"ใช่...เจ้ากลับมาก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ฮะ?! จะ..เจิ้งจือ !! เจ้า.." รองเท้าหนังในมือร่วงลงสู่พื้นและน้ำตาเริ่มไหลรินอาบแก้มของนาง
ทันใดนั้นเองนางก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปกอด ฟาง เจิ้งจือ แน่น
ความอบอุ่น ...
บางครั้งทุกคนก็ต้องการมัน
...
ช่วงค่ำของหมู่บ้านภูเขาทางเหนือนั้นเต็มไปด้วยความคึกครื้น งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่ลานหมู่บ้าน นอกจากคนของหมู่บ้านภูเขาทางเหนือแล้วนั้นหัวหน้าหมู่้านจากหมู่บ้านอื่นๆก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วย
เจ้าเมืองฮวายอัน หน้าแดงด้วยความดีใจ พูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านต่างๆด้วยความสนุกสนาน หวัง อันฮุย เองก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความยินดี
"8 ปีที่ไม่ได้เจอกัน เจ้าโตขึ้นมาก!"
"อาจารย์หวัง ก็ไม่ได้ดูแก่ขึ้นเลย"
"ฮ่าฮ่า ... ใครจะรู้ว่าต้อให้เวลาผ่านไปแค่ไหนปากของเจ้าก็ยังไร้ความเมตตาเหมือนเดิม?"
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ท่วมท้นไปทั่วทั้งลานหมู่บ้าน ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะถามอะไรเกี่ยวกับ ฉือ กูเหยียน จาก หวัง อันฮุย แม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่า หวัง อันฮุย ไม่มีทางพูดออกมาแน่นอน
...
วันถัดมา เจ้าเมืองเพียงถาม ฟาง เจิ้งจือ เกี่ยวกับการทดสอบกฎแห่งเต๋าระดับเมืองหลวงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินทางกลับเมืองฮวายอันไป เขามีหน้าที่ต้องดูแลเมืองต่างๆที่อยู่ในมณฑลฮวายอัน
หัวหน้าหมู่บ้านจากหมู่บ้านอื่นๆได้นำของขวัญติดตัวมาด้วย
หลังจากค่ำคืนแห่งความตื่นเต้นและความสุข ชาวหมู่บ้านภูเขาทางเหนือก็ได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายดังเดิม
ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบ
ควาบเงียบสงบราวกับผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง ไม่ว่าลมจะพัดมาแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรได้
แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น อย่างเช่น บนโลกใบนี้มีสื่งมีชีวิตที่ชื่อว่านกน้ำอยู่ ต่อให้ปากมันจะไม่สามารถเจาะทะลวงชั้นน้ำแข็งลงไปได้ แต่มันก็สามารถสร้างรอยให้เกิดขึ้นบนชั้นน้ำแข็งได้
เช่นเดียวกับนักปราชญ์ที่ปรากฎตัวขึ้นบนทางเดินริมเขาเล็กๆ เขาแต่งตัวอย่างหรูหราและสง่างามด้วยเสื้อคลุมสีขาว แม้ว่าเขาจะเดินทางผ่านฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกมามากมาย แต่ชายเสื้อของเขาไม่เปื้อนเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของเขานั้นสว่างไสวราวกับดวงดาวท่ามกลางราตรี
ระยะทางระหว่างเมืองฮวายอันและหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ ไม่ไกลมาก แต่มันมีเพียงเส้นทางเดียวที่จะเดินทางมาได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติ เจ้าเมืองฮวายอันที่กำลังรีบขี่ม้าเพื่อกลับเมืองพบกับนักปราชญ์คนนี้พอดี
ในความเป็นจริงแม้ว่าจะเป็นเส้นทางหลัก แต่ก็ไม่กว้างในความเป็นจริงถึงจะมีเพียงเส้นทางเดียว แต่มันก็ไม่ได้กว้างนัก มากที่สุดก็แค่รถม้าเพียงคันเดียวที่จะวิ่งผ่านได้ ถ้ามีสักสองคันละก็ อีกคันคงต้องลงไปวิ่งข้างทาง โชคดีที่คราวนี้ เจ้าเมืองไม่ได้นั่งรถม้ามา
เขาขี่ม้าอย่างเบาๆตามมาด้วยทหารคุ้มกันทั้ง 6 คน
นักปราชญ์เห็นหัวหน้าเมือง หัวหน้าเมืองเองก็เห็นเขาเช่นกัน
ตามธรรมเนียบเมื่อเจอคนของทางการควรจะทำความเคารพสักเล็กน้อย...
แต่ นักปราชญ์ไม่ได้มีท่าทีจะทำอย่างนั้นเลย
เจ้าเมืองหยุดม้า แต่นักปราชญ์ไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้ทหารคุ้มกันทั้ง 6 คนเป็นกังวล
พวกเขาเป็นกังวล แต่็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร
เจ้าเมืองเองก็ไม่ได้โกรธอะไร แต่เขาก็ไม่สามารถปกปิดความตกใจภายในดวงตาได้มิด
นักปราชญ์ที่เดินผ่านหน้าเจ้าเมืองไปดื้อๆ
ไม่ทำอะไรแม้แต่น้อย
แต่เจ้าเมืองก็ทำเพียงหันหลังไปดูรูปร่างของนักปราชญ์คนนั้น ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ่ปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก
"เจ้าเมือง จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่เขาจะเดินทางไปทางหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ?" ทหารคุ้มกันถามอย่างระมัดระวัง
"ต่อให้เขาจะไปไหนก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา!" เจ้าเมืองส่ายหัว แต่ท่าทีของเขาม่ได้ใจเย็นแม้แต่น้อย
"รับทราบ!" ทหารคุ้มกันตอบในทันที
"ไปกันได้แล้ว!" หัวหน้าเมืองควบม้าออกไป
เมฆฝุ่นลอยขึ้น เขาไม่รู้ความสามารถของนักปราชญ์คนนั้น ไม่รู้ชื่อ แต่เขาไม่คิดจะฆ่าตัวตายโดยการถามออกไป
เหตุผลนั้นง่ายมาก
บนแขนเสื้อของนักปราชญ์มีปักคำว่า "เต๋าสวรรค์อยู่"
...
ฟาง เจิ้งจือ นั้นเป็นคนที่รู้จักวิธีชื่นชมกับบรรยากาศ เขากำลังนั่งดื่มด่ำอากาศยามเช้า ดวงอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้นมาจากขอบฟ้า ความรู้สึกอันอบอุ่นค่อยๆเข้ามาแทนที่
เขาหาหินขนาดใหญ่เพื่อนั่งลง ยกแก้วขึ้นมาและค่อยๆรินเหล้าลงไป มืออีกด้านถือกระต่ายย่างไว้อยู่
จากนั้นก็อ่านหนังสือ ขณะดื่มด่ำไปกับมื้ออาหาร
ตอนนี้ราวกับเป็นความสุขที่สวรรค์มอบ?
ในหนังสือที่เขาอ่านมีภาพของผู้หญิงอันงดงามอยู่
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังพลิกหน้าถัดไป เขาก็สูดกลิ่นอันหอมหวนจากเนื้อกระต่ายย่างไปด้วย บางครั้งเขาก็สงสัย เมื่อไหร่เขาจะได้เจอผู้หญิงสวยๆแบบในรูป
แต่ทว่า ฟาง เจิ้งจือ กลับผงะไปเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ กำลังจมดิ่งอยู่กับหนังสือ
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่เขาก้มองว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ดี
นอกจากนี้เขายังเชื่อว่ามันเป็นหนังสือที่มีคุณค่ามาก เขาเชื่อว่ามูล่าของหนังสือเล่มนี้มากกว่าหนังสือกฎแห่งเต๋ามือสองที่เขาซื้อมาจากเมืองแน่นอน
มันเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเล่มเดียวจบ
ฟาง เจิ้งจือ อ่านมันด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ขณะที่เขากำลังอ่านอยู่นั้น เขาก็ฮัมเพลงที่มีชื่อเสียงมากอย่างร่าเริ่ง
"ตีกลองให้ดังก้อง แต่ตีฆ้องให้เบาๆ หยุดตีกลองและระฆังเพื่อฟังเสียงเพลง ร้องออกมาเหมือนการซุบซิบนินทา "
"เอื้อมมือออกไปสัมผัสเส้นผมของพี่สาว กลุ่มเมฆที่ล่องลอยไปกว่าครึ่งฟ้า เอื้อมมืออกไปสัมผัสใบหน้าของพี่สาว...โอ้ช่างเหมือนสวรรค์ "
"..."
การฮัมเพลงของเขาบนภูเขา เป็นการร้องเพลงอย่างสำราญเบิกบานใจ
และดูเหมือนว่า ฟาง เจิ้งจือ จะเบิกบานใจเป็นอย่างมาก
ความสุขที่ได้ขับร้องออกมานั้นมันทำให้เขาไม่สามารถควบคุมเสียงได้เลย
ดังนั้นเสียงของเขาจึงดังไปไกลมาก
ไม่มีใครรู้ว่าเสียงของเขาไปไกลแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้...
ถ้ามีใครเดินผ่านมา คงได้ยินเสียงของเขาเต็มสองรูหูแน่นอน
เพจหลัก : Double gate TH