Chapter 48 - Count Dimitri's Castle Ruins (4)
Chapter 48 - Count Dimitri's Castle Ruins (4)
เพ่ง หลงได้มองกลับไปที่ด้านหลังของเขา ในห้องนั้นเต็มไปด้วยซากศพของแมมมุมต่างๆ แมงมุมพวกนั้นได้ถูกเผาจนตาย ตัดออกเป็นชิ้นๆ หัวถูกเตะออกไปและตายด้วยเขี้ยวขอหมาป่า
จิโอวานี่ได้หันมาเรียกเขาจากด้านข้าง
"เฮ้ นายกำลังทำอะไรอยู่นายคนจีน มาเร็ว"
เพ่ง หลงจึงมองไปที่ด้านหน้าอีกครั้ง นักล่าทั้งสี่คน จินนี่และหมาป่าได้รอเขาอยู่ในลิฟ
"อา โอเค"
เพ่ง หลงได้เดินเข้าไปในลิฟทันที
"ครืดด ครืดด"
เมื่อนักล่าทั้งสี่คนได้เข้าไปยืนด้านในลิฟก็ได้เริ่มที่จะขึ้นไปอีกครั้งและเสียงลิฟครูดกับกำแพงก็ดังออกมา
ในขณะที่ลิฟกำลังเคลื่อนตัวอยู่ เพ่ง หลงก็หันไปมองหน้าของโดมินิคครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาซีดคล้ายกับคนที่ตายไร้เรี่ยวแรง คำสาปของแวมไพร์นั้นนอกจากจะลดสเตตัสแล้วมันยังลดกำลังใจอีกด้วย
มันเป็นที่เข้าใจได้ 30 นาทีต่อจากนี้มันเกี่ยวข้องกับความเป็นตายของเขา
"ฟุด ฟิด ฟุด ฟิด"
หมาป่าตัวใหญ่ได้เดินไปรอบๆลิฟเพื่อที่จะดมกลิ่น เพ่ง หลงได้เหบ่มองไปที่หมาป่าตัวนั้น
นับตั้งแต่ในตอนที่เขาได้ถูกหมาป่ากัดจนเกือบตานใน 'ป่าอเฮนน่า' เขาก็ได้กลัวเจ้าสิ่งนี้ไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นนักล่าชาวเกาหลีก็ได้ออกคำสั่งกับหมาป่า
"เคนนั่งลง"
ด้วยเพียงคำสั่งเดียวนี้หมาป่าก็ได้เดินอย่างโอ้อวดและลงไปนั่งอยู่ข้างเท้าของชาวเกาหลี เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้มันพึ่งได้ฉีกพวกแมงมุมอย่างบ้าคลั่งเช่นเดรัจฉาน
'เขามันใจว่ามันจงรักไักดีต่อเจ้านาย'
ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นเคก็ได้พูดออกมา
"นายเพ่ง หลง"
"อา ง่าไง"
"นายมีทักษะที่สามารถจะยิงลูกธนูหลายๆดอกในครั้งเดียวไหม"
เพ่ง.หลงได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมา
"อา ใช่แล้วฉันสามารถลูกธนูแตกตัวได้ ฉัน.."
เขาเริ่มที่จะอธิบายความสามารถของมัน แต่เขาก็หยุดลงและเปิดหน้าต่างข้อมูลของธนูออกมาเพราะมันจะง่ายกว่า
ธนูกรงเล็บมังกร - ธนูแห่งโจฮาน
ธนูระดับวีรบุรุษ - ความแข็งแรง A ความคล่องแคล่ว B
ทักษะใช้งาน
ลูกธนูแตกตัว (III)
หลังจากลูกธนูถูกยิงออกไป มันจะแยกออกด้วยเวทมนตร์และโจมตีไปในพื้นที่เดียวกัน
คูลดาว 5 นาที
ดวงตามังกร (III)
ยิงลูกธนูออกไปเพื่อตรวจจับศัตรูนอกสายตา
คูลดาว 5 นาที
ธนูที่เคยถูกใช้โดยหนึ่งใน 4 โจรในตำนานโจฮาน
ว่ากันว่าประสิทธิภาพของคันธนูจะมากขึ้นตามผู้ถือครอง
"แบบนี้นี่เอง"
เคได้อ่านหน้าต่างข้อมูลสั้นๆและหยักหน้ารับ
"ถ้าหากฉันให้สัญญาณ ก็จงยิงลูกธนูให้มากที่สุดเข้าใส่ชุดเกราะ"
เพ่ง หลงเอียงหัวลง
'หืม ชุดเกราะอะไร'
เพ่ง หลงนั้นต้องการที่จะถาม แต่เคก็ได้หันหัวไปทางจินนี่และบอกกับจินนี่
"ซาดาเมียร์ นายเตรียมพร้อมที่จะใช้โซ่สายฟ้า"
"รับทราบ นายท่าน"
ในขณะที่เพ่ง หลงยังคงงงอยู่ลิฟก็ได้หยุดลง
"ติ้ง"
เสียงได้ดังออกมและประตูลิฟก็เปิดออก ไม่เหมือนกับในชั้นแรกที่ต้อนรับพวกเขาด้วยนักเต้นและดนตรีหรือกองทัพแมงมุมในชั้นสอง ในชั้นสามแห่งนี้เงียบสนิท
ในทางเดินยาวนั้นไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากชุดเกราะที่ว่่างเปล่าที่ถูกสวมใส่โดยหุ่น
"ทำไมห้องนี้ถึงเป็นแบบนี้ ศัตรูอยู่ที่ไหน"
จิโอวานี่ได้ถามออกมาและเพ่ง หลงก็ได้คิดกับตัวเอง
'ทำไมชายคนนั้นถึงได้รู้ว่าในชั้นถัดไปจะมีชุดเกราะพวกนี้'
ในขณะที่เขากำลังนึกสงสัย เคก็ได้ให้สัญญาณเขา
"โอเคเริ่มยิงได้ เล็งไปที่ศัตรูให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
'ศัตรู'
เพ่ง หลงได้เต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็ได้ตัดสินใจทำตามที่เคได้บอก เริ่มจากเรื่องของ 'คำสาปเลือด' เขารู้มากจนเกินไปแม้แต่ในรายละเอียดที่ไม่ปรากฏในแผ่นข้อมูล
เพ่ง หลงได้เงยหน้าขึ้นไปมองเพดานและได้เห็นโคมไฟระย้าแขวนอยู่ด้านบน
'สิ่งนี้มันควรจะมีประโยชน์'
เขาได้เล็งไปที่โคมไฟและตะโกนออกมา
"ลูกธนูแตกตัว"
ลูกธนูของเขาได้พุ่งเข้าไปโดนโคมไฟระย้าและเมื่อนั้นเองลูกธนูก็ได้แยกออกมาหลายๆดอกพุ่งใส่ทั่วพื้นที่ มันได้พุ่งลงไปใสพวกชุดเกราะเป็นส่วนใหญ่
"ตรวจพบผู้บุกลุก"
"ด้วยแขนนี้"
"กำจัดศัตรูของเจ้านาย"
หุ่นที่สวมใส่ชุดเกราะอยู่ได้เริ่มมีชีวิตขึ้นและยกอาวุธขึ้น ความเร็วของพวกนั้นดูจะไม่น่าประทับใจซักเท่าไหร่
จิโอวานี่ได้ยกขวาและโล่ขึ้นมาเตรียมตัวพุ่งไปปะทะ แต่ซังจินก็ได้หยุดเขาไว้
"เดี๋ยวก่อน..รอครู่หนึ่ง"
พวกชุดเกราะที่ได้เริ่มเคลื่อนไหวก็ได้เดินตรงเข้ามาทางลิฟ
"รออีกหน่อย..."
เคได้รออยู่สักพักหนึ่งและส่งสัญญาณไปให้กับจินนี่
"ซาดาเมียร์"
จินนี่ได้เริ่มร่ายเวทในทันที
"สายฟ้าที่น่าหวาดหวั่น จงแพร่กระจายจากศัตรูไปสู่ศัตรูเรื่อยๆ"
ในเวลาเดียวกันเคก็ได้ร่ายเวทบทเดียวกันกับจินนี่
"สายฟ้าที่น่าหวาดหวั่น จงแพร่กระจายจากศัตรูไปสู่ศัตรูเรื่อยๆ"
พลังงานสายฟ้าได้เริ่มรวบรวมขึ้นมาที่มือของเขา
"โซ่สายฟ้า"
"โซ่สายฟ้า"
แสงได้ว่างขึ้นที่มือของเขาและพุ่งเข้าไปใส่กองทัพมี่เข้ามาใกล้ ชุดเกราะที่ด้านหน้าได้ถูกสาวฟ้าและล้มลง จากนั้นสายฟ้าก็ยังคงพุ่งไปต่อสู่ตัวอื่นๆเรื่อยๆ
มีเพียงไม่กี่ตัวที่ยังรอดอยู่และพวกมันก็ได้ยืนอยู่ในท้ายสุดของห้อง
"ไปกันเลย"
ศัตรูที่หุ้มเกราะความจริงแล้วจะจัดการได้ยากมาก แต่ว่าพวกมันได้ถูกโจมตีจนบาดเจ็บจากสายฟ้าก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงได้ถูกทำลายลงด้วยการโจมตีของจิโอวานี่และโดมินิค
ชั้นสามได้เคลียไปแล้วด้วยระยะเวลาเพียงแค่กระพริบตาไม่กี่ครั้ง นักล่าทั้งหมดได้ไปที่ลิฟชั้นต่อไปอย่างรวดเร็ว
และจากนั้นลิฟก็เริ่มขึ้นไปอีกครั้ง
****
ซังจินได้พยายามนึงถึงความทรงจำในอดีตของเขา
'อะไรกันนะที่อยู่บนชั้นที่สี่"
และแล้วเขาก็นึกออก มันเป็นห้องมอนสเตอร์ของแฟรงเก็นสไต พวกมันนั้นไม่เร็วมากนัก แต่ก็มีพลังชีวิตที่สูงทำให้ต้องใช้เวลาในการจัดการมันลง
'ฉันคิดว่าเราจะต้องโจมตีแบบไม่หยุดเพื่อไม่ห้เวลาเหนือต่ำกว่า 10 นาที..'
มอนสเตอร์ของแฟรงเก็นสไตนั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนกับมินิบอส ในแง่ของพลังชีวิตมันนั้นมีพลังชีวิตที่สูงกว่ามอนสเตอร์ทั้งหมดที่เขาได้ต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ มันมากกว่าของเคาท์เดมิทรีซะอีก มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ว่าจะต้องใช้เวลาที่นานขึ้นสักหน่อย
ซังจินมองลงไปที่ดาบทั้งสองเล่มของเขา มูนสเปคและบลัดเวเจน
'..ฉันคิดว่ามันไม่เลวเลยที่จะทดสอบความสามารถของมันว่าเป็นเล่นไร'
แต่
"อั๊ก.."
โดมินิคได้จับหน้าผากของเขาและเริ่มร้องออกมา ไม่มีเวลาที่จะเสียไปได้อีก เขาได้พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะประหยัดเวลามากที่สุด ซังจินจึงหันไปหาซาดาเมียร์
"ซาดาเมียร์นายมีเวทมนตร์ดีบัพที่ลดพลังป้องกันของศัตรูไหม"
"แน่นอน"
"ถ้าอย่างนั้นใช้มันเพื่อศัตรูปรากฏขึ้น"
"รับทราบ"
จากนั้นซังจินหันหน้าไปมองนักล่าคนอื่นๆและพูดชึ้น
"ช่วยฉันอีกครั้งด้วยมือของพวกนาย โจมตีศัตรูด้วยทุกอย่างที่พวกนายมีซะ"
เพ่ง หลงหยักหน้ารับ มาฮาเดสได้พนมมือขึ้นและภาวนาจากนั้นก็ตอบกลับมา
"แน่นอน"
"ติ้ง"
ลิฟได้หยุดลงและเสียงก็ดังออกมา ชั้นที่สี่นั้นเป็นห้องแล็บ เครื่องมือที่ไม่รู้จักและสารเคมีต่างๆได้มีอยู่ทั่วห้องแห่งนี้
และที่ตรงกลางได้มียักษ์ยืนอยู่ในขณะที่ตาปิด เมื่อนักล่าได้เข้ามาที่ชั้นที่สีืเครื่องมือที่อยู่รอบฐยักษ์เอาไว้อยู่ก็เริ่มขยับ
จากนั้นมันก็ได้เริ่มฉีดสารเคมีเข้าใส่อกของยักษ์และสายฟ้าก็แปร๊บออกมา
"ก๊าซ~"
"ไปกัน"
ซังจินตะโกนออกมาในขณะที่วิ่งไปข้างหน้า ซาดาเมียร์ก็ได้ร่ายเวทออกมา
"ร่างกายที่เปราะบาง และแตกหัก ความอ่อนแอ"
แสงสีดำแปลกๆได้ปรากฏขึ้นเหบือหัวของศัตรู
"ฟิ้ว"
ลูกธนูของเพ่ง หลงได้พุ่งเข้าใส่หัวของมันและฝังเขาไป แต่มอนสเตอร์ของแฟรงเก็นสไตไม่ใช่สิ่งที่จะตายด้วยของเช่นนั้น ซังจินได้วิ่งออกไปและเหวี่ยงดาบคู่ของเขา
"ย๊าก"
เขาวิ่งพร้อมกับตะโกนออกมา
"ย้าโฮ่"
มาฮาเดสก็ได้พุ่งเข้ามาเตะเช่นกัน ดาบของซังจินนั้นได้ปักลงบนอกของมันและเท้าของมาฮาเดสก็ได้เคะเข้าที่ปายคาง
****
"ครืดด ครืดด"
ลิฟได้เริ่มเลื่อนขึ้นไปอีกครั้ง ซังจินได้มองกลับไปที่ด้านหลัง มอนสเตอร์ในก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นกองเลือดและเศษชิ้นส่วนเล็กๆ
'ในตอนนี้มันใช้เวลาประมาณ...กี่นาที'
ครั้งก่อนที่เขาได้สู้พร้อมกับห้าคนในชีวิตที่แล้วมันได้ใช้เวลาถึง 10 นาที แต่ในครั้งนี้มันจบลงเร็วมาก ซังจินมองลงไปที่ดาบของเขา
'พลังโจมตีของมันอยู่ในระดับที่ต่างจากครั้งก่อนๆแล้ว'
นักล่าคนอื่นๆอาจจะไม่ทราบ แต่ซังจินสามารถที่จะบอกได้จากการที่ได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ของแฟรงเก็นสไตเป็นครั้งที่สอง
'..ฉันก็อาจจะสามารถเคลียการจู่โจมด้วยตนเองได้...'
ซังจินได้มองไปที่คนรอบๆเขา
เหมือนกับพระจริงๆ มาฮาเดสไม่มีการเปลื่ยนแปลงสถานภาพของเขา เขาได้ยืนนิ่งอย่างสงบ
แต่จิโอวานี่และเพ่ง หลงดูจะหวาดกลัว ถึงแม้ว่าการจู่โจมจะดำเนินไปด้วยดีแต่พวกเขาก็ดูจะยังกังวลอยู่มาก ซังจินคิดขึ้นกับตัวเอง
'ต้องเป็นเพราะระดับค่าผลงาน'
เขานั้นเข้าใจในความรู้สึกของพวกเขา ถ้สหากเป็นในทะเลทรายหรือในสุสานที่เขาออกไปด้วยตัวคนเดียว พงกเขาก็จะไม่คำนวณค่าผลงานของซังจินได้ แต่ในตอนนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทุกคนในปาตี้จะสามารถเห็นได้ว่าซังจินทำอะไรไปบ้างด้วยตัวเขาเอง เหมือนกับว่าผลงาน 70%-80% จะถูกผูกขาดไว้กับซังจิน มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกอันตรายเป็นอย่างมาก
แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนแอกว่าซังจินแต่พวกเขาก็เป็นหนึ่งใน 0.01% ของมนุษยชาติที่แข็งแกร่ง พวกเขาสามารถจะรู้ได้จากประสบการณ์ของพวกเขาว่าถ้าหากพวกเขาไม่แข็งแกร่งขึ้นในตอนนี้ พวกเขาก็จะต้องตายในภายหลังแน่นอน
สาเหตุที่ว่าทำไมโดมินิคถึงทำบุ่มบ่ามเช่นนั้นไม่ยากจะคาดเดาเลย
'แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันไม่สามารถจะหยุดการเติบโตของฉันไว้ได้...'
เขากำลังอยู่ในสวาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและซังจินได้ตระหนักถึงความหมายนั้น การที่เขาจะแข็งแกร่งขึ้นนั้นมันก็จะทำให้พันธมิตรอ่อนแอลงและในกรณีเช่นนี้มันก็เหมือนกับฆ่าพวกเขาทางอ้อม การทำงานร่วมกันกับทีมก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างดี แต่ว่าซังจินนั้นก็ได้มีพลังที่มหาศาลจากทั้งห้าบทที่ผ่านมา
แม้ว่ามาฮาเดสจะเป็นผู้ที่อยู่รอดจนถึงช่วงท้ายๆในชีวิตที่แล้ว แต่ในตอนนี้เขาก็จะมีปัญหาในเรื่องของค่าผลงานของเขา ถ้าหากไม่มีซังจินอยู่ เขาก็จะสามารถมีแต้มผลงานที่มากถึง 40% ได้
และผลของสิ่งนี้จะค่อยๆแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป เหมือนกับในความจริงที่ว่าคนที่รวยก็จะมีแต่รวยขึ้น แต่กับคนจนก็จะมีแต่ยิ่งจนลง
คนที่แข็งแกร่งมากก็จะได้รับผลงานที่มากและจะเติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากย้อนกลับไปที่โลกซังจินนั้นเป็นเพียงแค่คนที่จนที่สุดในโลก แต่หากเป็นที่นี่เขาก็จะเป็นคนทีร่ำรวยที่สุดคนหนึ่ง
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คำของอิกกอสะท้อนขึ้นมาในใจเขา
'ไม่ใช่ว่าในที่แห่งนี้มันดำเนินไปเช่นเดียวกันโลกหรอ'
ซังจินเลียริมฝีปากของเขา อิกกอนั้นเป็นคนที่ไม่ใช่คนดี แต่คำพูดของเขาก็ได้ติดอยู่ในใจ ซังจนิส่ายหัวออกมา เขาตัดสินใจที่จะลบอิกกอออกไปจากความทรงจำของเขา
'นี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะผูกขาดแต้มทั้งหมด ฉันจะใช้แต้มที่ได้จากรอบนี้ เพื่อให้ได้รับ 'ไอเทมนั้น' จาก 'มืดยิ่งกว่าสีดำ'..และจากนั้นเรื่องเช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว'
เขานั้นจะล่าบอสร่วมกับทีมของเขาแต่จะปล่อยพวกลูกน้องธรรมดาให้กับพวกเขาจัดการกันเอง และสำหรับตัวเขาเอง เขาก็จะล่าศัตรูในระหว่างที่กระโดดจากการจู่โจมไปสู่อีกการจู่โจมหนึ่ง ด้วยรูปแบบเช่นนี้สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ก็จะแก้ปัญหาได้เอง
'เกมส์นี้มันมีโครงสร้างแบบนี้'
ซังจินตอบกลับความทรงจำในหัวของเขา
'เพียงเพราะมันมีโครงสร้างที่ปัญญาอ่อนเช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องทำตามสิ่งที่มันให้ทำ'
นี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะถูกจำกัดด้วยระบบ เริ่มจากการจู่โจมครั้งต่อไปเขาก็จะสามารถเดินทางผ่านมิติได้อย่างอิสระ
"ติ้ง"
เสียงของลิฟได้ดังออกมา มันเป็นชั้นที่ห้าแล้วและนี้ก็เป็นชั้นสุดท้าย ที่ด้านหน้าของพวกเขาก็ได้มีเคาท์เดมิทรียืนรออยู่
[คำเตือน]
[บอส 'เคาท์พันปีเดมิทรี' ปรากฏตัว]