ตอนที่แล้วChapter 44 - Black Market Fifth Shopping (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 46 - Count Dimitri's Castle Ruins (2)

Chapter 45 - Count Dimitri's Castle Ruins (1)


Chapter 45 - Count Dimitri's Castle Ruins (1)

"ฮี้~"

สามารถจะได้ยินเสียงของม้าได้จากใกล้เคียงและด้านนอกของหน้าต่างรถที่เขย่านั้น สามารถที่จะมองเห็นหอคอยสูงได้ ดวงจันทร์ลอยร่องอยู่เหนือมุมหอคอยและได้มีสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถระบุชนิดได้บินอยู่บนน่านฟ้า

"กุ๊บ กั๊บ ๆ ๆ"

รถได้เขย่าขึ้นลงไปตามเสียงกีบเท้าที่ดังออกมา สถานที่ๆซังจินถูกวาปมาก็คือภายในรถม้าที่กำลังมุ่งไปสู่ซากปราสาท

[ยินดีต้อนรับสู่ปราสาทที่ปรักหักพังของเคาท์เดมิทรี]

[มันเป็นปราสาทที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อพันปีที่แล้ว]

[โปรดระวังผู้ที่อาศัยอยู่ในปราสาทแห่งนี้]

[พวกเขานั้นได้อาศัยอยู่ที่ปราสาทนี้ตั้งแต่มันสร้างขึ้น]

เมื่อโอเปอเรเตอร์ได้ให้คำอธิบายจบรถม้าก็ได้หยุดลง มันได้จอดอยู่ที่หน้าประตูรั้วขนาดใหญ่ที่ได้มีเสียงโหยโหนน่าขนลุกได้ยินออกมา

"พวกเรามาถึงแล้วขอรับ ท่านนักล่า"

ในที่สุดซังจินก็เปิดประตูและออกมา ที่ด้านนอกประตูนั้นคนขับรถม้าได้คอยเขาอยู่ คนขับรถม้านั้นไร้ซึ่งหัว มันเป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาเห็นมัน แต่เขาก็ยังตกใจ

'ฉันไม่ชอบมันเลย...'

ซังจินเดินออกมาและไปยืนอยู่ที่ด้าหน้าทางเข้า

"หาว~"

มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะหาวออกมา มันเป็นเพราะว่าเขานั้นตื่นขึ้นมาเช้าเกินไป

[ทำการจัดทีมนักล่า]

ซังจินกระพริบตาและมองดูคนที่ค่อยๆปรากฏตัวออกมา เขาทำตามปกติของเขาโดยการตรวจสอบที่ฉายาก่อนเป็นอันดับแรก

'ทหารหุ้มเกราะ'

'การ์ด'

'นักแม่นปืนมือหนึ่ง'

ในตอนนั้นเองเขามองเห็นบางอย่าง ซังจินนั้นคิดว่าเขามองเห็นมันไม่ชัดเขาจึงขยี้ตาและมองใหม่

'เดี๋ยวก่อนนะ...ฉันไม่ได้มองผิดไป'

เขานั้นไม่ได้มองผิด ได้มีชายรู้ร่างสูงที่โกนหัวมีรอบสักแปลกๆทั่วร่างกาย เขานั้นเป็นพระที่มีดวงตาสีฟ้า เขามีลักษณะเด่นเป็นอย่างมาก

ซังจินนั้นรู้ชื่อเขาอยู่แล้ว

"มาฮาเดส"

ซังจินได้ตะโกนชื่อนั้นออกมา มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้วิ่งเข้าไปหาใครบางคนหลังจากการรีเซ็ต ที่ด้านบนหัวของพระนั้นเขียนไว้ว่า 'นักสู้ระดับสูง' พระคนนั้นได้หันหน้ากลับมามองที่ซังจิน

"เราเคยเจอกันหรือ"

ใช่ ใช่แล้วพวกเขาเคยเจอกัน เขานั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถจะอยู่รอดไปได้ถึงช่วงสุดท้าย ที่มีเพียงคนไม่กี่ 10 คนที่เหลือรอดอยู่ คุณมักจะไปพบกับเพื่อนร่วมทีมจากรอบก่อนๆหากเข้าสู่การจู่โจมอีกครั้ง

ถึงแม้เข้าจะไม่ได้โชคดีอยู่รอดไปจนถึง '10 รอบสุดท้าย' แต่เขาก็เคยได้ร่วมงานกับซังจินถึง 3 ครั้ง พวกเขาได้ร่วมมือกันเพื่อพยายามเอาชีวิตรอด

และในตอนนี้พวกเขาก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในช่วงต้นของการจู่โจม

'โลกมันกลมมาก..'

มันช่วยไม่ได้ที่ซังจินจะเข้าไปหาเขาและจับมือเขย่าๆ มาฮาเดสได้กระพริบตาและมองไปที่ซังจินอย่างประหลาดใจ

"...นายรู้จักฉันได้ยังไง..."

ต้องขอบคุณที่พวกเขาเคยได้เจอกันถึง3ครั้ง ซังจินจึงได้รู้ถึงพื้นหลังของเขาเป็นอย่างดี เขานั้นเป็นนักเทควันโดผู้เชี่ยวชาญจากประเทศแคนนาดา เมื่อตอนที่เขาได้รับรางวัลจากชนะเลิศจากอเมริกาเหนือ เขาก็ได้รับคำเชิญให้เข้าสู่การต่อสู้แบบ MMA

ความแข็งแรงทนทานของเขานั้นเป็นตำนาน และด้วยการฝึกฝนเทควันโดของเขา ทักษะการเตะของเขาก็ได้รับการจัดอันดับที่สูงเป็นอย่างมาก ด้วยความสมบูรณ์แบบทางกายภาพร่างกายเขา การต่อสู้ MMA ของเขาจึงถูกคาดหวังอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแข่งขัน เขาได้เตะคู่แข่งของเขาตายในระหว่างการแข่งกระชับมิตร

ดังนั้นเขาจึงต้องนำเงินสัญญาหลายพันล้านดอลล่าร์มาจ่ายและเข้าไปสู่อารามพุทธในพระเทศเกาหลี

เขาจ้องมองมาที่ังจินด้วยดวงตาสีฟ้าที่ตกใจของเขาขณะกล่าวออกมา

"ถ้านายรู้จักว่าฉันคือใคร แสดงว่านายคือคนเกาหลี...แต่ฉันในตอนนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าพระภิกษุสามัญเท่านั้น ได้โปรดลืมเรื่องเกี่ยวกับอดีตของฉันไป"

จากนั้นคนในกล่มก็ได้เริ่มจำได้เกี่ยวกับมาฮาเดส 'ทหารหุ้มเกราะ' เขาเงยหน้าขึ้นมาและพูดว่า

"อา ฉันคิดว่าฉันจำนายได้เช่นกัน แม้นายจะโกนหัว...แต่ฉันก็พอจะจำนายได้ว่านายเคยเป็นนักกีฬา MMA หรืออะไรซักอย่างใช่ไหม"

ลักษณะใบหน้าของทหารหุ้มเกราะนั้นชี้ให้เห็นว่าเขานั้นเป็นคนอเมริกาใต้ ที่อาจจะมาจากเม็กซิโก มาฮาเดสได้หันหน้าหนีออกไผ เขารู้สึกอึดอัดใจที่เริ่มมีคนจำเขาได้

"ทั้งหมดนั้นมันผ่านไปแล้ว"

ในตอนนั้นเองชายร่างสูง 'การ์ด' ได้ตัดสินใจพูดออกมา

"เฮ้ มันโอเคร มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า ใช่ไหม"

และคนสุดท้ายที่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้นก็คือชาวเอเชีย 'นักแม่นปืนมือหนึ่ง'

"ใช่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าพระคนนั้นมีชื่อเสียงอะไร แต่ก่อนอื่นเราจะต้องเตรียมพร้อมที่จะเอาชนะการจู่โจม"

ซังจินได้ปบ่อยมือออกจากมาฮาเดส นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันในครั้งนี้ เขาอาจจะไม่พอใจก็ได้หากซังจินแสดงความคุ้นเคยมากกว่านี้

ตอนนี้เองเป้าหมายของการจู่โจมก็ปรากฏขึ้นมา


Count Dimitri’s Castle Ruins Raid

Objective – Hunt the Thousand year Count ‘Dimitri’

Time limit: 1 hour 30 minutes


[การจู่โจมจะเริ่มขึ้นในอีก 3 นาที]

ด้วยเสียงผระกาศนี้ เหล่านักล่าได้มารวมตัวกันและเตรียมความพร้อม 'การ์ด' ได้เริ่มต้นการสนธนาด้วยการแนะนำตนเองก่อน

"ฉันโดมินิค สเปนเซอร์ ฉันมาจากอังกฤษและอย่างที่พวกนายเห็นฉันใช้อาวุธเป็นหอก"

เขาได้ชูหอกขึ้นมาให้ทุกๆคนได้เห็นและกล่าวเสริมอีกหน่อย

"ฉันได้กำลังลองใช้เวทมนตร์บางอย่างเช่นกัน เวทมนตร์โจมตีละมั้ง หรืออะไรซักทาง มันเป็นเวทไฟพื้นฐาน"

'ทหารหุ้มเกราะ' ได้สัมผัสหนวดเล่นขณะพูดขึ้น

"ฉันชือจิโอวานี่ ฉันมาจาก...เม็กซิโก"

เขาดูเหมือนกับได้ซ่อนอะไรบางอย่าง

'เขาเป็นผู้ลี้ภัยทางกฏหมายงั้นหรอ ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้...'

ถ้าหากเขาเปนบางอย่างเช่นเดียวกับซานติเอโก้ เขาก็อาจจะเป็นปัญหา คนเอเชียที่ได้ถือธนูอยู่เริ่มแนะนำตนเอง

"ฉันชื่อเพ่ง หลง เป็นชาวจีน ส่วนใหญ่ฉันจะใช้อาวุธเป็นธนู แต่ฉันก็ยังสามารถใช้เวทมนตร์ได้"

มาฮาเดสได้รวบมือเข้าด้วยกันในลักษณะภาวนาและตอบกลับมา

"ฉันชื่อมาฮาเดส สัญชาติของฉันคือชาวแคนนาดา แต่...มันก็ไม่สำคัญในตอนนี้หรอก ก่อนที่ฉันจะเข้าสู่อาราม ฉันได้ฝึกศิลผะการต่อสู้มา...และนั่นคือสิ่งที่ฉันใช้ในการต่อสู้"

ซังจินเหลือบมองไปด้านข้างเขา เนื่องจากได้มีชาวจีนอยู่ในทีมของเขามันจึงเป็นเรื่องยากที่จะโกหก ดังนั้นเขาจึงตอบสัญชาติไปตามจริง

"เค ชาวเกาหลี"

'การ์ด' โดมินิค สเปนเซอร์นั้นเผ็นหัวหน้า การที่มีผู้นำใน 5 คนนั้นจะทำให้ทีมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"มาปรึกษากันเถอะ โดยเฉพาอย่างยิ่ง...นายได้รู้ถึงข้อมูลในกระดาษแล้วใช่ไหม..ที่ว่าบอสจะสามารถดูดเลือดผู้อื่นเพื่อเพิ่มพลังได้..."

จิโอวานี่ยังคงถูหนวดเล่นต่อไผในขณะตอลกลับมา มันเหมือนกับจะเป็นนิสัยที่ฝังลึกอยู่ในตัวเขา

"หมาความว่า...หากเขาได้ดูดเลือดหลายๆครั้ง เขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นหรอ"

ซังจินเคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เมื่อบอสได้ดูดเลือดของใครสักคนแล้วพลังชีวิตของเขาจะเพิ่มขึ้นและเสตตัสก็เพิ่มขึ้นเช่นกันในหลายๆครั้ง

'มันคงจะดีถ้าหากฉันไปจัดการเพียงคนเดียว...'

ซังจินมองขึ้นไปที่ปราสาทเก่าๆ การจู่โจมในครั้งนี้นั้นมันแตกต่างจากครั้งก่อนๆ

มันแตกต่างกับแบบก่อนๆตรงที่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เร่ร่อนไปเรื่อยๆเพียงคนเดียวจนกว่าบอสจะถูกจัดการ

มันยังไม่แน่ชัดว่าจะไปตาทหาบอสลับหรือชิ้นส่วนลับได้ตามลำพังหรือไม่ แต่ว่าจนกว่าบอสจะถูกจัดการ ซังจินก็ถูกบังคับให้ร่วมทีมไปกับทีมของเขา ซังจินเหล่มองไปทีืทีมของเขา

พวกเขานั้นกำลังวางแผนตำแหน่ง รูปแบบอยู่

"ตั้งแต่ที่จิโอวานี่เป็นแท้ง ก็ช่วยยืนอยู่ข้างหน้านะ...ตามมาด้วยพระที่ฝึกศิลปะการต่อสู้และนักดาบชาวเกาหลี...และก็ฉันจากนั้นเพ่ง หลงจะอยู่ด้านหลัง เข้าใจนะ"

"เข้าใจ นอกจากนี้...ฉันได้สังเกตุว่าในช่วงแรกอาวุธและบทบาทหน้าที่จะได้รับการสุ่ม แต่เมื่อมันได้ดำเนินมาถึงตอนนี้ มันดูเหมือนกับว่าระบบจะกำหนดทีมให้ตามบทบาทหน้าที่ นายไม่คิดเช่นนั้นหรอ"

"ฉันคิดว่านายพูดถูกนะ แท้ง 1 คน ดาเมจ 3 คน และซับพอทด้านหลังอีกคนหนึ่ง ตั้งแต่...การจู่โจมสองครั้งที่ผ่านมา มันก็เป็นแบบนี้"

เขาคงจะต้องรอดูความสามารถของคนในทีมของเขา แต่ก็ไม่น่าจะมีใครที่อ่อนแอจนเกินไป และก็ตั้งแต่มีมาฮาเดสอยู่ภายในทีม ซังจินก็สามารถจะผ่อนคลายลงได้

ในขณะที่ชายทั้งสีคนปรึกษากันอยู่ ซังจินก็คิดขึ้นกับตัวเอง

'อย่างแรกก็ซื้อไอเทมจาก 'มืดมิดยิ่งกว่าสีดำ' โดยใช้รางวัลจากการจู่โจมนีิ...และเริ่มที่การจู่โจมหลังจากนั้น...ฉันจะเริ่มแทรกแซงการจู่โจมอื่นๆที่ไม่ใช่ของฉัน'

เขานั้นมีไอเทมในตำนานถึงสามชิ้น และยังมีไอเทมในตำนานที่มีเพียงชิ้นเดียอยู่อีกด้วย ดังนั้นการจู่โจมทำอะไรกับเขาได้อีกต่อไป มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะคิดถึงภาพรวมใหญ่ๆ

'ค้นหาผ่านการจู่โจมอื่นๆและช่วยพวกคนที่ดีและคนที่ไม่ได้ฆ่าผู้ใด...จากนั้นก็คัดเลือกคน '10 คนสุกท้าย' ด้วยตัวฉันเอง'

นี่เป็นแผนใหม่จากซังจินอันเนื่องจากการพบกับอิกกอ เขานั่นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากพอที่จะทีพลังส่งผลในการจู่โจมได้ด้วยตัวเอง เขาต้องการที่จะมีอิทธิพลในการจู่โจมให้มากที่สุด

เป้าหมายในตอนท้ายสุดคือการสร้าง 'ผู้รอดชีวิต 10 คนสุดท้าย' ผู้ที่มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งพร้อมกับทั้งไว้วางใจได้ คนที่มีความสามารถที่จะพึ่งพาตนเองได้ สิ่งนี้เท่านั้นที่จะสามารถทำให้เคลียการจู่โจมครั้งสุดท้ายได้

ในตอนท้าย ทั้งสิบคนที่เหลืออยู่จะทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ จนเหมาะสมที่จะเลือกว่า 'ผู้ถูกเลืกโดยพระเจ้า' ได้ แต่เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงโต้เถียงกันโดยไม่สนใจที่จะร่วมมือกัน ไปจนพวกเขาถูกกำจัดออกจนหมด

การจู่โจมนั้นมันเผ็นไปไม่ได้ที่จะถูกเคลียด้วย 'บุคคลที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ' เพียงคนเดียว เขานั้นรู้ได้จากประสบการณ์ของตัวเอง

'ในการจู่โจมรอบนี้ ฉันจะลุกขึ้นเป็นพระเจ้า เขียนกฏขึ้นมาใหม่และควบคุมทุกสิ่ง'

ในขณะที่เขากำลังคิดเช่นนั้น

"เฮ้ เด็กหนุ่มชาวเกาหลี"

'การ์ด' โดมินิคได้พูดกับเขา

"นายคิดยังไง"

ซังจินนั้นไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร เพราะเขาไม่ได้ฟังการสนธนาเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้ทุกคนมองมาที่เขา จิโอวานี่ตระหนักได้ว่าซังจินไม่ได้สนใจก็บ่นออกมา

"เฮ้ นายคิดยังไงบ้าง นี่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอด นายจะขาดความรับผิดชอบได้ยังไง"

พวกเขาได้วางแผนการต่อสู้กันในขณะที่อีกคนกำลังฝันถึงสิ่งอะไรก็ไม่รู้อยู่ ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะบ่นออกมา

'ฉันควรจะพูดอะไรออกไปดี'

ซังจินได้ตัดสินใจคำตอบของเขาครู่หนึ่ง และเขาก็ตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา เขาจะต้องทำงานร่วมกับคนพวกนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง

"อืม เอาจริงๆนะ ฉันไม่ต้องการอะไรแบบแผนการหรอกนะ และก็..พวกนายที่เหลืออยู่ก็เช่นกัน"

ดวงตาของทุกๆคนเบิกกว้างขึ้นกับคำพูดของเขา โดมินิคได้มองมาอย่างสงสัยและถามกลับ

"นายหมายความว่าไง"

ซังจินตอบกลับ

"...นายจะเห็นเอง เพียงแค่ทำตามฉัน"

แทนที่เขาจะตอบกลับอีกเขาก็เอามือลงไปวางที่ดาบทั้งสองเล่ม ก่อนที่จะชักมันออกมา เพ่ง หลงได้แสดงความคิดเห็นออกมาในทันที

"สอง...ดาบคู่หรอ การใช้ดาบคู่อย่างนั้นหรอ"

มาฮาเดสผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ก็ออกความเห็นเช่นกัน

"มัน..ไม่ง่ายเลยที่จะสู้โดยใช่สองดาบเช่นนี้"

นี้มันไม่ใช่สิ่งที่ซังจินจะอธิบายออกมาได้ในระยะเวลาอันสั้น เมื่อซังจินได้ดึงดาบออกมา เขาก็เริ่มเหวี่ยงมันด้วยความน่าเกรงขาม

"วูบ วูบ วูบ วูบ วูบ~"

ดาบทั้งสองเล่มได้สะท้อนกับแสงจันทร์ออกมา คนอื่นๆที่กำลังจะพูดก็เงียบลงในทันที

และในขณะนั้นเองโอเปอเรเตอร์ก็ประกาศออกมาถึงเวลาที่เหลืออยู่

[การจู่โจมจะเริ่มขึ้นในอีก 10 วินาที]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด