Chapter 12 – Ahenna’s Forest (5)
Chapter 12 – Ahenna’s Forest (5)
ที่แคมป์ที่เป็นจุดที่เริ่มการจู่โจมในครั้งนี้ได้มีคนสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่
"ท่านหมายความว่าท่านเคยอาศัยอยู่ในเมืองมาตลอดทั้งชีวิต"
"ใช่แล้ว ฉันนั้นไม่เคยถือขวานมาก่อนเลย ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น..."
ชายชราคนตัดไม้กับพ่อค้าเร่อินเดลกำลังคุยกันอยู่
"ผมรู้ๆ ผมหวังว่าท่านจะมีชีวิตที่ยืนยาว"
"ขอบใจมาก...แต่ว่าเจ้าคนบ้าก่อนหน้านี้..."
ในตอนนั้นเอง 'เจ้าคนบ้า' ก็ได้โผล่ขึ้นมาทำลายความสงบในสถานที่นี้ ปฏิกิริยาของทั้งสองคนที่เห็น 'เจ้าคนบ้า' ต่างกันไปอย่างสุดขั้ว พ่อค้าเร่อินเดลต้อนรับเขาอย่างยินดี
"ยินดีต้อนรับครับคุณลูกค้า"
และชายชราคนตัดไม้สะดุ้งอย่างตกใจชี้นิ้วมาที่ซังจิน
"ทะ..ทำไม ทำไมนายถึงมาที่นี่"
เปนครั้งแรกที่ซังจินเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคน ชายชราหวาดระแวงเขาเป็นอย่างมากแต่ซังจินก็ได้เดินผ่านเขาเข้าไปหาพ่อถ้าเร่อินเดล
"เฮ้ นายพอจะรู้อะไรบ้างไหมเกี่ยวกับบอสลับ"
อินเดลเอียงศีรษะราวกับสับสนและตอบกลับไป
"บอสสส..ลับ ผมไม่แน่ใจว่ารู้อะไรเกี่ยวกับมันนะ..."
อินเดลยิ้มอย่างไร้เดียงสาอยู่ครู่หนึ่งและก็เหมือนกับเขานึกขึ้นได้
"อ๋อ ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนบอสลับนั้นจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในการจู่โจมซึ่งจะหากเจอได้ยากมากๆและมันก็ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วยได้โปรดระวังท่านนักล่าหากท่านเจอมันเข้า"
มันช่วยไม่ได้ที่ซังจินจะยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินคำตอบและเขาหยิบดาบออกมาชี้ไปที่พ่อค้าเร่
"แล้วนายแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อหรือป่าวหละ"
เหมือนกับพ่อค้าจะไม่เข้าใจสิ่งที่ซังจินพูดเขาเอียงศีรษะและถามขึ้น
"มันหมายถึงอะไรหรอ ท่านลูกค้า"
ชายชราคนตัดไม้ได้คว้าไหล่ของพ่อค้าและพูดกับเขา
"อย่าไปฟังสิ่งที่เข้าพูดเลยหลานชาย เขานะเป็นสัตวประหลาดที่บ้าคลั่ง นายไม่จำเป็นต้องไปฟังเขาพูด"
ซังจินจึงได้พูดกับชายชรา
"มาทางด้านนี้ถ้าหากยังอยากที่จะมีชีวิตรอด สัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่งนะไม่ใช่ฉันแต่เป็นเขาต่างหากหละ"
ชายชราดูเหมือนจะอยู่ข้างของอินเดล เขายืนอยู่ข้างอินเดลและตอบกลับมา
"หยุดโกหกได้แล้ว นายก็เห็นไม่ใช่เหรอสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าอันธพาลนะ"
'แกจะไม่รับเหรียญจากฉันสักเหรียญเดียง จงส่งของทั้งหมดมาซะ'
ชายชราคนตัดไม้อาจจะหมายถึงในเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นและสิ่งที่โอเปอเรเตอกล่าวเตือน
[คำเตือน: การโจมตีสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรจะทำให้ได้รับบทลงโทษ]
ซังจินรู้ถึงกฏข้อนี้ดีกว่าใคร ไม่มีถ้าที่เขาจะไม่รู้ถึงมัน
"...มันจะใช้ได้แค่ในตอนที่เขายังเป็นมิตรอยู่"
แต่ชายชราคนตัดไม้ปฏิเสธที่จะฟัง
แกมตนเป็นสัตว์กระหายเลือด..."
ดูเหมือนเขาจะมองซังจินเป็นคนที่คลั่งการต่อสู้ นับตั้งแต่เขาเห็นตอนซังจินได้ใช้โหมด บ้าคลั่ง
ซังจินได้ส่ายหัวด้วยความผิดหวังตั้งแต่การเริ่มต้นใหม่ก็แทบจะไม่มีใครเลยที่ไว้ใจซังจิน แม้แต่กับคนชราก็ยังไม่ไว้ใจซังจิน
"ดี...ไม่เป็นไรเชิญทำในสิ่งที่นายต้องการเถอะ แต่ถ้าหากนายไม่หนีไปไายใน 3 วินาทีละก็ฉันจะไม่รับประกันชีวิตของนาย หนึ่ง "
ซังจืนเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วเริ่มนับ
"สอง"
เขาได้หยิบหินแสงจันทร์ออกมา
"สาม"
และเมื่อเขานับถึงสาม เขาก็โยนหินไปทางอินเดล
"หืม..นี้มันคือ.."
อิเดลได้รับมองดูหินที่เขารับไว้ตามสัญชาตญาณ คริสตัลได้แสดงคำว่า'ฟูลมูน'เมื่ออยู่ในมือเขา
และเมื่อเขามองเห็นคำนั้นดวงตาสีฟ้าของเขาก็ได้เปลื่ยนเป็นสีเหลือง มันทำให้ซังจินรู้ได้ทันที
"...นี่ไง"
และโอเปอเรเตอร์ก็ได้ยืนยันความถูกต้องของสิีงที่เขาคิดอีกรอบหนึ่ง
[อันตราย]
[บอสลับ 'มนุษย์หมาป่าอินเดล' ปรากฏตัว]
"ก๊าซซ~"
ตัวของอินเดลขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว ขนงอกขึ้นทั่วตัว จมูกยืนยาวออกมาและยังมีเขี้ยวที่ยาวขึ้น
เวลาที่ 'พ่อค้าเล่อินเดล' เปลื่ยนเป็น 'มนุษย์หมาป่าอินเดล' นั้นใช้เวลาเพียงแค่ 3 วินาทีเท่านั้น จึงยังทำให้ชายชราคนตัดไม้ยืนตะลึงอยู่กับที่ ซังจินจึงได้ตะโกนเตือนเขา
"เฮ้ หนีออกมา"
แต่แล้ว
"อ๋าา...."
ชายชราไม่มีเวลาแม้แต่กรีดร้องเมื่อมนุษย์หมาป่าหัดไปหาเขา
"กลั๊บ"
ชายชราคนตัดไม้ที่ในเวลาก่อนหน้านี้ได้สนทนากับพ่อค้าเร่อย่างสนุกสนานได้ถูกกัดคอโดยมนุษย์หมาป่าอินเดล
เมื่อมันได้ดื่มเลือดจาดมนุษย์มันก็ได้หอนขึ้น
"อะบรูวว~"
ซังจินกระชับดาบขึ้นมาเตรียมไว้
'ตอนนี้ฉันชักจะรู้สึกจะรำคาญเสียงหอนนี้จริงๆซะแล้ว'
หมาป่าหันมามองที่ซังจินแล้วแยกเขึ้ยวใส่เขาและครู่ต่อมาพวกเขาก็ปะทะกัน
ซังจินเหี่ยงดาบของเขาและเอนหลังหลบกรงเว็บที่พุ่งเข้าใส่หัวของเขา จึงทำให้เขาไม่สามารถเห็นผลของการปะทะครั้งแรกได้ อย่างไรก็ตามซังจินไม่รู้สึกถึงการปะทะของดาบเลย
'มันหลบได้'
แทนที่จะเข้าไปโจมตีต่อในทันที ซังจินกลับเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของมนุษย์หมาป่า และก็เป็นไปตามที่เขาคาดอินเดลได้จู่โจมเข้ามาทางซ้ายของเขา เขาจึงรีบปล่อยดาบจากมือและเอาแขนซ้ายไปกันไว้อย่างรวดเร็ว
"คลืด คลืด"
กรงเล็บของอินเดลและโซ่ของฟรีอาคได้ปะทะกันทำให้เกิดประกายไฟ หากซังจินไม่ได้ใส่ฟรีอาคไว้เขาก็คงจะต้องเสียมือไปแน่นอน
"...โจมตีโดยเจตนาและมีแบบแผน.."
ซังจินกระโดดถอยหลังกับมาด้วยความประหลาดใจกับการโจมตีที่ผ่านมา อินเดลได้เล็งที่จะโจมตีไปที่อาวุธของเขาเพื่อปลดอาวุธแทนที่จะฆ่า มันทำให้ซังจินสงสัยเขาจึงลองที่จะสื่อสารดู
"....นายเป็นใคร"
และเสียงที่ขรึมและลึกก็ตอบเขา
"นายรู้อยู่แล้วเจ้ามนุษย์ที่น่าสนใจ"
ซังจินหยิบคาตานะขึ้นมาแล้วตอบกลับไป
"ฉันคิดอยู่แล้วว่ามันแปลก แปลกที่โอเปอเรเตอร์จะส่งพ่อค้าเร่แบบสุ่มมาช่วยในการโจมตี"
มนุษย์หมาป่าชี้ไปยังชายแก่ที่เขาฆ่าและตอบกลับมา
"ชายคนนี้มันแก่เกินไปเนื้อของมันรสชาติแย่มาก ฉันจึงอยากจะลองเนื้อของแก"
ทั้งสองคนได้กลับมาสู้กันอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาหลบ โจมตี หลบ ฟัน...พวกเขาต่างก็โต้ตอบกับด้วยความเร็วที่มากมาย อินเดลนั้นกระทั่งเร็วกว่าอเฮนน่า
แม้แต้มสเตตัสของซังจินจะลงไปที่ความคล่องแคล่ว แต่อินเดลนั้นก็ไม่ได้ชากว่าเลยพวกเขาตอบโต้กันอีกสองสามครั้งก่อนที่จะถอยกลับออกมาและพักชั่วคราว
อินเดลและซังจินต่างก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม อินเดลมองไปที่ซังจินอย่างน่ากลัว แต่ซังจินกลับมองเงาสะท้อนตัวเองภายในดาบ
'สิ่งนี้มันถูกออกแบบมาให้ยากกับการจัดการด้วยตัวคนเดียว'
เหมือนกับอ๊อคที่บ้าคลั่ง มันไม่ใช่การต่อสู้ที่วัดกันที่ความแข็งแรงหรือความอดทนแต่เป็นความเร็ว ปัญหามันเกิดขึ้นเพราะความเร็วของทั้งคู่ใกล้เคียงกัน
ซงจินได้คิดที่จะใช้ความสามารถของยอนฮัวเรทที่อยู่ในกระเป๋าของเขา
'...ถ้าฉันใช้มัน...มันจะต้องใช่เวลา 30 วิในการฆ่า...ไม่สิเพียงแค่ 10 วิก็พอแล้ว..แต่..ฉันได้สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ใช้มันหากไม่จำเป็นจริงๆ'
ซังจินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ใช้มัน ถ้าหากซังจินไม่แข็งแกร่งพอที่จะผ่านบทนี้ไปได้ทันเวลาโดยที่ไม่ใช้โหมด บ้าคลั่ง เขาก็จะตายเมื่อถึงเวลานั้น
"ฟุบ"
อินเดลได้พุ่งเข้าใส่ซังจินอีกครั้งหนึ่ง ซังจินจึงลดท่าร่างของเขาลงและถอยหลังหลบและบล็อคการโจมตีทั้งหมดของอินเดล ในขณะเดียวกันเขาก็คำควณการเคลื่อนที่ในครั้งต่อไป
'ถ้าเราไปถึงพื้นที่บริเวณนั้น...'
ซังจินได้กระโดดถอยหลังออกมาและล่อให้อินเดลเข้ามาโจมตีเขา อินเดลจึงไล่ตามเขาไปอย่างบ้าคลั่ง
และทันใดนต้นซังจินก็ยืดตัวขึ้น เขาได้ยืนอยู่ข้างแคมป์ไฟและเตะไม้เข้าใส่อิสเดล
การจมตีด้วยไฟได้ทำให้อินเดลได้หยุดลงเพื่อป้อมกันไม้เป็นครั้งแรก แต่ไฟก็ได้ไหม้ลุกลามไปบนขนของเขา
"ก๊า~"
อินเดลได้กรีดร้องออกมาด้วเสียงแปลกๆ มันยากที่จะแยกออกว่ามันเป็นเสียงร้องของมนุษย์หรือหมาป่า แต่ซังจินก็ไร้ซึ่งความปราณีใดๆ
ซังจินได้เหวี่ยงดาบแลตฟันไปที่ขาของอินเดล ขาบางของเขาได้ถูกตัดออกโดยไร้ซึ่งแรงต้าน
อินเดลได้ล้มลงพื้นโดยที่ไม่สามารถทรงตัวได้ เขาพยายามที่จะตอบโต้ในขณะที่อยู่บนพื้นแต่ซังจินก็ได้โผล่ขึ้นมาทับท้องของเขาและตัดแขนทั้งสองข้างออก
"ก๊าซซ~"
อินเดลได้ร้องขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดและเริ่มที่จะหดหู่ใจ แม้ในช่วงเวลาสุดท้ายของเขาเขาก็จ้องมองซังจินด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น
"นายรู้ได้ยังไง..."
ซังจินหันคาตานะลงและพูดกับเขา
"ใช่แล้ว มันเป็นเพียงแค่ปัญหาของคนช่างพูดคนนึง"
และแทงคาตานะเข้าไปในอก
"ก๊าซซซ~~"
เขาร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้ายและเสียชีวิตลง ซังจินได้มองลงไปและพูดประโยคที่ขาดไป
"นายเป็นคนบอกด้วยตัวนายเองว่า 'สัตวป่าที่นี้นั้นกลัวไฟ' คนบ้าอะไรบอกจุดอ่อนของตัวเองแก่ศัตรู"
และโอเปอเรเตอร์ก็ได้ประกาศชัยชนะออกมา
[บอสลับ 'มนุษย์หมาป่าอินเดล' ถูกกำจัด]
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณสามารถที่จะเคลียทุกภารกิจของบทนี้สำเร็จ]
เมื่อได้ยินคำประกาศเขาก็ได้เช็ดเหงื่อออกจสกหน้าผากของเขา
"เฮ้อ..."
การรักษาความสำเร็จแบบ 100% แม้ว่าในบทที่สองมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งอินเดลและอเฮนน่า ทั้งสองนั้นเป็นศัตรูที่ยากจะเอาชนะ
"ฉันจะสามารถทำเช่นนี้ไปจบสิ้นสุดได้ไหมนะ...?"
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้เขากเข้าใจความแตกต่างระหว่างชีวิตนี้กับชีวิตก่อนหน้านี้ สิ่งที่ต่างกันก็คือโชคกับเพื่อนร่วมทีม มันได้ทำให้เขาต้องดิ้นรนมากขึ้น แม้ว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์มากมายจากการ 'รีเซ็ต'และสเตตัสที่มากมายทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะโชคเกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีมของเขา
ในอดีตนั้นที่เขาสามารถผ่านมาได้เป็นเพราะเขามีทีมที่น่าเชื่อถือและพึ่งพาได้เสมอ แต่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างมันทำให้ตอนนี้เขามีโชคที่เลวร้ายมากกับเพื่อนร่วมทีม
จากเพื่อนทั้งหมดที่เขาได้พบเจอเจอในสองบทนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเบลเทน เป็นเพียงคนเดียวที่ค่อนข้างดี
ซังจินหยุดคิดชั่วขณะเพื่อมองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และคิดเกี่ยวกับเบลเทน
'...ฉันสงสัยว่าหมอนั้นกำลังทำอะไรอยู่กันนะ'
คำพูดของเบลเทนได้ดังขึ้นมาในหัวของเขา
"แล้วเราจะไแ้เจอกันอีก สุดยอดนักล่าเค"
พบกันอีกครั้ง...โอกาสที่จะได้เจอกันในการจู่โจมอีกครั้งนั้นมีน้อยมาก เบลเทนมีความแข็งแกร่งและความเป็ยผู้นำที่ดี แต่หากเขาได้เพื่อนร่วมทีมที่ไม่ดีเขาก็จะถูกสังหาร
'.....'
ในขณะที่ซังจินกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงของโอเปอเรเตอร์ก็ได้ขัดจังหวะความคิดของเขา
[เริ่มการคำนวณรางวัล]