ตอนที่ 23 ช่างไม่รู้จักคิด
ตอนที่ 23 ช่างไม่รู้จักคิด
“ฮะ...ฮันเอ๋อร์ เจ้า...เจ้าบรรลุหลอมกายาขั้นเจ็ดแล้ว!” หลิงตงซิงพูดจาติดๆขัดๆ ถ้าในอดีตมีคนบอกมันว่าสักวันมันจะต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยคนที่อยู่เพียงระดับหลอมกายาขั้นเจ็ด มันจะต้องตบตีคนที่บังอาจมาพูดกับมันแบบนั้นอย่างรุนแรงแน่นอน แต่ตอนนี้มันกลับอยากจะตบหน้าตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่มันเห็นอยู่ตรงหน้าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน!
“ใช่แล้ว ท่านพ่อไม่ต้องเป็นกังวลต่อไปอีกแล้ว” หลิงฮันยิ้ม
ใบหน้าของหลิงตงซิงกระตุก แต่ไม่นานมันก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวกับว่าความกังวลที่อยู่ในใจมันหลายวันที่ผ่านมานี้ได้จางหายหมดแล้ว บุตรของมันแสดงศักยภาพขนาดนี้ออกมา มันจะต้องไปกังวลเรื่องอันใดอีก?
“เป็นลูกที่ดีจริงๆ!” มันอดตื่นเต้นไม่ได้ ในที่สุดมันก็เชื่อแล้วว่าบุตรของมันมีความสามารถที่จะไปช่วยเหลือภรรยาของมันจริงๆ!
“เอาล่ะ คืนนี้เราจะไปร่วมอาหารค่ำด้วยกัน” หลิงตงซิงพูดพร้อมกับหยักหน้า หลิงฮันที่แสดงศักยภาพอันสุดยอดของเขาออกมาไม่หยุดหย่อน ในอนาคตตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงต้องเป็นของบุตรมันแน่นอน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องดีที่จะให้หลิงฮันติดตามมันไปเพื่อจะสังเกตและเรียนรู้
หลิงฮันมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เมื่อเขาคิดถึงภาพที่นักปรุงยาหม่าจะต้องมาเจอเขาในคืนนี้ สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงสีหน้าที่สั่นกลัวของอีกฝ่าย
***
ในคืนนั้น หลิงตงซิงและหลิงฮัน พร้อมกับคนรับใช้อีกสี่คนได้มาถึง “เรือนซวนยู่”
ซึ่งสถานที่นี้คือที่ที่หลิงตงซิงได้ชวนนักปรุงยาหม่าเพื่อกินอาหารค่ำ
หลิงตงซิงและหลิงฮันพูดคุยกันขณะที่กำลังรออยู่ในห้องส่วนตัวของภัตตาคาร
“ปัง!” จู่ๆประตูได้เปิดออกและมีคนสองคนเดินเข้ามา
พวกมันคือหลิงจงควั่นและหลิงมู่เหยิน
“พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไรที่นี่?” หลิงตงซิงพูดอย่างเย็นชา
“ตระกูลกำลังตกอยู่ในปัญหา ข้าจะไม่มาได้อย่างไร?” หลิงจงควั่นไม่รอให้มีใครเชิญมันนั่งลงและพูดกับหลิงตงซิง “ข้าแนะนำให้เจ้าอย่างยุ่งกับปัญหานี้และปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการดีกว่า”
“ให้เจ้าจัดการ? ทำไมล่ะ?” หลิงตงซิงพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าจะต้องไปล่วงเกินนักปรุงยาหม่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่เช่นนั้นเขาจะสร้างความลำบากให้ตระกูลเราโดยไร้เหตุผลทำไมล่ะ?” หลิงจงควั่นพูดอย่าเฉื่อยชา จากนั้นก็ชี้ไปยังหลิงมู่เหยิน
“มู่เหยินได้ไปเข้าร่วมการทดสอบเมื่อวานและปรากฏว่ามีศักยภาพในการควบคุมไฟสูงมาก หึหึ เพราะงั้นเขาจึงได้ถูกยอมรับให้เป็นผู้ช่วยของนักปรุงยาหม่าแล้ว หลังจากช่วยงานอย่างหนักอีกภายในไม่กี่ปี นักปรุงยาหม่าจะรับมู่เหยินเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการและในอนาคตเขาจะได้เป็นนักปรุงยา”
หลิงมู่เหยินเดินออกมายืนข้างๆหลิงจงควั่นอย่างภาคภูมิใจ บนใบหน้าของมันมีความยิ่งยะโสปรากฎอยู่
หลังจากที่หลิงฮันก่อปัญหาขึ้น ทำให้ตัวมันเสียโอกาสในการเข้าร่วมกับสำนักฮูหยาง แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าตัวมันจะมีศักยภาพในการควบคุมไฟ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่มันจะกลายเป็นนักปรุงยาในอนาคต
นักปรุงยา... ตัวตนอันแข็งแกร่ง มีเกียรติ และเป็นที่นับถือที่สุดในเมืองหมอกเมฆา... ไม่สิ ทั้งแคว้นพิรุณเลยต่างหาก
หลิงจงควั่นรู้สึกภูมิใจมาก แม้บุตรของมันทั้งสองคนไม่สามารถเทียบกับหลิงตงซิงได้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงหลานของมันก็โดดเด่นกว่าหลิงฮันมาก!
“อึก!”
มันจ้องไปยังหลิงฮันสักพักหนึ่ง ก่อนจะหายใจติดขัดด้วยความตกใจ
นะ นะ นะ นี่มันอะไรกัน? ระกับหลอมกายาขั้นเจ็ด? ไม่...ไม่มีทาง มันต้องมองผิดไปแน่ๆ หลิงฮันจะไปอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเจ็ดได้อย่างไร!
หลิงจงควั่นขยี้ตาไปหลายครั้งและมองไปทางหลิงฮันอีกรอบ แต่บรรยากาศอันแข็งแกร่งรอบตัวหลิงฮันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ระดับหลอมกายาขั้นเจ็ดของจริง!
เจ้าเด็กนี่กินโอสถสวรรค์เข้าไปรึไง?
หลิงจงควั่นไม่สามารถควบคุมการกระตุกของใบหน้าอันเยี่ยวย่นของมันได้ มันตกอยู่ในความตะลึงเป็นอย่างมาก
“ท่านปู่ ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?” หลิงมู่เหยินรู้สึกว่าปู่ของมันกำลังทำท่าทางแปลกๆ ไม่ว่าตอนนี้พวกมันควรจะยืนยืดอกอย่างภูมิใจรึไงกัน ทำไมจู่ๆปู่ของมันถึงทำท่าทางงี่เง่าแบบนั้นกัน?
“เจ็ด... ระดับหลอมกายาขั้นเจ็ด!” หลิงจงควั่นพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
ใช่แล้วหลิงมู่เหยินอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเจ็ด มันมีอะไรให้แปลกใจกัน ไม่ใช่ว่าปู่ของมันก็รู้อยู่แล้วรึไง?
หลิงมู่เหยินมองไปยังหลิงจงควั่นอย่างประหลาดใจ ทำไมจู่ปู่ของมันถึงได้ทำท่าทางผิดปกติกัน?
“ไม่ใช่เจ้า หมอนั่นต่างหาก!” หลิงจงควั่นพูดพร้อมกับชี้ไปทางหลิงฮัน
“อึก!”
หลิงมู่เหยินตกใจจนอ้าปากค้าง ระดับหลอมกายาขั้นเจ็ด? นี่มันเรื่องตลกอันใดกัน? สมาชิกทุกคนในตระกูลต่างก็รู้ดีถึงฉายาเศษขยะของหลิงฮัน หลิงฮันได้บ่มเพาะพลังมาหลายปีแล้วแต่กลับสามารถบรรลุได้เพียงหลอมกายาขั้นสอง เพราะงั้นเขาจึงถูกเรียกว่าขยะแห่งตระกูลหลิง
ถ้าหลิงฮันที่ตอนนี้อยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเจ็ดถูกเรียกว่าเป็นเศษขยะ แล้วตัวมันเองที่บรรลุหลอมกายาขั้นเจ็ดได้ตอนอายุสิบแปดปีล่ะจะว่าอย่างไร? ไม่ใช่ว่ามันเป็นเศษขยะที่ยิ่งกว่าเศษขยะหรือไง
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” มันบ่นพึมพำด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แต่มันรู้ดีว่าปู่ของมันอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะดูผิดแน่
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าบุตรข้าตอนนี้เป็นอย่างไร? ไม่เลวใช่ไหมล่ะ?” หลิงตงซิงหัวเราะอย่างร่าเริง
“ด้วยพรสวรรค์แบบนี้คงมากพอที่จะเข้าร่วมกับสำนักฮูหยางได้แล้วเจ้าว่าไหม?”
ได้ยินคำพูดนี้เข้าไป สีหน้าของหลิงจงควั่นและหลานของมันกลายเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที
หลิงมู่เหยินยังเป็นผู้เยาว์ ดังนั้นจึงไม่สามารถคงความเยือกเย็นไว้ได้ “ก็แค่สำนักฮูหยางมีอะไรให้น่าอวดกัน? ตอนนี้ข้าได้เข้ามาในโลกแห่งการปรุงยาแล้ว และในอนาคตข้าจะกลายเป็นบุรุษที่เป็นที่เคารพที่สุดในแคว้นพิรุณ!”
“งั้นรึ?” หลิงฮันส่ายหัวและพูดต่อ
“ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าจะไม่มีทางได้เป็นผู้ช่วยนักปรุงยาอย่างเด็ดขาด แน่นอนว่ารวมถึงนักปรุงยาด้วย”
“ฮ่าๆๆ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าสามารถโน้มน้าวการตัดสินใจของนักปรุงยาหม่าได้?” หลิงมู่เหยินหัวเราะอย่างเย็นชา มันรู้สึกราวกับว่าคำพูดหลิงฮันเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก
ถ้าหลิงฮันมีความสามารถแบบนั้นจริง ทำไมนักปรุงยาหม่าถึงจงใจสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลิงกัน?
หลิงฮันทำเพียงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรกลับไป เพราะอย่างไรเดี๋ยวก็จะได้รู้กันทีหลังอยู่ดี
แม้แต่ตัวหลิงตงซินเองก็ไม่ได้นำคำพูดของหลิงฮันมาคิดเป็นจริงเป็นจังนัก ในความคิดของมัน ถึงแม้บุตรของมันจะแสดงพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะออกมา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่หลิงฮันจะไปมีความสัมพันธ์อันใดกับนักปรุงยาหม่า
ถึงแม้พวกมันทั้งสี่คนจะเป็นสมาชิกของตระกูลหลิง แต่พวกมันก็เป็นศัตรูกัน หัวข้อที่พวกมันนำมาคุยกันจะเป็นเรื่องธรรมดาได้อย่างไร? หลังจากที่สงครามคำพูดจบลงแล้ว พวกมันได้นั่งรอการมาถึงของนักปรุงยาหม่าอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม นักปรุงยาหม่าช่างหยิ่งหยองอย่างแท้จริง หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วเขาก็ยังไม่ปรากฎตัวมาสักที เมื่อพวกมันทุกคนใกล้จะถึงขีดจำกัดที่จะรอ ในสุดพวกมันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตู
“เอี๊ยด...” ประตูเปิดออก และชายหุ่นสันทัดได้เดินเข้ามา ชายคนนี้ต้องเป็นนักปรุงยาหม่าแน่นอน
ในเมืองหมอกเมฆานี้มีนักปรุงยาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แซ่หม่า
ทั้งหลิงตงซิง หลิงจงควั่น และหลิงมู่เหยินยืนขึ้นพร้อมกับประสานมือเคารพ
หลิงมู่เหยินกระทั่งก้มและนั่งคุกเข่าลงและพูดด้วยความเคารพ “ศิษย์มู่เหยินทำความเคารพอาจารย์หม่า!”
ผู้ช่วยนักปรุงยาก็สามารถนับได้ว่าเป็นลูกศิษย์ของนักปรุงยาครึ่งหนึ่งได้เช่นกัน
“ลุกขึ้นได้” หม่าตาจวินโบกมืออย่างลวกๆ และพยักหน้าให้หลิงตงซิงพร้อมกับพูดออกไป
“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคุยเล่นให้มากความ มาเข้าเรื่องธุระของเรากันเลย ข้าไม่ค่อยมีเวลาว่างนักหรอกนะ”
“หลิงฮัน เจ้ากล้าดียังไงถึงไม่ทักทายนักปรุงยาหม่า?” หลิงมู่เหยินชี้ไปยังหลิงฮันใน สายตาของมันสังเกตุได้ทันทีว่าหลิงฮันไม่ยอมทักทายนักปรุงยาหม่า หลิงฮันนั่งอยู่เฉยๆราวกับว่าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรเกิดขึ้น
หลิงตงซิงตกใจเป็นอย่างมาก เหตุผลที่มันเชิญนักปรุงยาหม่ามากินอาหารค่ำคืนนี้ก็เพราะอยากจะทำให้เขาพอใจและแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดส่งเม็ดยา แต่ตอนนี้หลิงมู่เหยินได้ใช้ประโยชน์ทำให้เรื่องราวกลายเป็นย่ำแย่
มันช่วยไม่ได้ที่จะโกรธแค้นอยู่ในใจ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องแก้ไขปัญหาที่ตระกูลหลิงกำลังเผชิญอยู่
แต่หลิงมู่เหยินกลับทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้? มันรู้สึกอยากจะสังหารเจ้าเด็กนี่ทิ้งด้วยการโจมตีเดียวขึ้นมาทันที
“ฮึ มันช่างไม่รู้จักคิดถึงกฎเกณฑ์เอาเสียเลย!” หลิงจงควั่นเค้นเสียงในลำคอ
**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**