ตอนที่ 125 มือทั้งสองข้าง (FREE)
แม้ว่าดอกบัวจะเทียบกับดอกกุหลายไม่ได้ และไม่ได้สูงส่งเหมือนดอกท้อก็ตาม แต่มันก็เป็นที่นับถือของพวกเขา
เหมือนกับ หยุน ชิงวู ในตอนนี้
แม้ว่านางจะสวมชุดที่ดูธรรมดาแต่นางก็แผ่ออร่าของความน่าเคารพออกมา
นอกจากนี้ความเร็วของนางยังจัดได้ว่ารวดเร็วเป็นอย่างมาก อย่างน้อยมันก็เร็วกว่ามือขวาของ ฟาง เจิ้งจือ ที่จริงแล้วนางค่อนข้างมีชื่อเสียงด้านความรวดเร็ว
เห็นได้ชัดเลยว่า ...
นางวางแผนมาก่อนแล้ว นอกจากนี้ดูเหมือนว่านางจะซักซ้อมมาเป็นอย่างดีเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะ
ท่วงท่าของนางช่างงดงาม ยิ่งได้รวมเข้ากับชุดกระโปรงสีขาวราวหิมะ เสน่ห์ที่นางเผยออกมาช่างยากที่ใครจะต้านทาน
แต่น่าเสียดาย ในการหลบครั้งที่สองนั้น จู่ๆก็มีมือปรากฎขึ้นอยู่ที่ด้านหน้าของนาง มือที่ดูเหมือนจะรออยู่ด้านหน้าของนางมาตลอด
มือ?!
มือนี้มาจากไหน?
หยุน ชิงวู ไม่ค่อยเข้าใจ เพราะนางมั่นใจว่าหลบมือของ ฟาง เจิ้งจือ ได้แล้ว
แต่แล้ววทำไมถึงยังมีมืออยู่อีก?
ที่สำคัญหลังจากที่นางหันไปอีกรอบ นางก็ชนเข้ากับแขนของมือนั่น...
จากนั้นนางก็รู้สึกว่าใบหน้าเบาลง เพราะผ้าคลุมสีดำได้ถูกดึงออกโดยมือนั้น
"เจ้า... " หยุน ชิงวู มองไปที่ผ้าคลุมหน้าสีดำที่อยู่บนมือของ ฟาง เจิ้งจือ นางถึงกับผงะ
ใบหน้าที่งดงามถูกเปิดเผยอีกครั้ง ใบหน้าที่ขาวราวกับหิมะต้นฤดูและริมฝีปากสีม่วงแดงที่มองแล้วให้ความรู้สึกอ่อนโยน ได้ถูกเปิดออกให้เห็นอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ เปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก สีหน้าของนางราวกับดอกบัวที่ถูกเหยียบย่ำ
ในบางครั้งเรื่องราวต่างๆก็ไม่เป็นไปตามที่เราคิด
ต่อให้คำนวนไว้อย่างดีแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด!
ฟาง เจิ้งจือ ยืนโบกผ้าคลุมหน้าไปมาอย่างต่อเนื่อง และเผยรอยยิ้มให้กับนางเล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความร่าเริง
หยุน ชิงวู คิดว่านางหลบมือขวาของเขาพ้นแล้ว แต่กลับถูกมือซ้ายของเขาดึงผ้าคลุมหน้าสีดำไปเสียได้
ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางของทั้งสองคนในตอนนี้นั้นล่อแหลมเป็นอย่างมาก
ฟาง เจิ้งจือ ยื่นมือของเขาออกไปทั้งสองข้าง ต้องมีสักมือหนึ่งที่จะดึงผ้าคลุมหน้าสีดำของนางออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าจะมองจากภายนอกยังไง ตอนนี้ก็เหมือนนางกำลักซุกอก ฟาง เจิ้งจือ อยู่
ถ้าชายคนใดเห็นฉากนี้เข้า....
เขาคงเต็มไปด้วยความอิจฉา และต้องพยายามฆ่า ฟาง เจิ้งจือ อย่างแน่นอน
"ในฐานะที่ข้าเป็นชาย ข้าไม่สามารถใช้มือข้างเดียวได้ ข้าต้องใช้ทั้งสองข้างถึงจะประครองเจ้าได้อย่างมั่นคง! " ฟาง เจิ้งจือ พูดอย่างชัดเจนเพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
หยุน ชิงวู ที่มีสีหน้ากระวนกระวายใจเมื่อครู่ก็กลับกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงบ
นางดันตัวออกจาก ฟาง เจิ้งจือ แล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้อย่างเงียบสงบ ไม่ได้กรีดร้องโวยวายเหมือนหญิงสาวทั่วๆไป
"ข้าไปได้หรือยัง?" ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้สนใจที่จะกลับไปยังที่นั่งเท่าไรนัก
"เจ้าคิดว่าเจ้าจะไปได้ง่ายๆรึ?"
"ผ้าคลุมหน้าของเจ้าถูกดึงออกแล้ว ข้าก็สามารถไปได้แล้ว"
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้แล้วว่าทำไมข้าถึงเชิญเจ้ามา" หยุยน ชิงวู สบตากับ ฟาง เจิ้งจือ
"เหตุผลที่ หยุน ชิงวู มาที่เมืองหลวงแม่น้ำแห่งความสัตย์คงไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างการบรรเลงเพลงให้ข้าฟัง ข้าคิดว่า...ถ้าข้าไม่ได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบด้านปัญญา ข้าคงจะมีปัญหาไปแล้ว อีกเรื่องคือเจ้าไม่คิดว่าข้าจะชนะการทดสอบด้านการต่อสู้เพราะมี เหยียน ซิว อยู่ด้วย แต่ตอนนี้ข้าเป็นผู้ชนะของการทดสอบทั้งสอง ข้าไม่ต้องเกรงกลัวว่าคนอื่นจะสร้างปัญหาให้ข้า ที่ข้าต้องทำคืออยู่ให้ห่างๆจากเจ้าไว้"
"เจ้ากลัวว่าจะไม่สามารถเปิดผ้าคลุมหน้าของข้าได้อีกงั้นหรือ!" หยุน ชิงวู ยังคงแสดงท่าทีนิ่งสงบหลังจากทีได้ยินคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ
"ถ้าข้าทำได้แล้วครั้งหนึ่ง ข้าจะต้องกลัวอะไรอีก ? "
"ครั้งนี้ที่งานเฉลิมฉลองกองตรวจการจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น นายน้อยฟาง ยังคิดจะไปอีกงั้นรึ?"
"ถ้าเกิดความวุ่นวายขึ้น ข้าก็แค่วิ่งหนี"
"ฮ่าฮ่า ... " รอยยิ้มจางๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าของ หยุน ชิงวู "ผู้คนต่างพูดว่าเวลาเผชิญหน้ากับความวุ่นวายเราควรใจเย็น แต่นายน้อยกลับบอกให้วิ่งหนีเลย... "
"แล้วเจ้าล่ะนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายด้วยหรือไม่?" ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ หยุน ชิงวู อย่างจริงจัง
รอยยิ้มบนใบหน้าของ หยุน ชิงวู หายไปและกลายเป็นความลังเล นางไม่ได้มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และมองออกไปที่ภายนอก
"นามสกุลของข้าคือ หยุน(หยุนในภาษาจีนหมายถึงเมฆซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของพายุ=ความวุ่นวาย)"
"เข้าใจแล้ว"
...
ตอนที่ ฟาง เจิ้งจือ เดินออกมาจากเรือสำราญอากาศรอบๆก็เริ่มเย็นลงแล้ว เหล่านักราชญ์มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ฟาง เจิ้งจือ เองก็มองไปที่พวกเขา ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมา
"พวกเจ้าไม่หนาวกันรึ?"
"หนาว?" พวกเขามองหน้ากัน ไม่เข้าใจความหายของคำถามที่ ฟาง เจิ้งจือ ถามออกมา
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไรออกมา ฟาง เจิ้งจือ ก็ได้จากไปแล้ว
...
2 วันถัดมา ที่ประตูเมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์
ซู จิว ที่สวมชุดเด็กรับใช้นั้นยืนรออยู่ที่ประตูเมือง เมื่อเขาเห็น ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังขี่ม้าเกล็ดเงินผ่านมา เขารีบเรียก ฟาง เจิ้งจือ ในทันที
"นายน้อยฟางทา่นจะไปแล้วงั้นหรือ?"
"ข้อมูลของเจ้ามีประสิทธิภาพจริงๆ" เมื่อ ฟาง เจิ้งขือ เห็น ซู จิว เขารู้ในทันทีว่า ซู จิว ต้องรออยู่ที่นี่มานานแล้ว
"ขอบคุณนายน้อยฟางสำหรับคำชม นายท่านของข้ารู้ว่านายน้อยฟาง จะจากไปแล้ว แต่นางไม่เข้าใจบางอย่างจึงส่งข้ามาถาม" ซู จิว ช่วย ฟาง เจิ้งจือ จับม้าเกล็ดเงินอย่างสุภาพ ค่อยๆเดินตาม ฟาง เจิ้งจือ ผ่านประตูเมืองออกไป
"โปรดถาม"
"นายท่านของข้าปรารถนาจะถามนายน้อยว่า นายน้อยมีเวลาไปพบคนที่อยู่ในเรือสำราญ แต่กลับลืมคำสัญญาที่จะกลับไปที่ภัตตาคารชมจันทร์อีกครั้ง?"
"ฮ่าฮ่า...เพราะนายท่านของเจ้าดำเกินไปไงละ!" ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเบาๆ
ไปที่ภัตตาคารชมจันทร์อีกครั้ง ไปเป็นแกะน้อยที่จะโดนเชือดหรือไงกัน?
"ด..ดำเกินไป?" ซู จิว เต็มได้วยความสับสน แต่ยังคงเดินไปส่ง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความสุภาพ แน่นอนว่า ซู จิว ไม่ลืมเรื่องของขวัญและเงินอีกแน่นอน
...
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ ขี่ม้าออกจากเมืองไป ณ ภัตตาคารชมจันทร์ วู่ จวี้เอ๋อ กำลังส่องกระจกดูครั้งแล้วครั้งเล่า
"ดำ? นี่เป็นไปไม่ได้....เห็นชัดๆว่าขาวมาก ใครก็ได้มานี่หน่อย!"
"มีอะไรหรือนายท่าน!" สาวใช้ในชุดสีแดงโค้งคำนับให้นางทันทีที่เข้ามาถึง
"เจ้าคิดยังไงกับผิวของข้า?"
"ผิวของนายสีทา่นขาวราบกับหิมะหาใครเทียบได้ยาก เปรียบได้กับดวงจันทรืบนฟากฟ้า!"
"เอาล่ะเจ้าออกไปได้!" วู่ จวี้เอ๋อ พยักหน้า ก่อนจะหันกลับไปดูกระจกอีกครั้ง "เจ้าโรคจิตนั่นตาบอดหรือไงกัน?"
...
15 วันถัดมา เมืองหลวงทางเหนือของดินแดนทะเลทรายทางเหนือ เมืองเกล็ดทอง
เป็นเมืองสำคัญทางทหารของอณาจักรเซี่ย ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากคนเถื่อนจากทิศเหนือ ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเกล็ดทองนั้นเห็นได้ชัด การจราจรที่แน่นขนัดตลอดเวลา พ่อค้าแม่ค้าสวมหมวกเดินอยู่ทั่วเมือง
อย่างไรก็ตามต่อให้การค้าขายของพวกเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน พวกเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ตั้งขนาดใหญ่ของกองตรวจการ เพราะที่นี่คือกองตรวจการศักดิสิทธิ์ของดินแดนทะเลทรายทางเหนือ 1 ใน 13 กองตรวจการ
2 แถวของทหารที่สวมชุดเกราะอันสดใส ยืนปกป้องทางเข้าของกองตรวจการศักดิสิทธิ์ บนเกราะของพวกเขามีตราสีแดงเลือดรูปสามเหลี่ยมสลักอยู่
หน่วยปีกสีชาด!
พวกเขาคือเหล่าทหารที่โดดเด่น และเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของกองตรวจการศักดิสิทธิ์
จิตสังหารแผ่ออกมาจากตัวของพวกเขา บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นของเลือดจากสงคราม
ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้พวกเขา
แต่ทันใดนั้น หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียว ติดกิ๊บสีเงินบนหัว กำลังเดินเข้าไปหาพวกเขา ท่าทีของนางไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่มีเพียงความเย่อหยิ่ง
หญิงสาวเดินไปที่ประตูขนาดใหญ่ของกองตรวจการศักดิสิทธิ์ ยกหัวขึ้นมองไปยังป้ายทองขนาดใหญ่ที่เขียนคำว่า 'กองตรวจการศักดิสิทธิ์' อยู่
"หนึ่งปี ... ในที่สุดข้าก็ได้กลับมา!"
ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนที่ร่างกายอ้วนท้วมก็วิ่งฝ่าทหารออกมาเพื่อต้อนรับนาง ที่ด้านหลังมีทหารอีกสองนายจากหน่วยปีกสีชาดเดินตามมาด้วย
เมื่อเห็นหญิงสาวชัดเจน
ดวงตาของชายคนนั้นเริ่มลุกวาวขึ้น
"โอ้ เย่ เอ๋อ กลับมาแล้วรึ คุณหนูล่ะ..คุณหนูอยู่ที่ไหนกัน?" ชายวัยกลางคนทักทายอย่างสุภาพ แต่สายตากลับมองไปทั่วร่างกายของหญิงสาว
"ทำไมข้าต้องบอกเจ้า?! " เย่ เอ๋อตอบด้วยท่าที่เย่อหยิ่ง
"โอ้...เย่ เอ๋อ เจ้าจะไม่สร้างปัญหาให้กับข้าใช่หรือไม่? ท่านราชันรู้แล้วว่าคุณหนูออกจากศาลาเต๋าสวรรค์แล้ว และหวังว่านางจะกลับมา! " ใบหน้าของชายวัยกลางคนดูหมองลงในทันที
โชคร้ายที่เขาไม่กล้ากวนหญิงสาวตรงหน้าอีกต่อไป
แม้ว่านางจะเป็นแค่สาวรับใช้ของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ แต่คนที่มาพร้อมกับนางก็คือ ฉือ กูเหยียน ซึ่งสถานะของนางเหนือกว่าท่านราชันเสียอีก
ในฐานะสาวรับใช้ของ ฉือ กูเหยียน มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางจะภูมิใจ
นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีใครต่อว่าอะไรนาง
"ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่าคุณหนูไม่ได้เดินทางมากับข้า! " เย่ เอ๋อ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านชายวัยกลางคนไป
"ไม่ได้เดินทางมากับเจ้า? คุณหนูจะไม่มากับเจ้าได้ยังไง? เจ้ารับใช้คุณหนูเป็นเวลาถึง 1 ปี ในศาลาเต๋าแห่งสวรรค์ และลงจากเขามาพร้อมกันไม่ใช่หรือ? โธ่..คุณหนู ... " ชายวัยกลางคนสับสนและตกใจ เมื่อคิดถึงตอนที่คุณหนูต้องอยู่ด้านนอกอย่างโดดเดี่ยว จะมีอันตรายอันใดเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เหมือนเขาพึ่งคิดได้ว่าคนอย่าง ฉือ กูเหยียน นั้นไม่มีอะไรให้เขาต้องเป็นห่วงแม้แต่น้อย
"เจ้าช่างพูดมากเสียจริง เจ้าจะรู้ความคิดของคุณหนูได้อย่างไรกัน? " เย่ เอ๋อ พูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด
"ถ้าอย่างนั้น ..."
"คุณหนูบอกไว้ว่าก่อนงานเฉลิมฉลอง นางจะกลับมาอย่างแน่นอน" เย่ เอ๋อ พูดจบก็โบกมือลาแล้วเดินไปยังสวนเล็กๆที่เงียบสงบภายในกองบัญชาการ
"ข้าต้องช่วยคุณหนู...ไม่ให้พวกคนโง่เง่าอย่างนี้เข้าใกล้!"
ชายวัยกลางคนไม่ได้ไล่ตามไปแต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"จนกว่าจะถึงงานเฉลิมฉลองก็อีก 2 เดือน? คุณหนู..กำลังทำอะไรอยู่กันแน่? " ชายวัยกลางคนกำลังครุ่นคิดในขณะที่กำลังเดินจากไป ทันใดนั้นเขาพลันตกใจขึ้นมา "ตอนนี้ข่าวการกลับมาของคุณหนูได้แพร่กระจายออกไปทั่วอาณาจักรแล้ว แต่ทว่าคุณหนูยังไม่ได้กลับมาจริงๆ ข้าจะทำยังไงดี ไม่!...ข้อต้องรีบรายงานเรื่องนี้ให้ราชันทราบ "
เพจหลัก : Double gate TH