บทที่ 86: ความใจดี [อ่านฟรีวันที่ 10 พฤษภาคม 2562]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 86: ความใจดี
สำหรับเทพธิดาเหมยฮวา นางเป็นศิษย์ในและไม่ยุ่งกับภารกิจของสำนัก นอกจากนั้นนางยังเลือกที่จะฝึกตนอย่างสันโดษ อย่างไรก็ตามสถานะของนางในสำนักเสวียนเทียนนับว่าสูงส่งมาก อยู่ในจุดที่ว่าจ้าวสำนักและภรรยายังต้องให้ความเคารพ ข่าวลือต่าง ๆ ล้วนแต่บอกว่านางคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเสวียนเทียนหรือทั้งหมดในเทือกเขาใหญ่นี้
หากต้องการจะเข้าใจที่ฮัวอวิ๋นกับจ้าวสำนักขัดแย้งกัน จะต้องย้อนความไปที่ซ่งซือหมิง ในขณะนั้นศิษย์ผู้นี้ที่อยู่ในสำนักมิได้มีแต่เพียงใบหน้าที่หล่อเหลาเท่านั้น เขาเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยคุณธรรมและมีชื่อเสียงที่ดีมากในสำนัก บวกกับความแข็งแกร่งของเขาและพรสวรรค์ที่เขามี เมื่อสำนักเริ่มคาดหวังกับเขามากขึ้นเพราะเขาสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย เป็นธรรมชาติที่นักฝึกตนที่เป็นหญิงสาวจะหมายปองในตัวของเขา
ในบรรดาผู้ฝึกตนหญิงที่ถูกดึงดูด หนึ่งในนั้นคือหลานสาวของฮัวอวิ๋น นางเป็นคนที่มีพรสวรรค์และเป็นศิษย์เอก บวกกับนางเป็นผู้ฝึกตนประเภทอัคคีซึ่งตรงกับซ่งซือหมิง ฮัวอวิ๋นนั้นรักนางมากและเฝ้ามองความประสบความสำเร็จของนางอยู่เสมอ เมื่อเขารู้ความคิดของหลานตนเองและเขาได้พิจารณาในตัวซ่งซือหมิงแล้ว เขาพอใจกับความสำเร็จของซ่งซือหมิง พร้อมทั้งได้รับการเสนอชื่อให้แต่งงานกับเขา
ในขณะนั้นพวกเขาทั้งหมดสนิทสนมกัน และจ้าวสำนักก็พอใจในตัวหลานสาวคนที่สองนี้ เช่นนั้นเขาจึงกล่าวเรื่องนี้กับซ่งซือหมิง แต่เขาไม่คาดคิดว่าซ่งซือหมิงจะไม่เต็มใจพร้อมทั้งยืนยันที่จะฝึกฝนคู่กับมารดาของเจ้าอ้วนเท่านั้น
จ้าวสำนักเป็นบุคคลที่ใจกว้างและเขากล่าวกับซ่งซือหมิงว่าไม่จำเป็นต้องมีความรักกับหลานสาวของฮัวอวิ๋น และจ้าวสำนักเห็นว่าเขาคือบุคคลที่สามารถจะเป็นตัวแทนของตนเองได้ในอนาคตจึงพร้อมที่จะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังปฏิเสธที่จะแต่งงานกับหลานสาวของฮัวอวิ๋น
ลองจินตนาการดูว่าเมื่อตอบกลับเช่นนี้ ฮัวอวิ๋นจะรู้สึกอย่างไร เขาส่งหลานสาวที่มีค่าของเขาไปให้ แต่อีกฝ่ายกลับปิดประตูใส่ เช่นนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ฮัวอวิ๋นแทบจะต่อสู้กับจ้าวสำนักและภรรยาของเขา แต่ทว่าเทพธิดาเหมยฮวาเข้ามาขัดขวางไว้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสองฝ่ายได้ทำสงครามเย็นเป็นการลับมานานนับสิบปี แต่ว่าทั้งคู่ก็ถือว่าอยู่ในสำนักเดียวกัน เช่นนั้นพวกเขาจึงต่อสู้กันโดยใช้อำนาจเท่านั้น มิได้ใช้แขนขาแต่อย่างใด ท้ายที่สุด ภายใต้การไกล่เกลี่ยของเทพธิดาเหมยฮวา ทั้งสองคนจึงหยุดไว้เพียงเท่านั้น
และหลังจากเหตุการณ์นี้จบลง จ้าวสำนักและภรรยาเพียงแค่อิจฉาการถือกำเนิดของเจ้าอ้วน พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าสู่การฝึกตนแบบปิดประตูเพื่อมีบุตร ส่งผลให้ฮัวอวิ๋นค่อย ๆ ยึดอำนาจในสำนักเสวียนเทียนอย่างช้า ๆ เช่นนั้นเมื่อซ่งซือหมิงและภรรยาของเขาประสบเคราะห์ร้าย ลูกศิษย์ของฮัวอวิ๋นซึ่งก็คือจางฉิงอวี้ จึงจบเรื่องราวทั้งหมดด้วยการไล่เจ้าอ้วนออกจากสำนักชั้นใน สำหรับบรรดาพี่น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีกับซ่งซือหมิง พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น เพราะการกดดันจากฮัวอวิ๋น
หลังจากที่พวกเขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เจ้าอ้วนจารึกชื่อฮัวอวิ๋นลงไปภายในก้นบึ้งของหัวใจ จากนั้นเขาเริ่มคิดกับตนเอง ‘ครอบครัวของข้าต้องตายตกไปด้วยเหตุภายนอกที่ข้าไม่รู้ ในเหตุการณ์เช่นนี้อย่าบอกข้านะว่าฮัวอวิ๋นนั้นจะไม่มีส่วนร่วม?’
ในขณะที่เจ้าอ้วนนิ่งเงียบไป ภรรยาของจ้าวสำนักไถ่ถามเขาเกี่ยวกับหลายปีที่ผ่านมา
เจ้าอ้วนไม่รอช้าและรีบเล่าเรื่องราวที่น่าสังเวชในวัยเด็กของเขา เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเจ้าอ้วนถูกรังแกรอบทิศทางในวัยเด็ก อีกทั้งยังไม่ได้รับอาหารพร้อมทั้งเป็นตัวตลกให้กับศิษย์นอก จ้าวสำนักและภรรยาต่างโกรธจัด
เรื่องนี้ทำให้จ้าวสำนักคำรามออกมา “บอกข้ามา พวกมันเป็นใคร? ข้าจะถลกผิวหนังของมันสักหน่อย!”
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาจะกล้าเปิดเผยได้อย่างไร? มีเพียงสองคนที่รังแกเขามาโดยตลอด คนหนึ่งตายตกไปแล้ว ซึ่งก็คือบุคคลที่เขาทำให้มันพิการในโรงอาหารของศิษย์นอก ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวที่เขาพิชิตใจได้แล้วซึ่งก็คือหานหลิงเฟิง เขาคงไม่อาจทนอยู่เฉยได้หากจ้าวสำนักถลกหนังของหานหลิงเฟิง
สวรรค์! เขาหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมกับกล่าวว่า “เรื่องราวมันผ่านมานานนับหลายปี ข้าจะจดจำเรื่องเหล่านั้นได้เช่นไร? เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้สิ้นเรื่องราวไป!”
“อืม เจ้าช่างมีจิตใจดีเหลือเกิน!” เมื่อภรรยาจ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มและสรรเสริญเขา
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ความผิดทั้งหลายถาโถมเข้ามาภายในหัวใจของเขา ‘ข้าใจดีมาก หานหลิงเฟิงก็สนใจแต่เพียงทรัพย์สินของข้าเท่านั้น และข้าเพียงชอบมองนางในเวลาที่เปลือยเปล่าและเป็นคนแรกของนาง อืม นับว่าข้าใจดีอย่างแท้จริง!”
อย่างไรก็ตาม จ้าวสำนักตำหนิเขา “อะไรคือการใช้ความใจดี พวกเขาเหล่านั้นมีแต่ได้รับประโยชน์! ถ้าข้าได้รับรู้ว่าเจ้าต้องทุกข์ทรมานมากเพียงใดในหลายสิบปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าข้าจะไม่ยอมปล่อยจางฉิงอวี๋ไปโดยง่าย! เขาจะต้องกลายเป็นง่อยโดยข้าอย่างแน่นอน!”
“ลืมมันเถิด ในตอนนี้เขาก็ไม่ต่างอะไรกับไม่มีตัวตนแล้ว!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“เรื่องนั้น…” เมื่อจ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น เขาจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ แต่จิตสังหารในสายตาของเขาไม่ได้ลดน้อยลงเลย
“จริงด้วย!” ภรรยาของจ้าวสำนักอุทานออกมาพร้อมกับถามต่อ “เด็กน้อย ข้าได้ยินมาว่าเจ้ารู้เวทมนตร์สายฟ้าด้วยงั้นหรือ? หรือแม้กระทั่งสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์? เจ้าเรียนรู้เวทมนตร์ระดับนั้นได้อย่างไร?”
“ฮี่ฮี่!” เจ้าอ้วนหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “ข้าสังหารราชครูสารเลวในตอนที่ยังอยู่ที่ดินแดนของมนุษย์เพื่อช่วยครอบครัวที่บริสุทธิ์ล้างแค้น ด้วยความกตัญญูของพวกเขา ครอบครัวนั้นมอบแผ่นหยกจารึกเคล็ดวิชาสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ให้ข้า!”
เมื่อจ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น เขาตบต้นขาตัวเองอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่า ในความโง่เขลาแต่ยังมีโชคลาภมาให้!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี สำหรับหงหยิง นางหัวเราะจนกลิ้งไปมาบนพื้นเพียงเพราะใบหน้าของบิดาของนางนั้นเป็นที่ขบขัน สำหรับภรรยาของจ้าวสำนัก นางกุมขมับของตนเอง ในสมองของนางมีเพียงประโยคเดียว ‘ช่างน่าอับอายเสียจริงที่มีคนงี่เง่าเช่นนี้เป็นจ้าวสำนัก!’
แต่เนื่องจากนางใช้เวลากับจ้าวสำนักมาเนิ่นนาน จึงเริ่มจะเคยชินกับพฤติกรรมเหล่านี้เสียแล้ว ดังนั้นนางจึงเข้าสู่สภาวะปกติและอธิบายออกมาอย่างรวดเร็ว “เด็กน้อย ข้าไม่ได้ถามว่าเจ้าได้เวทมนตร์สายฟ้ามาครอบครองได้อย่างไร เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว ข้าถามถึงวิธีที่เจ้าฝึกฝนมัน!”
เป็นที่แน่นอนว่าจ้าวสำนักและภรรยาของเขาได้ยินเรื่องราวของเจ้าอ้วนแล้วจากผู้เชี่ยวชาญระดับจินตันทั้งห้าคนนั้น
จ้าวสำนักกระแทกไหล่เขาจากด้านข้าง “จริงด้วย เราอยากจะถามเจ้าถึงวิธีที่เจ้าฝึกฝนมัน เจ้าจะต้องรู้ว่าการฝึกฝนเวทมนตร์สายฟ้านั้นจะต้องระวังถึงการระเบิดของมันจากการฝึกฝน หากเจ้าไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยปกป้องเจ้าก็จำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์วิเศษประเภทป้องกัน เจ้ารอดพ้นการระเบิดมาได้อย่างไร?”
“เรื่องนั้น…” เจ้าอ้วนยักไหล่พร้อมกับกล่าวอย่างอึดอัด “แม้ว่าศิษย์ของท่านเพิ่งจะเริ่มฝึกฝนมัน และมันก็มีบ้างที่ข้าทำพลาด แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร!”
“หืม?” จ้าวสำนักและภรรยาของเขาหมดคำพูดอย่างสมบูรณ์
“เวลาที่ทำพลาด เจ้าบอกว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่งั้นหรือ?” จ้าวสำนักกล่าวออกมาในขณะที่ดวงตาของเขาแทบจะหลุดจากเบ้า “เจ้ารู้รึเปล่าว่าการระเบิดสามารถสังหารคนหนึ่งคนได้เลย?”
“มันจะทำให้เจ้าแหลกละเอียดเป็นผุยผง!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวเสริม
“ไม่ใช่เช่นนั้น ในกรณีที่มันผิดพลาด ไม่ว่าจะระเบิดรุนแรงเพียงใด ร่างกายของข้าไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย หรือถ้าหากบาดเจ็บก็มิได้เจ็บหนักแต่อย่างใด!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาเรียบ ๆ โดยแฝงความอหังการไว้...