Chapter 156: ลูกศิษย์ที่ถูกขับไล่
Chapter 156: ลูกศิษย์ที่ถูกขับไล่
“ทำเควสเสร็จแล้ว?”ผู้ให้ข้อมูลอ้าปากค้าง
เควสระดับ20ของอาชีพธรรมดานั้นก็ยากเกินพอแล้ว เควสสำหรับผู้เล่นที่มีอาชีพลับนั้นก็จะยากยิ่งกว่า ตั้งแต่ที่อาชีพผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นพิเศษออกไป แม้กระทั่งท่ามกลางอาชีพลับก็ตาม มันก็สามารถที่จะบอกได้ว่าเควสของหวังหยู่นั้นยากที่สุด สิ่งที่ผู้ให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าหวังหยู่นั้นทำมันให้สำเร็จได้ยังไงกัน โดยใช้เวลาทำเควสแค่เพียงสองวัน
“ใช่!’หวังหยู่เอาไอเทมเควสห้าชิ้นออกมา และวางเรียงมันด้านหน้าผู้ให้ข้อมูล
“หื้ม? นายไม่ได้ช่วยตัวช่วยทำเควสที่ฉันให้นายไปงั้นเหรอ?”ผู้ให้ข้อมูลถามขึ้น
“ตัวช่วยทำเควส?”
“ดวงตาของพระพุทธเจ้ายังไง!”ผู้ให้ข้อมูลตอบกลับ
“คุณหมายถึงสิ่งนี้งั้นเหรอ?”หวังหยู่ถาม แล้วเขาก็หยิบไอเทมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนออกมาจากช่องเก็บของของเขา
“ถูกแล้ว!”ผู้ให้ข้อมูลอุทาน “นายจำเป็นที่จะต้องไปยังห้องบูชาแห่งความมืดด้วยสิ่งนี้…”ผู้ให้ข้อมูลชี้วิธีการกับหวังหยู่
อย่างแรกเลย หวังหยู่จะต้องไปยังพื้นที่ฝังศพในห้องบูชาแห่งความมืดและใช้ดวงตาแห่งพระพุทธเจ้าในการชำระร้างจิตวิญญาณที่นั่น และได้รับกระดูกนรกและได้แต้มคุณธรรมจากฝ่ายแห่งแสง หลังจากนั้น เขาจำเป็นที่จะต้องส่งวิญญาณนักฆ่าให้กับอาติคัส และเขาจะได้รับแต้มคุณธรรม 200 แต้มจากฝ่ายแสงและได้รับจิตวิญญาณนักฆ่า เมื่อมันทำเสร็จแล้ว หวังหยู่ก็จะได้รับการยอมรับจากผู้ตัดสินนอกรีตวิลลี่ สุดท้ายแล้ว หวังหยู่ก็จะต้องท้าทายเทพเจ้ามังกรเลือดและซุส
แม้ว่าเควสพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในการทำให้มันสำเร็จ สิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำก็คือทำสิ่งหนึ่งให้สำเร็จก่อนและหลังจากนั้นก็จะทำตามอย่างไม่ได้ยากลำบากอะไร
“แล้วนายทำเควสนี้สำเร็จได้ยังไง ถ้านายไม่ได้ใช้มัน?”ผู้ให้ข้อมูลรีบถามหวังหยู่
“ผมฆ่าเทวดาแห่งการตัดสินในเมืองวาติกันไป!’หวังหยู่โอ้อวด
“เหี้..! นายคิดเหี้..อะไรอยู่กัน? ไม่สงสัยเลยที่ฉันสามารถที่จะรู้สึกถึงออร่าอันชั่วร้ายมาจากนาย!”ผู้ให้ข้อมูลบ่น แล้วเขาก็จิบเหล้า
แต่ผู้ให้ข้อมูลนั้นก็รู้ความจริงว่ามันไม่มีข้อกำหนดที่หวังหยู่จะทำเควสนี้ให้สำเร็จด้วยวิธีการแบบไหน มันเป็นเพียงแค่การทำแบบนั้นจะเพิ่มความยากของเควสขึ้นไปอีกหลายระดับ…เควสที่ถูกออกแบบนั้นอนุญาตให้หวังหยู่ได้รับแต้มคุณธรรมจากฝ่ายแสงอย่างช้าๆ แต่หวังหยู่นั้นฆ่าคนที่จะให้เขาเข้าร่วมฝ่ายแห่งแสงไปและเขานั้นทำเควสสำเร็จได้อีกด้วย..
ผู้ให้ข้อมูลนั้นไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะตกตะลึงกับผู้เล่นระดับ 20 คนนี้
“ถ้างั้น ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนหน้านี้กัน?”หวังหยู่ขู่ หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของผู้ให้ข้อมูลถึงวิธีการทำเควสให้สำเร็จ
“นายจำเป็นที่จะต้องให้ของฉันเล็กๆน้อย…และฉันจะบอกถึงทางลัดกับนาย!”ผู้ให้ข้อมูลตอบกลับอย่างหน้าด้าน
“เหี้...”หวังหยู่ขู่คำรามอย่างโกรธเคือง “ดังนั้นยังไง? ผมทำเควสเสร็จหรือยัง?”
“แน่นอน! แต่นายจะต้องให้เงินฉันห้าเหรียญทองเสียก่อน!”ผู้ให้ข้อมูลหัวเราะ
หวังหยู่สาบานว่าเขาจะล้างแค้นกับผู้ให้ข้อมูล เมื่อเขาส่งเงินห้าเหรียญทองไปให้
ผู้ให้ข้อมูลแสยะยิ้มและเขาก็เก็บทองที่หวังหยู่ให้กับเขา ก่อนที่จะสวดมนต์ด้วยภาษาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ ดวงตาของพระพุทธเจ้าก็เรืองแสงขึ้นด้วยแสงสีขาวและแสงสีดำก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นลำแสงห้าแห่งและพุ่งไปยังไอเทมเควสทั้งห้าชิ้น
ผู้ให้ข้อมูลก็ยื่นไปเก็บไอเทมทั้งห้าชิ้น และแต่ละชิ้นนั้นก็ส่องประกายแสงออกมาอ่อนๆ เมื่อเขาโบกมือ หวังหยู่ก็ได้รับการแจ้งเตือน
{แจ้งเตือนระบบ : คุณทำเควสส่วนที่สี่ของความกล้าหาญของหัวใจสำเร็จ : จุดหมายของเทพเจ้านักต่อสู้! ความยากเควสระดับ : S สำเร็จ และทำให้คุณได้รับอาชีพลับปราชญ์แห่งศิลปะการต่อสู้ }
อาชีพลับ ปราชญ์แห่งศิลปะการต่อสู้ :หลังจากผ่านประสบการณ์อันยากลำบากมามากมาย ความแข็งแกร่งของผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญสูงสุดในยุคนี้
สกิล :
[อัจฉริยะที่ไม่มีผู้เทียบเคียง] (ติดตัว) : ทุกครั้งที่ผู้เล่นเลื่อนระดับ ผู้เล่นจะได้แต้มค่าสถานะ 8 แต้ม
[ความเชี่ยวชาญส่วนตัว] (ติดตัว) : ผู้เล่นสามารถที่จะเรียนรู้สกิลและความสามารถทุกอย่างของอาชีพนักต่อสู้
[นักรบผู้ช่ำชอง] (ติดตัว) : ผู้เล่นได้รับโอกาสเพิ่ม 20% ในการทำคอมโบการโจมตีและสกิล
[เจ้าอาวุธ] (ติดตัว) : ผู้เล่นนั้นใช้อาวุธทุกประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 15% เมื่ออุปกรณ์นั้นถูกสวมอยู่
เมื่อเขาทำเควสเลื่อนอาชีพสำเร็จ ความแข็งแกร่งของหวังหยู่ก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง ไม่เพียงแต่เขาได้ค่าสถานะเพิ่มมากขึ้น เขาสามารถที่จะเลือกความสามารถพิเศษที่เขาสามารถได้รับเพิ่มได้อีกด้วย
เมื่อผู้เล่นถึงระดับ 20แล้ว พวกเขาสามารถที่จะได้รับความสามารถพิเศษ
ยกตัวอย่างเช่น นักต่อสู้นั้นจะมีความสามารถพิเศษ [ความคล่องแคล่วของนกนางแอ่น] มาตั้งแต่เลือกตัวละครอยู่ที่ระดับ 0 เมื่อพวกเขาถึงระดับ 10 และเปลี่ยนอาชีพ เจ้าแห่งชี่กงนั้นจะได้รับความสามารถพิเศษ [กำลังที่ไม่อาจต้านทานได้] ที่เพิ่มพลังโจมตีของพวกเขา ในขณะที่นักต่อสู้นั้นจะได้ความสามารถพิเศษ [เสือที่ดุร้าย]
ในอีกทางหนึ่ง หวังหยู่นั้นได้เรียนรู้ความสามารถพิเศษ [ความว่องไวของกระต่าย] สำหรับผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ซึ่งมันเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ของเขา ความสามารถพิเศษนี้มันไร้ประโยชน์อย่างมากสำหรับใครบางคนแบบหวังหยู่ที่ไม่ได้ขาดแคลนความเร็วอะไร
เมื่อเขาทำเควสเลื่อนระดับสำเร็จ หวังหยู่ไม่เพียงแต่ที่จะเรียนรู้ [ความคล่องแคล่วของนกนางแอ่น] และ [เสือที่ดุร้าย] ได้ แต่ความสามารถพิเศษระดับ 20 [เจ้าแห่งคลื่น] และ [กำปั้นทรราช] ได้อีกด้วย หวังหยู่ก็ยังสามารถที่จะเรียนรู้ความสามารถพิเศษของปราชญ์แห่งศิลปะการต่อสู้ [ความสงบภายในจิตใจ] ซึ่งอนุญาตให้เขาสามารถที่จะฟื้นพลังชีวิตและมานาได้แบบติดตัว ความแข็งแกร่งของหวังหยู่ก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ต่อจากนั้นเขาก็เรียนรู้สกิลใหม่ที่เขาสามารถเรียนได้
เหตุผลที่ผู้เล่นทำเควสเลื่อนอาชีพสำเร็จนั้นแข็งแกร่ง เนื่องจากความแตกต่างของสกิลที่พวกเขามี ผู้เล่นที่ยังทำเควสเลื่อนอาชีพยังไม่สำเร็จนั้นจะสามารถเรียนได้แค่สกิลระดับต้น เมื่อพวกเขาทำเควสเสร็จ พวกเขาสามารถที่จะเรียนสกิลระดับกลางได้
ไม่เพียงแต่สกิลพวกนี้จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ผู้เล่นก็สามารถที่จะเรียนสกิลสำคัญของแต่ละอาชีพได้
นักต่อสู้นั้นจะกลายเป็นเมธีแห่งศิลปะการต่อสู้ หลังจากเลื่อนอาชีพ ในขณะที่เจ้าแห่งชี่กงนั้นจะกลายเป็น คลาวด์วอล์คเกอร์ (ขอทับศัพท์นะครับ)
หวังหยู่นั้นก็เลือกที่จะเรียน [กำปั้นเทพเจ้าเสือ] และ [ระเบิดจิตวิญญาณ] ในทันที ซึ่งมันเป็นสกิลสำคัญของอาชีพทั้งสอง
[กำปั้นเทพเจ้าเสือ] (ใช้งาน) : ซัดหมัดใส่คู่ต่อสู้ เมินเฉยพลังป้องกัน 30% ของคู่ต่อสู้และทำความเสียหายกายภาพ 150%
[ระเบิดจิตวิญญาณ] (ใช้งาน) : ผู้เล่นสามารถที่จะสร้างระเบิดจิตวิญญาณได้ การกดระเบิดมันจะสร้างความเสียหายเวทย์ 200% ต่อศัตรูที่อยู่ในระยะห้าเมตร
สกิลโจมตีกายภาพเป้าหมายเดี่ยวและสกิลเวทย์ โจมตีหมู่นั้นเป็นสกิลสำคัญที่มีประโยชน์ทั้งสองสกิล
เมื่อหวังหยู่เรียนสกิลทั้งสองนี้เสร็จ เขาก็ออกจากเกมในทันที
หวังหยู่ไม่เคยหมกมุ่นกับเกมแบบนี้มาก่อน แต่เขานั้นใช้เวลาวันนี้ทั้งวันเล่นมัน ซึ่งมันไม่ค่อยเข้ากับนิสัยของเขาสักเท่าไหร่
หลังจากเล่นมันตลอดทั้งวันแล้วนั้น หวังหยู่ก็หิวโหย และสังเกตว่ามู่จี่เซียนนั้นไม่ได้อยู่ในห้องของพวกเขา และมันก็มีเสียงน้ำไหลออกมาจากในห้องครัว หวังหยู่ก็ตะโกนขึ้น “ที่รัก! ผมหิวแล้ว!”
“เข้าใจแล้ว! อาหารเกือบเสร็จแล้ว!”มู่จี่เซียนตอบกลับ
“โอเค!”หวังหยู่ตอบกลับ แล้วเขาก็เช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนู และก็พุ่งตัวไปยังห้องครัว และก็ไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้มองไปที่อาหารที่มู่จี่เซียนเตรียมไว้ได้ หวังหยู่นั้นก็ยื่นไปหยิบชิ้นเนื้ออย่างไม่ได้ตั้งใจ
“มือคุณสะอาดหรือยัง?”มู่จี่เซียนด่า แล้วเธอก็ตีมือหวังหยู่ด้วยช้อนส้อม
“ผมจะไปล้างมัน!”หวังหยู่ตอบกลับเจื่อนๆแล้วเขาก็กลับไปยังห้องอาบน้ำ
“รอก่อน” มู่จี่เซียนหัวเราะคิกคัก แล้วเธอก็หยิบชิ้นเนื้อด้วยส้อมของเธอ และก็ป้อนให้กับหวังหยู่ “ตามฉันไปซูเปอร์มาเก็ตก่อน ฉันต้องการที่จะไปซื้อข้าวเพิ่มในตอนนี้ ฉันกลัวว่าร้านมันอาจจะปิดในช่วงปีใหม่เช่นนี้”
“ก็ได้”หวังหยู่พยักหน้า
“พวกเราควรที่จะไปยังธนาคารด้วย! มันค่อนข้างไม่สะดวกที่พวกเราไม่มีเงินในช่วงปีใหม่แบบนี้”
“ตามที่คุณปรารถนาเลยครับ!”หวังหยู่หัวเราะ
ธนาคารนั้นตั้งอยู่ด้านข้างซูเปอร์มาเก็ต แม้ว่ามันจะเป็นช่วงปีใหม่ ธนาคารมันก็ไม่ได้ปิด สุดท้ายแล้วมันก็เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดอีกด้วย..
หลังจากไปรับเลขคิวแล้ว มู่จี่เซียนก็กลับไปหาหวังหยู่และนั่งอยู่ด้านหลังของธนาคาร แล้วพวกเธอก็รอคอยให้เลขคิวของเธอถูกเรียก
ในเวลานั้นเอง ชายบึกบึนสี่คนก็เดินเข้ามาในธนาคาร
ชายสี่คนมองไปรอบๆอย่างมีพิรุธ เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในธนาคาร หวังหยู่ก็หน้าชาขึ้นเมื่อเขารู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าที่พวยพุ่งออกมาจากชายทั้งสี่คน
หวังหยู่นั้นก็จ้องไปชายหนึ่งในนั้น การแสดงออกอันว่างเปล่าของชายคนนั้นควบคู่ไปกับเจตนาฆ่านั้นทำให้หวังหยู่รู้สึกสับสน
เมื่อหวังหยู่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากปู่ของเขาในอดีต เขาพบผู้เชี่ยวชายศิลปะการต่อสู้จากกองทัพที่มีดวงตาคล้ายคลึงกับชายคนนี้ แต่ร่างกายของชายคนนี้ไม่แข็งแกร่งเท่ากับทหารหรือผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้
“ลูกศิษย์ที่โดนขับไล่งั้นเหรอ?”
หวังหยู่จ้องไปที่ชายทั้งสี่คนแล้วเขาก็สะกิดมู่จี่เซียน หวังหยู่ก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า เขาจึงใช้ตัวเขาป้องกันมู่จี่เซียน
“คุณหนาวงั้นเหรอ?”มู่จี่เซียนถามอย่างสงสัย
“ไม่! แต่ผมคิดว่าพวกเราควรที่จะมาที่นี่พรุ่งนี้!”หวังหยู่กระซิบ
“โอ้..ก็ได้ ถ้างั้น!”มู่จี่เซียนตอบกลับหลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
หลังจากที่แต่งงานกับหวังหยู่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว เธอก็เข้าใจถึงอารมณ์ของหวังหยู่เป็นอย่างดี มันจะต้องมีคำอธิบายที่ดีอย่างแน่นอน ภายใต้การตัดสินใจที่ฉับพลันของหวังหยู่
“ปัง!”
เสียงปืนก็ดังขึ้นมา เมื่อทั้งสองคนกำลังจะออกจากธนาคาร
“ห้ามขยับ!”
หวังหยู่หันกลับไปดูสถานการณ์รอบๆ ชายที่เขาจ้องเมื่อกี้ทำลายกล้องวงจรปิดด้วยการยิง ในขณะที่ชายที่เหลืออีกสี่คนนั้นทำลายกระจกตรงเคานเตอร์และจับเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่อยู่
“อ๊า!!! ช่วยด้วย!!”
ตั้งแต่ที่ประเทศนี้มีกฏห้ามใช้ปืนมาเป็นเวลานาน มันก็ไม่ใช่บางสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะเจอบ่อยๆ เสียงปืนที่ดังลั่นออกมาทำให้พวกเขาตกตะลึงกันอย่างมาก
“ปัง! ปัง!”
เสียงลั่นปืนก็ดังขึ้นสองครั้งแล้วก็มีคนสองคนล้มลงกับพื้น และนอนกองจมเลือดตัวเองอยู่!
การฆ่าใครบางคนด้วยการใช้ปืนนั้นอันตรายยิ่งกว่าเสียงปืนดังขึ้นเสียอีก ฝูงชนตกอยู่ในความเงียบงันในทันทีและจ้องไปยังชายทั้งสี่คน
“คุกเข่าลงซะ!”หนึ่งในผู้ก่อการร้ายตะโกน
หวังหยู่แตะหลังมู่จี่เซียนอย่างนุ่มนวล และกระซิบกับเธอเบาๆ “ไม่ต้องกลัว”
“อื้ม!”มู่จี่เซียนพยักหน้า
มู่จี่เซียนนั้นมีประสบการณ์ในโลกความเป็นจริงมากกว่าที่หวังหยู่มี เธอรู้ว่าชายพวกนี้นั้นมาที่นี่เพื่อเงิน ไม่ได้มาเพื่อเอาชีวิตคน
แต่หวังหยู่สามารถสัมผัสถึงความกระหายเลือดของชายพวกนี้ได้ สถานการณ์นี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่เขาคิด แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะทำให้มู่จี่เซียนตื่นตระหนก
ทุกคนนั้นมีความคิดแบบเดียวกันกับมู่จี่เซียน คนพวกนี้นั้นมาที่นี่เพื่อเงิน พวกเขานั้นก็จะทำตามคำสั่งของพวกเขา เพื่อที่จะไม่ทำให้พวกเขาโกรธเคือง
เวลาผ่านไปช้าๆ ภายใต้คำสั่งของชายทั้งสามคน เจ้าหน้าที่ก็นำเงินใส่กระเป๋าไว้ให้
“ไปกันเถอะ!”
ชายที่ใบหน้ามีแผลเป็นตะโกนใส่ชายที่ถือปืน เมื่อพวกเขาเก็บกระเป๋าเงินจากตรงเคาน์เตอร์และสะพายมันขึ้นหลัง และเตรียมที่จะวิ่งหนี
“ไม่มีทาง พวกมันเห็นพวกเราว่ามีหน้าตาเป็นยังไงแล้ว!’ชายที่มีปืนโต้กลับ
“ก็แค่ฆ่าพวกมันให้หมดก็พอ!”ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าหัวเราะแล้วเขาก็เอาปืนออกมาจากกระเป๋า