บทที่ 141 ค่ายฤดูร้อนนานาชาติ (อ่านฟรี)
สหภาพโซเวียตมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติสี่แห่ง แบ่งตามลำดับคือมหาวิทยาลัยLomonosov (มหาวิทยาลัยมอสโคว์) มหาวิทยาลัย Leningrad (ภายหลังเรียกว่ามหาลัยเซ้นปีเตอร์เสบิร์ก ซึ่งปูตินและดิมิทรี่สองคนจบการศึกษาจากที่นี่) มหาวิทยาลัยแห่งชาติ Kyiv (มหาวิทยาลัยยูแครน) และมหาวิทยาลัย Belarus (เบลารุส)
มหาลัยอันดับทอปถึงกับส่งจดหมายเชิญมาที่โรงเรียนมัธมปลายของเมืองปิง หรือว่าสนใจนักเรียนสองคนที่มีผลคะแนนดีจากการแข่งคณิตศาสตร์ในงานโอลิมปิกระดับสากลเมื่อปีที่แล้ว? แต่นักเรียนทั้งสองคนอยู่มอปลายปีสามแล้ว เมื่อสองเดือนก่อนก็ได้โควต้าของมหาวิทยาลัยฮวาชิงไปแบ้ว
ผู้อำนวยการฉีกซองจดหมายด้วยตัวเอง ด้านในเป็นคำเชิญที่พิมพ์ภาษาจีนและภาษารัสเซีย สิ่งที่ทำให้ผู้อำนวยการประหลาดใจมากคือ มีนักเรียนคนหนึ่งที่เขารู้จักได้รับเชิญด้วย
ผู้อำนวยการเกาหัว แล้วหันไปมองรองผู้อำนวยการ "คุณซุน เฝิงหยู่จากมอปลายปีหนึ่งก็คือเด็กฝากของผู้จัดการหลี่ที่มาสร้างสนามกีฬาให้เราใช่ไหม?"
รองผู้อำนายการพยักหน้า "ใช่ครับ ทั้งโรงเรียนมีสองคนที่ชื่อเฝิงหยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งอยู่มอปลายปีสาม แถมยังเป็นผู้หญิงอีก"
"ช่วยดูคำเชิญนี้หน่อยสิว่ามันมีความหมายอะไร?"
รองผู้อำนวยการรับจดหมายมาแล้วพิจารณาอย่างรอบคอบ «เกี่ยวกับการเชื้อเชิญนักเรียนมอปลายปีหนึ่งของโรงเรียนมัธยมเเห่งปิงให้เข้าร่วมค่ายฤดูร้อนนานาชาติที่มหาวิทยาลัยกรุมอสโกจัดขึ้น» ชื่อหัวข้อยาวมาก แต่ความหมายช่างกระตุ้นความตื่นเต้น มหาวิทยาลัยได้เชิญนักเรียนระดับมัธยมศึกษาให้เข้าค่ายฤดูร้อน โดยทั่วๆไปคือนักเรียนมอปลายปีที่สองที่เคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันใหญ่ๆ โดยทางมหาวิทยาลัยจะส่งคำเชิญไปให้นักเรียนที่มีความสามารถเพื่อดึงตัวมาเรียนด้วย
หากมหาวิทยาลัยมอสโกต้องการที่จะรับสมัครนักเรียน ควรตรวจสอบนักเรียนมอปลายปีที่สอง แต่เฝิงหยู่เป็นนักเรียนมอปลายปีหนึ่ง แล้วทำไมถึงกำหนดให้นักเรียนมอปลายปีหนึ่งสามารถเข้าร่วมได้ นี้แปลกเกินไป!
มีความเป็นไปได้ว่าชาวยุโรปต้องการจะแสดงออกให้เห็นถึงศักยภาพด้านการศึกษาของพวกเขา จึงได้ส่งจดหมายเชิญมาที่โรงเรียนมัธยมปลายเเห่งเมืองปิง? ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณอาจจะต้องผิดหวัง เพราะโรงเรียนมัธยมของจีนจัดเป็นโรงเรียนชั้นนำของโลก! คะแนนการศึกษาก็อยู่ระดับทอป แม้นจะเป็นเพียงนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา แต่ไม่มีทางทำให้ประเทศจีนขายหน้าเด็ดขาด
แต่ทำไมถึงเลือกเชิญพวกของเฝิงหยู่ ทั้งสี่คนนี้ดูเหมือนจะเป็นเด็กนักเรียนที่หลี่ซื่อเฉียงขอให้ได้รับการดูแลเอาใจใส่ หรือเรื่องนี้มีลับลมคมในอะไร?
รองผู้อำนวยการอ่านรายการชื่อ ลำดับแรกเป็นชื่อเฝิงหยู่ ถัดมาคือหลี่น่า เหวินตงจุน และหลิวคุน เเละยังมีอีกหกรายโควต้า รวมถึงโควต้าสำหรับอาจารย์อีกห้าคน
ตีเขาให้ตาย รองผู้อำนวยการซุนก็ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหลี่ซื่อเฉียง เขาตัดสินใจที่จะเรียกเฝิงหยู่มาถาม ถ้าไม่มีปัญหา เขาก็อยากจะแย่งโควต้าร่วมเดินทางไปด้วย นี้เป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าครั้งนี้ได้เป็นหัวหน้าผู้นำทีม หากได้คะแนนยอดเยี่ยมติดมือมา ฉะนั้น ในอีกสองปีข้างหน้าผู้อำนวยการโรงเรียนจะเกษียณอายุ คนที่จะรับช่วงต่อจะเป็นใครไปอีกละ?
"ผู้อำนวยการครับ เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะ ไม่ว่าอย่างไรสิ่งนี้อาจจะเป็นเรื่องดี ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะเป็นผู้นำกลุ่มไปค่ายฤดูร้อนนี้ "
ผู้อำนวยการมองรองผู้อำนวยการซุน:" อาจารย์เสี่ยวซู่ของมอปลายปีสองก็ดีนะ เธอน่าจะได้ไปด้วย"
รองผู้อำนวยการซุนพยักหน้า "ผมก็คิดว่าเธอเหมาะสม แล้วโควต้าที่เหลือเท่าไหร่ละครับเราจะตัดสินยังไง?" อาจารย์เสี่ยวซู่เป็นหลานสาวของผู้อำนวยการ เรื่องนี้เขารู้อยู่แล้ว
“อืม ส่วนที่เหลือก็ ~ ให้สำนักงานเพื่อการศึกษาตัดสินใจละกัน ผมจะจัดการติดต่อไปเอง ส่วนคุณก็ไปติดต่อกับนักเรียน เลือกนักเรียนที่ดีที่สุดจากนักเรียนมัธยมปลาย” ผู้อำนวยการก็มีความคิดว่าเกียรตินี้ต้องเป็นของเขา ไม่แน่ก่อนที่เขาจะจะเกษียณอายุสามารถย้ายไปสำนักงานเพื่อการศึกษา ช่วงบั้นปลายจะได้มีงานพิเศษทำ ไม่เพียงแค่สามารถเกษียณอายุได้ช้าลง ยังมีอำนาจสืบไป แถมเงินบำนาญที่ได้ก็จะแตกต่างกันอีก
นักเรียนยังคงเรียนอยู่ในชั้นเรียน ครูผู้รับผิดชอบกำลังอธิบายกุญแจสำคัญและความยากของข้อสอบให้พวกนักเรียนและเฝิงหยู่ฟัง เพื่อให้นักเรียนมีผลการสอบปลายภาคที่ดีขึ้น แม้ว่าจะสอนวิชาภาษาก็ตาม
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาไม่ชอบการถูกรบกวนระหว่างสอนวิชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ปกครองของนักเรียน พอเขาหันหน้าไปมองและอยากจะว่ากล่าวเสียหน่อย เมื่อเห็นคนที่จ้ำอ้าวเข้ามาในห้อง สายตาโมโหก็แปรเปลี่ยนเป็นความเคารพทันที
“รองผู้อำนวยการซุน มีอะไรหรือครับ หรือคุณอยากร่วมฟังการบรรยายด้วย?”
รองผู้อำนายการซุนโบกมือ:" ผมมาหาเฝิงหยู่ในชั้นเรียนของคุณ เรียกเขาออกมาหน่อย"
เฝิงหยู่อีกแล้วเหรอ เจ้าหนุ่มนี่มีความสัมพันธ์กับรองผู้อำนวยการด้วย
เฝิงหยู่ถูกเรียกออกมา พอเห็นรองผู้อำนวยการเขาก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไร คงเป็นเพราะจดหมายเชิญมาถึงแล้ว คิริเลนโกจัดการเรื่องราวได้น่าเชื่อถือจริงๆ
เฝิงหยู่รับประกันกับครอบครัวว่าเขาจะสามารถสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวงได้ และอาจจะเป็นหนึ่งในสองมหาลัยที่ดีที่สุดสองโรงเรียนเมืองหลวง มหาวิทยาลัยจิงเฉิงเป็นที่รู้จักกันดีว่านักวิชาการมากมายจบจากที่นี่, มหาวิทยาลัยหวาชิง ผู้นำชาติในอนาคตก็จบจากที่นี่ แน่นอนในอนาคตคนร่ำรวยหลายรายที่เป็นนักศึกษาของทั้งสองโรงเรียน
เฝิงหยู่ต้องการที่จะสอบเข้าหนึ่งในสองมหาวิทยาลัยนี้ อย่างหนึ่งคือการทำความปรารถนาของพ่อแม่ให้เป็นความจริง พ่อแม่หวังว่าเขาจะโดดเด่นสามารถสอบเข้าในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ เป็นศรีแก่ตระกูล แต่เหตุผลที่เฝิงหยู่ต้องการที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งนี้ เพราะจะได้เป็นหน้าเป็นตาแก่ตัวเอง ! แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ต้องการทำงานกับเขา แต่เขาสามารถลงทุนกับความฝันของฝ่ายตรงข้าม นี่จะทำเงินให้เฝิงหยู่ได้ในที่สุด
ถ้าสามารถสอบเข้าหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของเมืองหลวงที่ดีที่สุดของเมืองหลวงได้ เฝิงอยู่มีความคิดดีดีอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือทำให้ทั้งสองมหาวิทยาลัยให้ความสนใจกับเขา แล้ว"เชิญ"เขา หรือว่าส่งจดหมายโควต้ารักษาสิทธิ์ในการเข้ามหาลัยมาให้เขาที่โรงเรียน
แม้ว่า"สิทธิ์ในการเข้ามหาลัย"จะเป็นสิ่งที่น่าประณาม แต่อาจารย์ นักวิชาการของมหาวิทยาลัยต่างก็ได้สิทธิ์ในการเข้ามหาลัยโดยไม่ต้องสอบเข้า นักเรียนที่น่าชื่นชมบางคน ตราบเท่าที่ตรงกับเงื่อนไขของศาสตราจารย์ก็สามารถลงทะเบียนได้
สิทธิ์สำหรับการเข้ามหาลัยเป็นรางวัลใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง หรือตอนที่เรียนอยู่โรงเรียนสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ประจักษณ์ก็จะมี'การเชิญ'เข้ามหาลัย อย่างเช่นนักเรียนที่แข่งขันระดับโลกหรือระดับประเทศแล้วสร้างผลงานโดดเด่น
เฝิงหยู่มีผลงานโดดเด่นอะไรเป็นพิเศษที่สร้างให้โรงเรียน? ยกเว้นเรื่องที่พี่เขยบริจาคสนามบาสเกตบอลให้กับโรงเรียน ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว แถมชื่อเสียงของเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่านักเรียนที่ชอบมีเรื่องชกต่อย!
ดังนั้น เฝิงหยู่จึงคิดวิธีการที่จะชุบทองให้ตัวเอง, คือการเข้าร่วมค่ายฤดูร้อนระหว่างประเทศ และให้ฝ่ายตรงข้ามเชิญให้เขาเข้าร่วม นอกจากนี้พี่เขยของเขามีความสัมพันธ์กับแผนกประชาสัมพันธ์ เมื่อเขาขึ้นมอปลายปีสาม โควต้าในการเข้ารับมหาลัยจะต้องพิจารณาพวกเขาทั้งสี่คน หรือสามคนก็เพียงพอแล้ว เพราะระดับหัวกะทิอย่างหลิวคุน แค่พึ่งพาทักษะความสามารถของตัวเอง มหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศก็อ้าแขนรับ
ถ้าไม่สำเร็จ ก็ให้การสนับสนุนแผนกประชาสัมพันธ์ สนับสนุนกองทุนวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้อาจารย์ละเว้นกฎแล้วส่ง "การเชิญ"มาให้พวกของเฝิงหยู่ เชื่อว่าพวกศาสตราจารย์จะยินดีทำ
รองผู้อำนวยการซุนพูดคุยกับเฝิงหยู่สองสามคำก็เข้าใจว่าเป็นความคิดของพี่เขยของเฝิงหยู่ อย่างนี้ก็ดีนะสิ! นี่เป็นเรื่องที่น่าจดจำในระดับประเทศ ชื่อของเขาก็อาจจะปรากฏในสิ่งพิมพ์ระดับนานาชาติ !
เกี่ยวกับเรื่องของโควต้า เฝิงหยู่ลังเล จึงได้พูดกับรองผู้อำนวยการซุนว่าเพิ่มยัยอ้วยด้วย ตอนที่แจ้งชื่อกับคิริเลนโกยัยอ้วนยังไม่ได้คบกับเหวินตงจุนเลย รองผู้อำนวยการมองเฝิงผยู่ ต่อให้เฝิงหยู่ไม่พูดออกมา เขาก็ต้องให้จางหานเข้าร่วม แม้แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนยังตัดสินใจเช่นนี้
อีกห้าโควต้าที่เหลือ เขาจะต้องกลับไปคิดดีดีกันว่าควรให้นักเรียนคนใด โควต้านี้เหลือไว้ให้ผู้อำนวยการหนึ่งที่ ให้เขาสองที่ อีกสี่ที่ให้เฝิงหยู่ ~เหลืออีกสอง ~ จดไว้ดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงตอนเขาจะมารับช่วงต่อ
พอกลับไปที่สำนักงาน รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของรองผู้อำนวยการ ตอนที่ได้รู้จักหลี่ซื่อเฉียงในครานั้นจวบจนการรับเฝิงหยู่เข้ามาเรียน ช่างนำพาประโยชน์ราวกับพระเจ้าบันดาล!
ติดตามตอนล่าสุดได้ที่ เพจ Kingdom นิยายแปล