ตอนที่ 9 ชี้แนะการบ่มเพาะ
ถ้าเป็นเมื่อครึ่งวันก่อนหลิวอู๋ตงคงจะคิดจัดการหลิงฮันออกไปและหลอกเอาทักษะบ่มเพาะมาก่อน จากนั้นค่อยทดแทนให้หลิงฮันด้วยวัตถุดิบบางอย่างแทน
นั่นคือสิ่งที่นางเคยคิดเอาไว้ ใครใช้ให้หลิงฮันเมินเฉยต่อสถานะเจ้าหญิงของตระกูลชั้นสูงของเธอและยืนกรานจะให้เธอเป็นผู้ติดตามให้ได้กันล่ะ?
แต่ตอนนี้นางลังเล ด้วยธรรมชาติของหญิงสาวทำให้นางอยากจะออกไปจากข้างกายหลิงฮัน แต่เมื่อเธอนึกถึงปาฏิหาริย์อันไม่สิ้นสุดที่หลิงฮันให้แสดงออกมาทำให้นางอยากจะอยู่ข้างกายเขา ตัวนางอยากจะรู้ว่าขีดจำกัดของเขาจะอยู่ที่ไหนกัน
“อาจจะทำ แต่ก็อาจจะไม่ทำ ใครจะไปบอกได้ล่ะ?” นางให้คำตอบอย่างคลุมเครือกับเขา
หลิงฮันหัวเราะดังออกมา ถ้าหลิวอู๋ตงสาบานว่าจะภักดีกับเขาอย่างจริงจัง เขาจะไม่เชื่อนางอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรตัวเขาก็เคยเป็นจอมยุทธ์ระดับสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่และจักรพรรดิปรุงยา! แล้วเขาจะไม่สามารถสยบสาวน้อยคนนี้ได้อย่างไร?
“ถอดชุดของเจ้าซะ” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หลิวอู๋ตงโกรธขึ้นมาทันที หรือหลิงฮันจะต้องการบังคับให้นางมอบร่างกายให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการสอนทักษะบ่มเพาะ? แม้นางจะไม่อยากจะตายและอยากจะให้โรคร้ายถูกรักษาอย่างมาก แต่ถ้าจะให้นางต้องใช้ร่างกายในการแลกเปลี่ยนนางขอยอมตายดีกว่า!
“อย่าเข้าใจผิด!” หลิงฮันพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าเพียงต้องการจะชี้แนะเส้นทงแห่งการโคจรปราณต้นกำเนิดให้เจ้าเท่านั้น ทักษะบ่มเพาะพิเศษทักษะนี้จำเป็นต้องโคจรปราณต้นกำเนิดในร่างของเจ้าไหลผ่านทางที่แปลกไปจากเดิมหลายทางโดยไม่สามารถอธิบายผ่านคำพูดอย่างง่ายๆได้ เจ้าเองก็น่าจะรู้ตัวดีว่าหากผิดไปนิดเดียวจะนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ ซึ่งถ้าเกิดการโคจรคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยของทักษะล่ะก็...
เพราะงั้นเราจึงต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีการคลาดเคลื่อนหรือการผิดพลาดใดๆเด็ดขาด”
หลิวอู๋ตงชะงักไปชั่วครู่ คำพูดของหลิงฮันนั้นไม่ผิดเลย ในร่างกายของมนุษย์มีเส้นเลือดดำและแดงอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ถ้าเกิดการผิดพลาดขึ้นแม้เล็กน้อยในการโคจรปราณต้นกกำเนิดล่ะก็ ผลลัพธ์ที่ได้คงต่างออกไปมากแน่นอน
ปัญหาก็คือนางเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน นางจะถอดชุดและยอมให้นิ้วของผู้ชายมาโดนไปทั่วร่างกายได้อย่างไร?
นางคิดอยู่นานครู่หนึ่งจากนั้นจึงยอมอะลุ่มอล่วยไป นางจะต้องใส่ชุดชั้นในเอาไว้และหลิงฮันต้องใช้ตะเกียบแทนนิ้วมือในการชี้แนะการโคจรปราณต้นกำเนิดของนาง
“เจ้าออกไปก่อน!” หลิวอู๋ตงพูดและชี้ออกไปด้านนอก
“เฮ้ๆๆ นี่มันห้องข้านะ!” หลิงฮันหัวเราะ แต่เขาก็ยืนขึ้นและเดินออกไป จะยังไงเขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง
เขารออยู่นานสักพักก่อนที่เขาจะได้ยินหลิวอู๋ตงพูด “ตอนนี้เจ้าเข้ามาได้แล้ว”
หลิงเข้าไปในห้องและเห็นหลิวอู๋ตงนั่งอยู่บนเตียง เรือนร่างของนางถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าปูเตียง ผมอันงดงามของนางปล่อยลงมาบนไหล่ราวกับน้ำตก
นางช่างมีเสน่ห์จริงๆ
‘นางช่างเป็นหญิงที่น่าหลงไหลและงดงามไร้ที่ติจริงๆ’ หลิงฮันคิดในใจ แม้จะเป็นในสายตาของเขาจากชีวิตที่แล้ว เขาก็ต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ว่าเสน่ห์ความงามอันเย็นชานี้ทำให้ใจเขาหวั่นไหวได้เล็กน้อยเลยทีเดียว
ฟันสีขาวหิมะที่กำลังกัดริมฝีปากอันแดงฉ่ำ ดวงตาอันงดงามที่มองไปรอบๆ...แสดงถึงความไม่พอใจและความน่าสงสาร หลิวอู๋ตงปล่อยผ้าปูเตียงลงไปและเรื่องร่างอันงดงามราวกับหยกก็ได้ปรากฎออกมา
ร่างกายส่วนบนมีเพียงเสื้อเกาะอกและผิวอันเรียบเนียนราวกับหยกชั้นดีที่เปล่งประกายแวววาว ส่วนด้านล่างนางสวมกางเกงชั้นในยาวเอาไว้ แต่นางได้ฉีกขากางเกงชั้นในตั้งแต่ช่วงต้นขาลงมา ทำให้เปิดเผยขาอันเรียวยาวทั้งสองข้างออกมา ขาทั้งสองข้างไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป พวกมันสามารถเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจนทำให้หัวใจของทุกคนเต้นแรงได้เลย
เมื่อเห็นสายตาของหลิงฮันมองไปมาที่นาง นางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอาย ใบหน้าอันงามงามราวกับหยกของนางได้แดงขึ้นมาทำให้เพิ่มความยั่วยวนมากขึ้นไปอีก
นางที่สมควรจะเป็นความงามอันเย็นชาแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับกำลังเขินอายจนกลายเป็นการเป็นสิ่งที่ดึงดูดทุกๆอย่างในทันที นางดูน่าหลงไหลจนทำให้อารมณ์ของหลิงฮันที่อยู่ระดับสวรรค์ในชีวิตที่แล้วถึงกับแปรปรวนได้เล็กน้อย มันทำให้เขาอยากจะกลืนกินปีศาจน้อยจอมเสน่ห์ตนนี้เหลือเกิน
แต่เขาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว “นั่งขัดสมาธิซะ ข้าจะสอนเจ้าถึงขั้นแรกของวิธีการบ่มเพาะจิตใจจากทักษะสามหยินเร้นลับ”
เขาท่องทักษะออกมาคำต่อคำ ในตอนแรกหลิวอู๋ตงไม่สามารถเข้าถึงสภาวะจิตใจที่ถูกต้องได้เพราะยังไงตัวนางก็เกือบจะเปลือยกายอยู่ในห้องเดียวกันกับผู้ชายอยู่แล้ว แต่จิตใจของจอมยุทธ์ของนางได้กำจัดความอายออกไปอย่างรวดเร็วและตั้งใจฟังคำพูดของหลิงฮันพร้อมกับจดจำพวกมัน
หลิงฮันท่องอย่างรวดเร็ว แต่หลิวอู๋ตงได้แสดงความสามารถอันน่าตะลึงออกมา มันราวกับว่าไม่ว่าอะไรที่นางได้ยิน นางจะไม่มีทางลืมเลย หลิงฮันท่องเพียงสองรอบเท่านั้นและหลิวอู๋ตงได้ทำการจดจำเกือบจะหนึ่งพันคำของบททักษะได้เรียบร้อยแล้ว
นี่เป็นเพียงส่วนแรกเท่านั้น ส่วนต่อไปเองก็เป็นกุญแจสำคัญในการการโคจรพลังปราณต้นกำเนิด
หลิงฮันใช้ตะเกียบแทนนิ้วมือ ค่อยๆจิ้มไปยังทั่วร่างอันงดงามของหลิวอู๋ตง คอยชี้นำนางในการโคจรปราณต้นกำเนิด
หนึ่ง...สอง... เพียงแค่สามครั้งเท่านั้นก็เพียงพอให้หลิวอู๋ตงโคจรปราณต้นกำเนิดให้สอดคล้องกับทักษะบ่มเพาะใหม่ นางช่างเหมาะสมกับฉายาอัจฉริยะเสียจริง!
หลิงฮันรีบออกจากห้องทันที ปีศาจน้อยตนนี้ช่างยั่วยวนจนเกินไป เขาเองก็ดูเหมือนจะมั่นใจพลังใจของตัวเองมากไปหน่อย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจจะเป็นไปได้มากว่าเขาจะทำการเอาเปรียบและจับกดสาวงามนางนี้
เนื่องจากหลิวอู๋ตงเริ่มทำการบ่มเพาะแล้ว นางคงจะไม่ได้สติคืนไปอีกสักพัก ดังนั้นหลิงฮันจึงตัดสินใจไปนั่งข้างนอกและเริ่มบ่มเพาะเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บ่มเพาะทักษะห้าธาตุสวรรค์ แต่เริ่มบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์แทน
เพราะว่ารากฐานวิญญาณของเขายังไม่ได้รักษาเขาจึงไม่กล้าเสี่ยง ถ้าเกิดรากฐานวิญญาณของเขาเสียหายไปมากกว่านี้ ต่อให้ใช้ผงแก่นแห่งจิตฟื้นคืนวิญญาณก็คงจะรักษาใม่ได้
การโคจรของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้นเหมือนกับหลุมอันไร้ขอบเขต ด้วยพลังปราณต้นกำเนิดเพียงเล็กน้อยในร่างกายของเขาทำให้สามารถปรับแต่งกล่ามเนื้อ เส้นเลือด และกระดูกได้อย่างรวดเร็วรวมถึงทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้นด้วย
ถ้าคัมภีร์ถูกบ่มเพาะไปจนถึงจุดสูงสุด ร่างกายจะไม่มีทางเสื่อมสลายหรือแก่ขึ้น ต่อให้อุกกาบาตพุ่งชนเขา อุกกาบาตจะแตกสลายในขณะที่ตัวเขาจะไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเขายังห่างจากขั้นนั้นอีกไกลนัก
หลังจากเพียงแค่ห้านาที ปราณต้นกำเนิดที่เก็บไว้ในร่างของเขาก็ถูกใช้จนหมด เขาจึงกลืนโอสถคืนกำเนิดเพื่อฟื้นคืนปราณต้นกำเนิดในร่างกายอย่างรวดเร็วและเริ่มบ่มเพาะต่อ
ในโอสถแต่ละชนิดจะมีความเป็นพิษอยู่ ในตอนแรกโอสถคืนกำเนิดสามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาได้อย่างดี แต่เมื่อจำนวนที่ใช้มากขึ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายในการดูดซึมของโอสถก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้ผลลัพธ์ของโอสถต่ำลงเรื่อยๆ จนในท่สุดเขาจะสามารถฟื้นคืนปราณต้นกำเนิดได้เพียงหนึ่งในหลังจากใช้โอสถ
หลิงฮันหยุดการบ่มเพาะ ตอนนี้ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของวันนี้แล้ว จะบ่มเพาะต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
แต่อย่างไรการพัฒนาของเขาก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
กล้ามเนื้อ เส้นเลือด กระดูก ได้แข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย จากการคาดการของเขา กำลังในตอนนี้สามารถเทียบได้กับหลอมกายาขั้นสาม
ไม่แปลกใจเลยทำไมถึงเรียกว่าคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์! ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
ในชีวิตก่อน หลิงฮันเคยบ่มเพาะทักษะประเภทฟื้นตัวมาบ้างเหมือนกัน เช่นกายาทองคำลี้ลับและทักษะศิลาหินผา ขึ้นทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของพวกมันเทียบกับคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไม่ได้เลย ความต่างของมันต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา! ถ้าคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไม่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นจะเป็นไปได้อย่างๆไรที่จอมยุทธ์ในระดับสวรรค์จะต้องใช้เวลากว่าหมื่นปีในการทำความเข้าใจ? ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าถึงจะแบบนั้นก็มีเพียงแค่ส่วนแรกเท่านั้นที่เขาทำความเข้าใจได้!
‘อย่างไรก็ตาม ในการบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ต้องใช้ปราณต้นกำเนิดมากมายจริงๆและยังต้องใช้โอสถล้ำค่าจำนวนมากในการสนับสนุนการปรับแต่งร่างกายอีกด้วย! สิ่งนี้จะทำให้การบ่มเพาะของข้าล่าช้าไปกว่าเดิมแน่นอน! แต่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์มีพลังที่ยิ่งใหญ่มากซึ่งหากจะล่าช้าไปบ้างมันก็คุ้มค่า เพราะอย่างไรรากฐานวิญญาณของเขาก็เป็นระดับนิรันดร์
ข้ายังไม่ควรจะคิดถึงผลลัพธ์ในขั้นสูงสุดที่ว่าร่างกายจะไม่เสื่อมสลายหรือแก่ขึ้น ในส่วนแรกของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ยังแบ่งออกไปอีกสี่ขั้น นั่นคือ ขั้นต้นไม้มรณะ ขั้นหินผา ขั้นเหล็กไหล และขั้นเพชร ตามลำดับ
เมื่อข้าบรรลุถึงขึ้นต้นไม้มรณะ ร่างกายของข้าจะเป็นดั่งต้นไม้มรณะ การโจมตีใส่ข้าจะเป็นเหมือนกับการโจมตีใส่ต้นไม้มรณะซึ่งจะไม่สร้างความเสียหายต่อชีวิตของต้นไม้นั่นเอง ข้าสามารถทำให้ร่างกายเป็นดั่งต้นไม้มรณะซึ่งไร้ชีวิตได้ จะไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เมื่อข้าบรรลุถึงขั้นเพชร นั่นคือจะไม่ว่าบาดแผลจะหนักเพียงใด มันสามารถฟื้นคืนสภาพได้ทันที ต่อให้แขนขาขาดก็สามารถฟื้นสภาพได้ มันช่างเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง’
"หืม?"
หลิงฮันหันหน้าและมองไปยังประตูทางเข้าห้องภายใน ม่านเปิดออกและเรือนร่างราวเทพธิดาได้เดินออกมา ใบหน้าที่แดงเล็กน้อยของนางช่างสวยสง่า งดงาม และหน้าหลงใหล
“เจ้าบ่มเพาะส่วนแรกของทักษะสามหยินเร้นลับเสร็จแล้ว?” หลิงฮันถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“อืม!” หลิวอู๋ตงพยักหน้า นางกลัวเล็กน้อยที่จะมองตาหลิงฮัน ความรู้สึกแปลกๆทำให้ภายในใจของนางกระสับกระส่าย ซึ่งเป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ผู้หญิงคนนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ’ หลิงฮันคิดในใจ