ตอนที่ 264 ความน่ากลัวของมอนสเตอร์กลายพันธ์สูงสุด
แม้ว่าไป่ ไทแรนด์ และมอนสเตอร์ตัวอื่นของหลิน ฮวงจะยังไม่เลื่อนเป็นระดับเพลิงสวรรค์หลังจากที่เขาเป็นระดับทองขั้น1 พลังของพวกมันก็อยู่ในระดับทองขั้น3โดยสมบูรณ์แล้ว และเมื่อเป็นเช่นนั้น พลังชีวิตในร่างก็จะถูกบีบอัดและผลักดันศัยภาพออกมาอย่างเต็มที่ จนกระทั่งพลังชีวิตจะหนาแน่นจนร่างกายไม่อาจแบกรับได้อีก โดยทั่วไป หลังจากที่พลังชีวิตของมนุษย์ระดับทองชั้น3เต็ม ส่วนใหญ่ก็จะเห็นว่าพลังชีวิตของพวกเขาเพิ่มอย่างน้อยหนึ่งเท่าหลังจากที่เกิดการบีบอัด
อย่างไรก็ตาม บางคนที่พิเศษหรือคนที่ฝึกทักษะชีวิตพิเศษก็จะสามารถบีบอัดพลังชีวิตของเขาได้ยิ่งกว่านั้น บางคนสามารถแม้กระทั่งบีบอัดและไดรับพลังชีวิตที่มากกว่าเดิม3-4เท่า เมื่อความหนาแน่นของพลังชีวิตแตกต่าง เหล่านักล่าระดับทองขั้น3สมบูรณ์ก็จะทรงพลังกว่านักล่าระดับทองขั้น3ทั่วไป ในกระดานนักล่าระดับทอง เหล่าคนชั้นนำเช่นหยี่ เสิ่นเองก็เป็นคนที่อยู่ในระดับทองสมบูรณ์
แม้ว่าไป่ ไทแรนด์และมอนสเตอร์ตัวอื่นะยังไม่ถึงระดับเพลิงสวรรค์ ความสามารถของพวกมันก็ยังมากกว่าแต่ก่อน และสำหรับมงกุฏราชันย์ มันเองก็ยังได้รับผลกระทบจากการเลื่อนระดับของหลิน ฮวงเช่นกันซึ่งทำให้มันมีพลังชีวิตระดับทองสมบูรณ์แล้ว ไป่ ไทแรนด์และตัวอื่นไม่มีข้อได้เปรียบใดๆในพลังต่อสู้ ในทางทฤษฏี มอนสเตอร์ระดับสุดยอด4ตัวจะถูกพิจารณาให้ทรงพลังกว่าพวกหลุดพ้นเพราะพวกมันสามารถล้มคู่ต่อสู้พวกมันได้โดยง่าย แต่ทว่า คู่ต่อสู้ในครั้งนี้คือมอนสเตอร์ระดับตำนานที่กลายพันธ์สูงสุด
ไป่ ไทแรนด์ ชาโคลและเนฟิลิกที่ยังไม่ถูกตั้งชื่อโดยหลิน ฮวงพุ่งทะยานเข้าหามงกุฏราชันย์ เมื่อถูกโอบล้อมโดยมอนสเตอร์4ตัว มงกุฏราชันย์ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย มันกลับแสยะยิ้มขณะที่มองผ่านเหล่ามอนสเตอร์ และพูดคุยกับหลิน ฮวง
“นายเก่า ให้ข้าได้พูด...เจ้าได้ตัดสินใจผิดพลาด ข้าไม่ใช่ปีศาจตัวตลกที่เจ้าเคยรู้จัก พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายที่นี่หากสู้กับข้า”
“ฉันไม่รู้ว่าแกมีพลังแค่ไหนจากการกลายพันธ์สูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจ ปากของแกเองก็ผ่านการวิวัฒนาการครั้งใหญ่มาเช่นกัน”หลิน ฮวงเยาะเย้ย
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความสามารถของข้า!”
มงกุฏราชันย์ตะโกนและตบมือในอากาศ ช่องว่างได้บิดเบือนจากการตบมือ และทันใดนั้น เกราะเงินบนตัวเนฟิลิกก็ปรากฏขณะที่หอกม่วงของเธอปะทะกับฝ่ามือของมงกุฏราชันย์ ไม่เพียงแต่หอกจะไม่สามารถทะลวงผ่านได้ แต่เธอยังสามารถรู้สึกได้ถึงขุมพลังอันน่าหวาดหวั่นที่กำลังไหลผ่านมาจากปลายหอก หอกเกือบจะหลุดจากมือเธอและเธอก็ถูกผลักโดยพลังที่ทำให้เธอลอยไปไกลหลาย10เมตร
มงกุฏราชันย์ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆขณะที่ซัดเนฟิลิกออกไปด้วยฝ่ามือ มันราวกับเขาคือจอมราชันย์ เขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาตบมืออีกครั้งและมือยักษ์ที่มองไม่เห็นก็พุ่งไปทางไป่ราวกับขุนเขาที่กำลังกดทับลงมาจากผืนฟ้า เมื่อเห็นเช่นนั้น ไป่ก็ใช้ปีกทั้ง4ของมันเพื่อป้องกันทันที ปีกของมันเปลี่ยนเป็นโล่รูปครึ่งวงกลม ปิดกั้นการโจมตีตรงหน้าเขา และในไม่ช้า มือที่มองไม่เห็นก็กดทับลงบนโล่ของไป่
อย่างไรก็ตาม ปีกกลับสั่นไหวเพียงเล็กน้อยจากการโจมตี และก็เหมือนกับเนฟิลิก ไป่ถูกซัดลอยไปเร็วยิ่งกว่าเนฟิลิกและกระแทกกับภูเขาที่อยู่ไกลออกไป หลังจากที่กำจัดไป่และเนฟิลิกไป มงกุฏราชันย์ก็ถีบตัวและมาหยุดตรงหน้าไทแรนด์ในพริบตา ไทแรนด์ปล่อยหมัดออกไปทันทีแต่มงกุฏรันย์ก็ไม่แม้แต่จะหลบการโจมตี มันกลับเหวี่ยงหมัดเหมือนที่ไทแรนด์ทำและหมัดที่มีขนาดเท่ามนุษย์ธรรมดาก็ปะทะกับหมัดของไทแรนด์ มันรู้สึกราวกับว่าอากาศกำลังฉีกขาด
“บูม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับพื้นดินที่สั่นไหว การปะทะครั้งนี้ราวกับการระเบิด ไม่เพียงแต่พื้นดินจะสั่นสะเทือน อากาศก็ยังสั่นสะเทือนเช่นกัน คลื่นอัดกระแทกได้ระเบิดแรงลมและหลิน ฮวงที่อยู่ใกล้ก็ได้ยกมือเพื่อกันแรงลมพร้อมกับเกร็งเท้าแน่น อย่างไรก็ตาม ลมกลับผลักเขาให้ถอยไปและเท้าของเขาก็ลากไปกับพื้น สร้างเป็นรอยยาวตามพื้น แรงลมได้ซัดเขาไปไกลถึง30เมตรก่อนที่เขาจะตั้งหลักได้ เมื่อเขาสามารถจับตาดูทั้งคู่ได้ ไทแรนด์ก็ถูกซัดไกลไปหลายร้อยเมตรแล้ว แขนขวาของมันบิดจนผิดรูปจากการถูกชกโดยมงกุฏราชันย์ ในขณะเดียวกัน มงกุฏราชันย์ยังคงยืนอยู๋ที่เดิม ถูมือขวาเขาด้วยมือซ้าย
“เจ้ายักษ์นั่นช่างหนังหนาและทรงพลังเสียจริง”มันไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามงกุฏราชันย์กำลังชื่นชมหรือดูถูกไทแรนด์ หลังจากที่แสดงความคิดเห็น เขาก็ไม่ได้ไล่ตามไทแรนด์ไป เขากลับมองมาที่ชาโคลที่ลอยอยู่ในอากาศ เขาสังเกตชาโคลอยู่สักพักก่อนที่จะพูด
“จิ๊ จิ๊ เลือดมังกร ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะได้รับมอนสเตอร์อัญเชิญเช่นนี้ แต่ทว่า มังกรหนุ่มก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับมอนสเตอร์อื่น มันเป็นเพียงอาหารเสริมเท่านั้น เนื่องจากข้าได้ผ่านการกลายพันธ์สูงสุดมาแล้ว การกินมอนสเตอร์กลายพันธ์สองครั้งตนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก”
เมื่อมงกุฏราชันย์พูด เขาก็ยื่นมือออกและพุ่งใส่ชาโคล ชาโคลกระพือปีกมันทันทีเพื่อพยายามจะหลบหนีแต่มันก็สายเกินไป ลำคอของมันถูกคว้าจับไว้ด้วยมือยักษ์ที่มองไม่เห็น มันพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่อาจหลบหนีได้ และมันก็ดูเหมือนจะถูกตรึงไว้โดยมือยักษ์เหล็ก มันพ่นเพลิงมังกรดำใส่มงกุฏราชันย์แต่มันกลับไม่ได้ทำให้มงกุฏราชันย์บาดเจ็บแม้แต่น้อย มันถูกป้องกันโดยโล่พลังจิต
ขณะที่ยึดกุมชาโคลไว้ มงกุฏราชันย์ก็เมินเฉยความจริงที่ว่ามันกำลังดิ้นรนและมองหลิน ฮวง
“เห็นหรือไม่?ตอนนี้ข้ามีทักษะถึง8ทักษะแต่โดยการใช้เพียงทักษะพลังจิตและพละกำลังของข้า ข้าก็สามารถล้มสัตว์เลี้ยงของเจ้าได้โดยง่าย นี่คือความแตกต่างระหว่างการกลายพันธ์สูงสุดและการกลายพันธ์สองครั้ง!สัตว์เลี้ยงทั้ง4ของเจ้าไม่ต่างอะไรไปกับมดที่ข้าสามารถบดขยี้ได้ทุกเมื่อ”
หลังจากที่เรียกชาโคลกลับ หลิน ฮวงก็มองมงกุฏราชันย์ด้วยสีหน้าน่ากลัว พลังของมันเกินกว่าที่หลิน ฮวงจะจินตนาการถึง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงระดับทองสมบูรณ์ แต่ความสามารถของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าระดับเพลิงสวรรค์เลย
“หากเจ้ามีไพ่อะไร จงใช้มันซะก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ใช้มัน”มงกุฏราชันย์หงายมือขณะที่กล่าว เผยให้เห็นรอยยิ้มบนครึ่งหน้าที่ไม่มีหน้ากาก
“จำเอาไว้ว่าแกเป็นคนพูดเอง งั้นฉันก็จะไม่ปราณีอีกต่อไป!”หลิน ฮวงเรียกไป่ ไทแรนด์และเนฟิลิกกลับก่อนที่จะหยิบเอา...การ์ดสีทองออกมา......