ตอนที่แล้วตอนที่ 15 คุกเข่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 การมาถึงของเชิงเซียง

ตอนที่ 16 คลานออกไปจากที่นี่!


“หลิงฮัน อย่าให้มันเกินไปนัก!” เชิงเฮาเงยหัวขึ้นมาและพูดออกไป มันไม่สามารทำและจะไม่ยอมทำเด็ดขาด

 

หลิงฮันหัวเราะและพูด “ข้าก็ดันไปกลัวว่าเจ้าจะยอมทำตามแต่โดยดี และทำให้ข้าไม่มีเหตุผลที่จะสังหารเจ้าซะแล้ว!”

 

‘จะ จะ เจ้าหมอนี่ต้องการจะสังหารมันรึ?’

 

ทั่วร่างของเชิงเฮาสั่นสะท้าน เมื่อมองไปยังหลิงฮันมันเห็นเพียงสีหน้าอันโหดเหี้ยมอยู่บนใบหน้า หลิงฮันต้องไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ มันไม่สามารถควบคุมการสั่นเทาของร่างกายได้

“เจ้าอยากทำให้เกิดความบาดหมางจนต้องนองเลือดระหว่างสองตระกูลใหญ่รึไงกัน? เจ้าอยากจะกลายเป็นคนบาปใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลหลิงรึไงกัน?”

 

“เพียงแค่ตระกูลเชิงอันกระจ้อยร่อย เจ้าคิดว่ามีค่ามากพอจะมาอยู่ต่อหน้าข้างั้นรึ?”

หลินฮันพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “ถ้าตระกูลหลิงของเจ้ากล้าลงมือล่ะก็ ข้าจะกำจัดพวกเจ้าทุกคนซะ!”

 

ตูม.. ทุกๆคนในที่แห่งนี้ระเบิดเสียงออกมา

 

ช่างพูดจาใหญ่โตยิ่งนัก! ทั้งตระกูลหลิงและตระกูลเชิงเป็นตระกูลที่มีอำนาจในเมืองหมอกเมฆาแห่งนี้ พวกเขามีความแข็งแกร่งเท่ากันและหากมีความขัดแย้งกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่มีฝ่ายใดเลยที่ชนะมีแต่จะเลวร้ายด้วยกันทั้งคู่ ถึงแม้ทั้งสองตระกูลต้องการจะกำจัดอีกฝ่ายและมีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในเมืองหมอกเมฆา แต่ทั้งสองตระกูลไม่มีฝ่ายใดกล้าลงมือก่อน

 

หลิงฮัน เจ้าขยะคนนี้กล้าพูดออกมาว่าจะกำจัดจระกูลเชิงโดยลำพังจริงๆรึ? เขาล้อเล่นอยู่รึเปล่า

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังท่าท่างอันโหดเหี้ยมที่อยู่บนใบหน้าหลิงฮันตอนนี้ ทั่วร่างของเขาได้ปลดปล่อยอำนาจที่เหนือเกินจะบรรยายออกมา ด้วยเหตุผลบางอย่างมันทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้กลายเป็นไร้คำพูด พวกมันมีความรู้สึกเดียวกันคือชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าพวกมันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่ถูกเรียกว่าขยะที่พวกมันรู้จักอีกต่อไป

 

กระทั่งมีหญิงสาวบางคนที่สายตาเปล่งประกายออกมา ช่างกล้าหาญยิ่งนัก! เข่าของพวกนางรู้สึกอ่อนระทวยเล็กน้อย

 

“ช่างอวดดีเสียจริง ไม่จำเป็นต้องถึงมือคนอื่น เพียงพี่ชายของข้าคนเดียวก็สามารถกำราบเจ้าลงได้ด้วยตัวคนด้วยแล้ว!” เชิงเฮาตระโกนลั่น ท่าทีของมันเต็มไปด้วยการต่อต้าน

 

 

ในสายตาของมัน หลิงฮันเป็นเพียงของเล่นที่เคยถูกรังแกมาหลายครั้งโดยมันกับพี่ชายของมัน เชิงเซียง ตอนนี้หลิงฮันกลับกลายมาเป็นคนกำราบตัวมันแทน ไม่ว่าจะอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่มันไม่สามารถยอมรับได้

 

“เพี๊ยะ!”

 

หลิงฮันตบมันไปอีกรอบ และถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขาม “เจ้าอยากจะตายจริงๆสินะ?”

 

ถ้าตระกูลเชิงคิดที่จะตอบโต้เขา เขาจะไม่ขัดข้องแม้แต่น้อยที่จะใช้โอกาสนี้ในการกำจัดตระกูลเชิงทิ้ง  เมื่อคิดถึงความเคารพที่จูเฮอซินมีในตัวเขา การจะให้มันลงมือย่อมเป็นเรื่องเล็กน้อย ถึงจูเฮอซินจะไม่ใช่อัจฉริยะในด้านวรยุทธ แต่อย่างน้อยมันก็คือในระดับก่อเกิดธาตุ สำหรับมันแล้วการจะกำจัดตระกูลเชิงให้เขาย่อมเป็นเรื่องง่ายๆ

 

เพราะงั้นถ้าหากตระกูลเชิงต้องการนำความสิ้นหวังที่จะถูกทำลายมาใส่ตัวเอง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะให้จูเฮอซินกำจัดพวกมัน

 

เชิงเฮามีเหงื่อหยดจากใบหน้าของมันช่างช่วยไม่ได้ ต่อหน้าหลิงฮัน มันรู้สึกถึงแรงกดอันอันไร้ที่เปรียบ และยังรู้สึกได้ถึงการคุกคามของความตายที่ใกล้เข้ามา ชายหนุ่มเบื้องหน้าของมันไม่ใช่หลิงฮันในอดีตที่พวกมันเคยรังแกมาหลายครั้งอีกต่อไป... แต่ตอนนี้เขาเป็นเทพแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัว!

 

“ตุบ!” มันช่วยไม่ได้ที่จะต้องผ่อนแรงที่ขาทั้งสองข้างและคุกเข่าลงบนพื้น เมื่อต้องเลือกระหว่างชีวิตและความภาคภูมิใจ มันทิ้งความภูมิใจทิ้งไปโดยไม่ต้องคิดเป็นครั้งที่สอง

 

เพราะหากตายไป ทุกอย่างก็จบ

 

เชิงเฮาคุกเข่าลงจริงๆ!

 

ทั่วทั้งพื้นที่นี้ตกอยู่ในความโกลาหล เชิงเฮาเป็นนายน้อยลำดับที่สองของตระกูลเชิง ซึ่งมีฐานะยิ่งใหญ่ที่เป็นตัวแทนของทั้งตระกูลเชิง คนระดับนั้นยอมคุกเข่าลงจริงๆ! ยิ่งกว่านั้น คนที่มันก้มหัวให้ยังเป็นสมาชิกของตระกูลที่เป็นศัตรูที่เป็นศัตรูของตระกูลกูลเชิง! นี่นับว่าเป็นการแกะสลักความอัปยศลงบนแผ่นตราของตระกูลเชิงอย่างแท้จริง!

 

เป็นแบบนี้นี่เอง เชิงเฮาที่จริงแล้วเป็นคนที่รังแกคนอ่อนแอแต่จะตัวสั่นต่อหน้าคนแข็งแกร่ง... ทำไมแต่ก่อนไม่มีใครตระหนักถึงความขี้ขลาดของมันกัน? ทุกคนในที่นี้อยากจะรู้คำตอบ...

 

แต่พอคิดทบทวนดูแล้วมันก็เป็นเรื่องปรกติ เพราะอย่างไรเชิงเฮาก็เป็นนายน้อยลำดับที่สองของตระกูลเชิงในสายตาของทุกคนมาโดยตลอด ใครกันจะไปกล้าต่อต้านมัน? ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครรู้ว่าภายใต้ความจองหองและความยิ่งยโส ความจริงแล้วมันจะเป็นพวกขี้ขลาด!

 

แต่หลิงฮันเองก็ข่มเหงกันเกินไป เขาบังคับให้นายน้อยลำดับที่สองของตระกูลเชิงคุกเข่าลงจริงๆ เขาไม่กลัวจะไปยั่วยุให้เกิดสงครามระหว่างสองตระกูลเลยรึไง?

 

“ช่างเท่จริงๆ!” เพราะการกระทำของหลิงฮันเมื่อสักครู่ หญิงสาวมากมายได้หลงเสน่ห์และตกลงหลุมรักเขาไปเรียบร้อยแล้ว

 

“หลิงฮัน เจ้าพอใจรึยัง!” เชิงเฮาพูดพร้อมกับกัดฟัน  ในหัวของมันในตอนนี้มีอยู่ความคิดเดียว นั่นคือออกไปจากสถานที่แห่งนี้และกลับมาเอาคืนพร้อมกับพี่ชายของมัน เพื่อนำความภาคภูมิใจที่เสียไปกลับมา รวมถึงแก้แค้นในความอัปยศและการเหยียดหยามที่มันได้รับ

 

“คลานออกไปจากที่นี่!” หลิงฮันพูดอย่างสงบนิ่ง

 

“อะไรนะ!” เชิงเฮาคิดว่ามันได้ยินผิด

 

“ปัก!” หลิงฮันเตะไปที่หลังของเชิงเฉา บังคับให้มันยันตัวมันเองกับพื้นด้วยสองมือ

 

“หลิงฮัน เจ้าบังอาจหยามข้าแบบนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า!” เชิงเฮาเริ่มจะกลายเป็นบ้า ในความคิดของมันการคุกเข่านับได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกหยามที่สุดแล้ว แต่มันยังต้องมาหมอบลงกับพื้นแบบนี้ แถมยังต้องคลานออกไปจากที่นี่อีก?

 

“ข้าหยามเจ้าแล้วมันทำไม? เจ้าขยะ!” หลิงฮันพูดอย่างเย็นชา ไม่ใช่ว่าในอดีตสองพี่น้องเชิงได้เหยียดหยามเขามามากพอแล้วรึไง?

 

เหตุผลที่ว่าทำไมพี่น้องเชิงกล้าทำแบบนั้นเป็นเพราะพวกมันแข็งแกร่งกว่าเจ้าของร่างคนก่อนของเขา อย่างน้อยตราบใดที่ไม่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นหรือบาดเจ็บไปทั้งชีวิต พวกผู้อาวุโสไม่สามารถที่จะเข้าไปแทรกแซงการวิวาทของเหล่าคนรุ่นเยาว์ได้ ไม่เช่นนั้นพวกมันคงจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเป็นแน่

 

“เจ้าจะคลานออกไปจากที่นี่หรือจะตายที่นี่ เลือกเอาแล้วกัน” หลินฮันพูดออกไป

 

ช่างกดขี่จริงๆ นี่ใช่หลิงฮันที่พวกมันรู้จักจริงๆรึ?

 

ทุกๆคนอยู่ในความตกตะลึงและไร้คำพูด ในอดีต พวกมันหัวเราะเยาะหลิงฮันที่เป็นเศษขยะ แต่ขยะอันใดกันจะกล้าบังคับให้บุตรชายลำดับที่สองของตระกูลเชิงคุกเข่าและคลานเหมือนสุนัขในที่สาธารณะ?

 

ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!

 

เชิงเฮาเหงื่อออกอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ต้องการจะกลายเป็นคนบาปของตระกูลและยิ่งไม่อยากขายหน้าในที่สาธารณะด้วย แต่อย่างไรเมื่อต้องพบกับความตาย พลังใจของมันก็อ่อนลงมาก มันรีบขยับแขนและเริ่มคลานบนพื้นอย่างรวดเร็ว

 

“ฮ่าๆๆๆ!” ทุกคนที่อยู่รอบข้างเริ่มหัวเราะออกมา จู่ๆก็ราวกับว่าเสียงหัวเราะเป็นโรคติดต่อ ทำให้คนอื่นๆเริ่มหัวเราะตามไปด้วย

 

นายน้อยลำดับที่สองของตระกูลเชิงคลานไปรอบๆราวกับสุนัข นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นได้ทุกๆวัน!

 

น้ำตาของเชิงเฮาไหลออกมาทันที มันกำหมัดแน่นและสาบานอยู่ในใจว่ามันจะต้องฆ่าหลิงฮันให้ได้! ต้องฆ่า! มันคลานไปมากกว่าสิบก้าวและลุกขึ้นจากพื้นทันที พร้อมกับรับพุ่งออกไปจากลานฝึกต่อสู้

 

มันอยากจะหาพี่ชายของมันเชิงเซียงให้เจอ และฆ่าหลิงฮันทิ้งซะ!

 

“แปะ แปะ แปะ!” เสียงปรบมือดังขึ้นและดึงดูดความสนใจของทุกๆคน ทุกคนตกอยู่ในความเงียบและมองไปยังสาวงามร่างบางที่ปรบมือเมื่อครู่

 

เซินจีอันหยุดปรบมือและพูด “ข้าต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นการแสดงที่น่าสนใจจริงๆ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำให้ข้าสั่นไหวด้วยของแบบนี้? เจ้ากำลังหลอกลวงตัวเองอยู่ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เป้าหมายของเจ้า น่าเสียดายที่ช่องว่างระหว่างข้ากับเจ้ามันกว้างเกินไป เจ้าไม่สามารถเทียบได้แม้แต่นิ้วน้อยๆของข้า การที่ถูกชอบโดยคนแบบเจ้ามันก็เหมือนการดูถูกตัวข้าเอง!”

 

“เจ้าคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งเกินไปแล้ว! งี่เง่าชะมัด!” หลิงฮันส่ายหัว เห็นแก่เจ้าของร่างคนก่อน เขาจึงไม่อยากจะยุ่งกับผู้หญิงงี่เง่าคนนี้

 

“ด้วยพรสวรรค์ของข้า ข้าจะมีชื่อเสียงในอนาคตอย่างแน่นอน และต่อให้ข้าเป็นผู้หญิงข้าก็จะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา!” เซินจีอันพูดอย่างหยิ่งทะนงตัว

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอันใดอีกแล้ว ข้ารู้ว่าทุกอย่างที่เจ้าทำก็เพื่อดึงดูดความสนใจจากข้า แต่ขอโทษด้วย ข้าไม่มีทางหันมองตัวตนอันกระจ้อยร่อยเช่นเจ้า! ทุกๆอย่างระหว่างเราได้จบลงไปนานแล้ว!”

 

“ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ว่าข้าได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าร่วมกับสำนักฮูหยางเรียบร้อยแล้ว และข้าจะกลายเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของสำนักฮูหยางในปีหน้า!

เจ้าเป้นเพียงขยะยังจะกล้ามาชอบข้าอีกรึ? เจ้าไม่มีคุณสมบัตินั้น! ไม่มีคุณสมบัติ! ไม่มีคุณสมบัติ!”

 

เอาเถอะ นางจะพูดอะไรก็ตามใจนาง

 

ชอบนางงั้นรึ... อืม ดูๆแล้วหากนางจะคิดแบบนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา นางนั้นงดงามและมีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธ แน่นอนว่านางจะต้องเป็นที่ชื่นชมของคนอื่นๆ ถ้าลองพูดว่าเจ้าไม่ชอบนาง นั่นจะต้องเป็นการจงใจพูดตรงกันข้ามเพื่อเรียกร้องความสนใจจากนางอย่างแน่นอน

 

การที่หลงตัวเองขนาดนี้ นางช่างเป็นคนที่ประหลาดเสียจริง

 

ขนาดหลิงฮันยังตงอยู่ในความตะลึง หากเป็นปรกติเมื่อเขาต้องเผชิญกับคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้ เขาจะเข้าไปตบอย่างรุนแรงเลย

 

หลอมกายาขั้นเก้า... ค่อนข้างจะท้าทายแต่ก็ใช่ว่าจะชนะไม่ได้

 

ดวงตาของหลิงฮันส่องประกายเย็นเฉียบ แล้วเมื่อเขากำลังจะก้าวออกไป สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างงามที่กำลังเดินเข้ามายังลานฝึกต่อสู้อย่างช้าๆ

 

หลิวอู๋ตง!

 

นางเป็นสาวงามที่จะกลายเป็นจุดสนใจของทุกสิ่งในทุกที่ที่นางไป ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดโดยเรือนร่างอันงดงามของนางอย่างรวดเร็ว การแสดงออกของทุกคนกลายเป็นตกตะลึงในทันที... นางช่างงดงามยิ่งนัก!

 

แน่นอนว่าเซินจีอันเป็นหญิงสาวที่งดงาม แต่เมื่อเทียบกับคนคนนี้ นางนับว่าด้อยไปเลย ยิ่งกว่านั้นหญิงสาวคนนี้ยังมีท่าทางที่งดงามเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ ราวกับว่านางเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ หากเปรียบเทียบกันแล้ว เซินจีอันที่ถูกเรียกว่าสง่างามถูกบดบังรัศมีจนราวกับว่านางเป็นหญิงสาวชาวบ้านเลย

 

ในขณะนี้ มีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในใจของทุกคน... นางเป็นใครกัน?

 

นางเป็นเทพธิดาที่ลงมาจากสวรรค์? ความนางชอบนางช่างเย็นชาและสง่างามถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? ใครก็ตามที่มีความคิดใดๆต่อนาง พวกมันรู้สึกกับว่ากำลังดูหมิ่นเทพธิดาอยู่

 

ภายใต้สายตาอันตกตะลึงของทุกคน หลิวอู๋ตงได้เดินผ่านหลิงฮันไปโดยไม่หยุดแม้แต่ก้าวเดียว และยังเดินไปข้างหน้าต่อไปอีก

 

สำหรับพวกมันแล้วนี่นับเป็นเรื่องธรรมดา หากหลิวอู๋ตงหยุดตรงหน้าหลิงฮันจริงๆ พวกมันคงจะตกใจยิ่งกว่าเดิมอีก เพียงแค่เศษขยะ จะไปมีความสัมพันธ์อันใดกับเทพดาที่แสนเย็นชาและสง่างามนางนี้ได้อย่างไร?

 

เซินจีอันรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายงดงามจนทำให้แม้แต่นางก็รู้สึกถึงความด้อยกว่า ซึ่งทำให้นางอิจฉาจนแทบคลั่ง

 

อีกฝ่ายไม่ใช่เพียงงดงามมากกว่านางเล็กน้อย ทั้งรูปโฉม รูปร่างและท่าทางอีกฝ่ายเหนือกว่านางในทุกด้าน แม้ว่านางจะไม่อยากจะยอมรับมัน แต่นางก็ทำได้เพียงแอบกัดฟันเอาไว้เท่านั้น

 

หลิวอู๋ตงหยุดลงที่ด้านหน้าของเซินจีอันและด้วยการสะบัดของมือของนาง ได้เกิดเสียงตบขึ้นที่ใบหน้าของเซินจีอัน

 

“เพี๊ยะ!” เป็นเสียงที่ดังและก้องกังวาน

 

“เจ้า...” เซินจีอันถูกตบจนสับสน แต่นางก็ได้บันดาลโทสะขึ้นมาในทันที ด้วยการสะบัดมือมือขวาของนาง ฝ่ามือตบที่คล้ายกันพุ่งไปยังหลิวอู๋ตง

 

แต่ระดับหลอมกายาขั้นเก้าจะไปทำอะไรระดับรวมธาตุขั้นเก้าได้?

 

“เพี๊ยะ!” มือของหลิวอู๋ตงยกขึ้นและพุ่งออกไปอีกครั้ง การตบที่รุนแรงอีกครั้งทำให้เกิดเสียงบนใบหน้าของเซินจีอันเป็นครั้งที่สอง

 

ด้วยการตบสองครั้งนี้ ทำให้ทรงผมอันงดงามของเซินจีอันยุ่งเหยิง ใบหน้าของนางปูดบวมและดูเหมือนจะเจ็บปวดเล็กน้อย แต่แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธและเจตนามุ่งร้ายราวกับว่านางต้องการจะกลืนกินใครบางคน นางกรีดร้องเสียงแหลมพร้อมกับโจมตีหลิวอู๋ตงอีกครั้ง

 

แน่นอนว่ามันเป็นความพยายามที่สูญเปล่า

 

“เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!”

 

นางถูกตบซ้ำไปมา ราวกับว่านางเป็นตุ๊กตาที่ไร้ความสามารถในการตอบโต้

 

ทุกคนปากค้าง หญิงสาวสองนางนี้ดูแล้วอายุคงใกล้เคียงกัน แต่ทำไมความแตกต่างของพลังระหว่างทั้งสองถึงมากมายขนาดนี้? สาวงามผู้เย็นชานางนี้คือใครกัน และด้วยเหตุผลอันใดทำไมนางถึงได้ตบเซินจีอัน?

 

“เจ้ามีสิ่งใดกันที่ให้ภูมิใจกัน?” หลิวอู๋ตงถามอย่างไร้อารมณ์

 

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด