ตอนที่ 13 ความเสียใจของหลิงตงซิง
“ท่านพ่อ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน! ข้าจะทำให้ท่านภูมิใจในตัวข้า!” หลังฮันพูดออกไป
“เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม! เจ้าเป็นบุตรของข้าหลิงตงซิงจริงๆ!” หลิงตงซิงตื่นเต้นถึงขั้นที่มีน้ำตาไหลออกมา ถึงแม้มันจะไม่รู้ว่าการพบเจอแห่งวาสนาที่หลิงฮันได้รับมาเป็นแบบไหน แต่ตัวมันในตอนนี้รู้สึกได้เพียงความสุข ความตื่นเต้น และความยินดีเท่านั้น! มันไม่ต้องอะไรอย่างอื่นแล้วนอกจากประกาศให้ทั้งโลกรู้บุตรของมัน ไม่ใช่ขยะ!
หลิวอู๋ตงมองไปยังเหตุการณ์นี้ และด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ขอบตาของนางรู้สึกเปียกเล็กน้อย
“ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับท่าน!” หลิงฮันพาหลิงตงซิงไปยังมุมหนึ่งของลานบ้าน และให้หลิวอู๋ตงไปพักผ่อน มีบางเรื่องที่สามารถพูดได้กับบิดาของเขาเท่านั้น เพราะอย่างไรหลิวอู๋ตงก็ยังไม่ได้รับการยอมรับและความเชื่อใจจากเขาอย่างแท้จริง
“มีเรื่องอะไรกันเจ้าถึงต้องทำให้มันลึกลับแบบนี้?” หลิงตงซิงถามกลับไปด้วยร้อยยิ้มและความสงสัยเล็กน้อย มันสงสัยว่าเรื่องที่แม้แต่หลิวอู๋ตงก็ไม่สามารถฟังด้วยได้คือเรื่องอะไรกัน มันคิดไปเองแล้วว่าหลินฮันกับหลิวอู๋ตงเป็นคู่รักกันแล้ว
หลินฮันพูดออกไป “ท่านพ่อ ให้ข้าดูรากฐานวิญญาณของท่านหน่อย”
การดูรากฐานวิญญาณสามารถทำได้หลายวิธี แต่สำหรับคนที่อยู่ในระดับรวมธาตุ พวกเขาสามารถแสดงภาพลักษณ์ของรากฐานวิญญาณออกมาได้โดยไม่ต้องใช้วิธีอื่นช่วย
หลิงตงซิงขมวดคิ้วก่อนจะถาม “ทำไมกัน?”
“ข้าอยากจะหาทักษะบ่มเพาะที่เหมาะสมกับท่านที่สุด โดยการดูจากรากฐานวิญญาณของท่าน”
หลิงตงซิงช่วยไม่ได้ที่จะพูดไม่ออก ทักษะบ่มเพาะมากมายขนาดไหนกันที่บุตรของมันได้รับมาจนถึงขนาดที่สามารถเลือกทักษะที่เหมาะสมที่สุดกับรากฐานวิญญาณของแต่ละคนได้? ถ้ามันไม่ได้เห็นปาฏิหาริย์ของหลิงฮัน มันจะไม่เชื่อคำพูดของเขาแม้แต่น้อย
หลิงตงซิงส่ายหน้า แต่ไม่พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว
“ท่านพ่อ?” เมื่อหลิงฮันมองไปยังหลิงตงซิง เขาจึงรู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรที่แอบซ่อนไว้อยู่แน่
หลิงตงซิงถอนหายใจและพูดออกไป “ไม่ว่าจะเป็นทักษะบ่มเพาะอะไรมันก็ไร้ประโยชน์ รากฐานวิญญาณของข้าถูกทำลายไปแล้ว”
“อะไรกัน!” หลิงฮันพูดออกไปไม่ดังนัก แต่ใบหน้าของเขาได้ปรากฏความโกรธขึ้นมาในทันที “ใครเป็นคนทำ?”
หลิงตงซิงเป็นจอมยุทธ์ในระดับรวมธาตุ ไม่มีทางเลยที่รากฐานวิญญาณจะพิการมาตั้งแต่แรก ยิ่งกว่านั้นจากที่สรุปได้ดูเหมือนจะถูกทำให้พิการโดยใครบางคนด้วย
หลิงฮันเป็นคนที่จะต้องปกป้องพวกพ้องของตนเอง ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นบิดาของเขาเองด้วย เป็นธรรมดาที่หลิงฮันจะเต็มไปด้วยความความโกรธ
“เรื่องนี้... เกี่ยวข้องกับมารดาของเจ้า” หลิงตงซิงถอนหายใจ และใบหน้าของมันแสดงออกถึงความรักใคร่ ถึงแม้ดูเหมือนว่าจะมีความเสียใจและความแค้นปนอยู่ด้วยก็ตามที จะให้สั้นๆเลยคือ มันเป็นสีหน้าที่ซับซ้อนอย่างมาก
“มารดา?” หลิงฮันพึมพำ จากความทรงจำของร่างนี้ หลิงตงซิงไม่เคยเอ่ยถึงอะไรเกี่ยวกับมารดากับเขาให้เขาฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกๆครั้งที่เขาถามถึงมารดา หลิงตงซิงมักจะเปลี่ยนเรื่องคุยทันที สิ่งที่เขารู้มีเพียงอย่างเดียวคือมารดาของเขาเสียชีวิตหลังจากเขาเกิดมาได้ไม่นาน
“ในอดีต ข้าคิดว่าปัญหาเกี่ยวกับมารดาของเจ้าคงจะต้องฝังอยู่ในส่วนลึกในใจข้าไปตลอดการ แต่ตอนนี้...” หลิงตงซิงหยุดพูดไปชั่วขณะ
“ฮันเอ๋อร์ ถ้าเจ้าบรรลุถึงระดับรวมธาตุได้ภายในเวลาสามปี เมื่อตอนนั้นข้าจะบอกเรื่องของมารดาให้เจ้า”
“...นาง นางยังไม่ตาย!”
ความตื่นเต้นในใจของหลินฮันได้เพิ่มขึ้น สวรรค์ช่างใจกว้างกับเขาจริงๆ ไม่เพียงแต่จะมอบความรักของบิดาให้เขา แต่ยังมอบโอกาสให้เขาได้รับความรักจากบิดาด้วย! หลิงฮันหัวเราะอย่างเบิกบานใจและพูดออกไป “มันจะไปยากขนาดไหนกัน? ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาถึงสามปี ข้าสามารถทะลวงไประดับรวมธาตุได้ภายในสามเดือน!”
หลิงตงซิงสั่นไหว สามเดือนในการทะลวงจากหลอมกายาขั้นสี่ไปยังรวมธาตุ? มันเป็นไปได้รึ? ต่อให้เป็นตัวมันเอง ผู้ที่ครังหนึ่งเคยถูกกล่าวขานว่าสุดยอดอัจฮริยะแห่งเมืองหมอกเมฆา ยังต้องใช้เวลาถึงสองปีเต็มในการก้าวกระโดดครั้งใหญ่นี้
แต่เมื่อมันนึกถึงเรื่องที่หลิงฮันทะลวงสองขั้นเพียงในช่วงเวลาเจ็ดวัน... การจะทะลวงไปยังระดับรวมธาตุในเวลาสามเดือนก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้
มันตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะพูด “ยอดเยี่ยม ถ้าเจ้าสามารถทะลวงไประดับรวมธาตุได้ภายในสามเดือน เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง และเจ้าจะเป็นคนที่ไปช่วยมารดาเจ้า!”
ช่วย? นี่หมายความว่ามารดาของเขากำลังถูกขังอยู่ในที่ใดสักแห่ง ไม่แปลกเลยที่หลิงตงซิงจะหลอกเขาเสมอว่ามารดาของเขาได้เสียไปแล้ว มันเป็นเพียงการโกหกเพื่อตัวหลิงฮันเองนั่นเอง!
หลิงฮันพยักหน้า แต่ก็ยังพูดออกไปพร้อมรอยยิ้ม “ท่านพ่อไม่อยากไปช่วยท่านแม่ด้วยมือตัวเองรึ?”
ดวงตาอันดุดันของหลิงตงซิงเปิดกว้าง แสดงออกถึงความตื่นเต้นและสงบลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง “รากฐานวิญญาณของข้าถูกทำลายไปแล้ว เพียงแค่การจะฟื้นฟูปราณต้นกำเนิดข้ายังต้องใช้โอสถคืนกำเนิดเลย ไม่มีทางที่ข้าจะก้าวหน้าต่อไปได้อีกแล้ว! และการจะช่วยมารดาของเจ้าจำเป็นต้องมีพลังบ่มเพาะอย่างน้อยในระดับบุปผาผลิบาน”
นอกจากระดับทลายมิติในตำนาน มีระดับฝึกตนอยู่ทั้งหมดเก้าระดับ โดยเรียงตามลำดับดังนี้ หลอมกายา , รวมธาตุ , ก่อเกิดธาตุ , ห้วงจิตวิญญาณ , แก่นแท้จิตวิญญาณ , บุปผาผลิบาน , ตัวอ่อนวิญญาณ , ก้าวสู่เทวา และระดับสวรรค์
ระดับที่หก บุปผาผลิบาน มันเป็นอย่างไรนะรึ?
จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลใหญ่แห่งแคว้นพิรุณอยู่เพียงในระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ และจากข่าวลือต่างๆ ตระกูลจักรพรรดิได้มีจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งในระดับบุปผาผลิบานเพื่อคอยเฝ้าจัดการการปกครองในส่วนกลาง ในการตรวจสอบตระกู,ใหญ่ทั้งแปด เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันไม่มีความคิดพยายามจะทำอะไรที่น่าขัน
บุคคลที่พลังบ่มเพาะบรรลุถึงระดับบุปผาผลิบานจะสามารถมีแคว้นเป็นของตนเองเพื่อสืบทอดต่อไปยังลูกหลานได้!
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงจอมยุทธ์ในระดับสวรรค์ แค่ระดับบุปผาผลิบานจะเป็นอันใดไปได้? อีกทั้งในชีวิตนี้ ปัจจัยหลายๆอย่างของเขามันยอดเยี่ยมกว่าเดิมเสียอีก ทั้งรากฐานวิญญาณนิรันดร์ คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์...
ยิ่งกว่านั้น เขาที่เคยทะลวงผ่านระดับทั้งเก้ามาแล้ว จึงไม่มีทางที่เขาจะพบกับคอขวดอะไรทั้งสิ้น และทักษะปรุงยาอันยอดเยี่ยมของเขายังสามารถมอบเม็ดยาโอสถรวมถึงสมุนไพรทุกรูปแบบให้กับเขาได้อีก
สามสิบปี หรืออย่างมากสุดก็ห้าสิบปี เขาจะสามารถกลับไปยังจุดสูงสุดอีกครั้ง!
หลิงฮันหัวเราะ “ท่านพ่อ รากฐานวิญญาณเป็นส่งนหนึ่งของรากกาย เรื่องที่ว่าไม่สามารถรักษารากฐานวิญญาณได้น่ะไม่มีหรอก ขอให้ข้าได้ดูหน่อยเถอะ”
หลิงตงซิงมองไปยังหลิงฮันชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด “เยี่ยมมาก!” มันยกแขนทั้งสองข้างขึ้นราวกับกำลังยกอะไรบางอย่างอยู่ และด้วยการสั่งด้วยจิต มันเปิดเผยภาพรากฐานวิญญาณที่อยู่ในตันเถียนออกมาเห็น
หลิงฮันตกตะลึงเล็กน้อย น่าตกใจที่รากฐานวิญญาณของหลิงตงซิงเป็นระดับสวรรค์ขั้นต่ำ ธาตุทองคำ “ดาบสลายคม” ไม่แปลกเลยที่ถึงแม้รากฐานวิญญาณของหลิงตงซิงจะถูกทให้ทำพิการมานานแล้ว มันก็ยังอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า นั่นเป็นเพราะความเร็วในการบ่มเพาะของมันรวดเร็วมาก และการบ่มเพาะได้บรรลุมาถึงขั้นนี้นานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ดาบสลายคมได้สูญเสียใบดาบของมันไปแล้ว เหลือไว้เพียงด้ามจับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่มีทางเลยที่มันจะสามรถดูดซับพลังวิญญาณต่อไปได้ มันเกือบจะถูกทำลายไปอย่างแท้จริง
การพังทลายของรากฐานวิญญาณก็หมายถึงว่าการพัฒนาด้านการบ่มเพาะจะไม่สามารถก้าวหน้าได้อีก
แต่การจะฟื้นฟูมันนั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยสำหรับหลิงฮัน
“ท่านพ่อ รากฐานวิญญาณของท่านยังสามารถรักษาได้ แต่ในตอนนี้ข้ายังไม่มีวัตถุดิบสมุนไพรที่จำเป็นในมือ ข้าต้องใช้เวลาสักหน่อย”
มีความหวังจริงๆรึ?
หลิงตงซิงกำหมัดแน่น ถ้ามันทำได้ มันต้องการจะไปช่วยภรรยาของมันจากความทรมานในนรกด้วยตัวมันเองอย่างแน่นอน แต่เพราะรากฐานวิญญาณมันถูกทำลาย ทำให้มันทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับบุตรมัน
ในอดีต เมื่อตอนที่รากฐานวิญญาณของหลิงฮันตื่นขึ้น และมันถูกเปิดเผยว่าเป็นรากฐานวิญญาณห้าธาตุปั่นป่วน หลิงตงซิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวด ตั้งแต่ตอนนั้นมา มันจึงยอมทิ้งความหวังและหลอกหลิงฮันโดยบอกว่ามารดาเขาได้เสียไปแล้ว และแบกความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้กับตัวเอง
“ฮันเอ๋อร์ ที่เจ้าพูดเป็นความจริงรึ?” มันถามด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“แน่นอน มันคือความจริง” หลิงฮันตอบด้วยความจริงจัง “ให้เวลาข้าสามปี ไม่สิ สองปี แล้วข้าจะหาวัตถุดิบสมุนไพรและหลอมยามารักษารากฐานวิญญาณของท่านพ่อให้เอง”
หลิงตงซิงพูดอย่างดีใจ “ดีมาก เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราสองพ่อลูกจะร่วมมือกันเพื่อไปช่วยมารดาของเจ้าและครอบครัวเราจะกลับมารวมกับอีกครั้ง”
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า
“แต่อย่างไร เจ้าก็ยังต้องไปสำนักฮูหยางแต่โดยดี!” หลิงตงซิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที
หลิงฮันช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้านิดหน่อย เขาแสดงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมขนาดนั้นออกมาแล้วแท้ๆ ทำไมตาแก่นี่ยังไม่เชื่อในตัวเขาอีกนะ แถมยังบังคับให้เขาไปสำนักฮูหยางอีก? แต่บิดาเขาก็หวังดีและทำเพื่อตัวหลิงฮันเอง
ในเมื่อบิดาเขาอยากจะให้เขาไปขนาดนั้น งั้นเขาจะไปก็ได้ มันไม่สำคัญอยู่แล้วว่าเขาจะบ่มเพาะพลังที่ไหน ยิ่งกว่านั้นเมืองหมอกเมฆาเองก็เล็กเกินไป และไม่สามารถหาทรัพยากรบ่มเพราะที่เขาต้องการได้