ตอนที่ 120 ความลับของภาพภูเขาและแม่น้ำ (FREE)
ความรู้สึกในตอนนั้นช่างแปลกประหลาด จู่ๆร่างของเขาก็หายไป หรืออาจเรียกได้ว่าไม่ได้หายไปทั้งหมด แต่หายไปแค่บางส่วน
หรือว่าเขตแดนจะอ่อนแรงลง?
ในขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังเต็มไปด้วยความเบิกบานใจอยู่นั้น ทันใดนั้นเองน้ำหนักของภูเขาก็กลับมากดทับบนร่างเขาอีกครั้ง
นอกจากนี้มันยังดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ผลของเขตแดนไม่ได้ลดลง....
อย่าบอกนะว่าข้าแค่คิดไปเอง? ไม่จริง เมื่อกี้ข้าก้าวเดินไปข้างหน้าได้จริงๆ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทันได้คิดต่อ คลื่นพลังสีแดงรูปจันทร์เสี้ยวก็พุ่งมาหาเขาอีกครั้ง ฟาง เจิ้งจือ ตกใจมาก เขาทำได้แต่โบกดาบไปมาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกัน
"ตูม..ตูม...ตูมตูม "
หลังจากการปะทะกัน ฟาง เจิ้งจือ ก็ถอยห่างออกมาอีกครั้ง
ความโศกเศร้าภายในใจของเขาหายไปอีกครั้ง
เมื่อ กี้เขาสามารถถอยหลังมาได้ ความแปลกใจปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้มันชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
ต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง!
ฟาง เจิ้งจือ เกือบจะมั่นใจแล้วว่า การกดทับบนร่างของเขาลดลงบ้างแล้ว ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็พอสัมผัสได้
ขณะที่เขากำลังดีใจอยู่ น้ำหนักก็กดทับลงมาอีกครั้ง
หัวใจของ ฟาง เจิ้งจือ เริ่มเหนื่อยใจ...
รอเดี๋ยวก่อนสิ บางอย่างไม่ถูกต้อง! ความรู้สึกที่เขาได้รับเป็นของจริง น้ำหนักที่เขาได้รับไม่ได้เป็นเพราะ เหยียน ซิว แต่เป็นเพราะตัวเขาเอง?
ความเศร้าลดแรงกดดัน
ความสุขเพิ่มแรงกดดัน?!
ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ เริ่มลุกวาวขึ้น ใช่แล้ว!
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นกัน?
และเขาจะหาความเศร้าได้ยังไง?
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่ามันค่อนข้างขัดแย้ง แม้ว่าเขาจะพบกับวิธีนี้ แต่เขาเชื่อว่าวิธีนี้มันต้องมีเหตุผลเบื้องหลังบางอย่างคงไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เพราะฉะนั้นความลับนี้ต้องอยู่ในภาพภูเขาและแม่น้ำแน่นอน
ภาพภูเขา แม่น้ำ ...
โดยทั่วไป ในการต่อสู้อันดุเดือด ไม่มีใครคิดจะสนใจถาพวาดที่เกิดขึ้นจากแสงนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆสังเกตุมันอย่างระมัดระวัง
เริ่มจาก ภูเขาแต่ละลูก แม่น้ำ ต้นไม้ใบหญ้า
จากนั้นก็พบว่ามันมีบางอย่างที่น่าสงสัย..
ดูเหมือนจะเป็นภาพวาดจากหมึก เพราะว่าสีของภูเขามันไม่ใช่สีเขียวอันสดใส แต่เป็นสีดำของหมึกจีน นี่เป็นภาพเขียนสีหมึกของจีน
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก
แต่อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกประหลาดใจ
ถ้าใครก็ตามต้องการสร้างเขตแดนขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง ทำไมไม่ใช้สีของภูเขาตามความเป็นจริง? แต่ทำไมถึงใช้สีดำ?
ในขณะที่เขาคิด...
ฟาง เจิ้งจือ หันไปดูรอบๆ และพบกับความตกใจเป็นอย่างมาก
"นี่ไม่ใช่ภาพภูเขาแม่น้ำ!"
ภูเขาที่เป็นสีดำนั่นคือผมดำของหญิงสาว แม่น้ำที่เป็นสีเงินสว่างนั่นคือผมสีขาวอมเทา ผมสีดำพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด ข้าจะรออย่างเงียบๆด้วยหัวใจของข้าให้ท่านมาเติมแต่งมันอีกครั้ง!
ภาพวาดของบรรพบุรุษตระกูลเหยียนวาดขึ้นจากคำพูดของนาง
ภูเขาแม่น้ำคือหญิงสาว, หญิงสาวคือภูเขาแม่น้ำ ...
เขาเป็นเอาแต่คิดคำนึงถึงนาง เขาได้วาดนางแฝงลงไปในภาพภูเขาและแม่น้ำ! ข้ารู้แล้ว!
ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ สว่างขึ้น
เขาจำได้ว่าอารมรมณ์ของ เหยียน ซิว ตอนที่ใช้ พัดภูเขาและแม่น้ำ สวรรค์และพื้นโลก เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ดังนั้นพลังของภาพนี้ต้องเกิดมาจากความโศกเศร้าแน่นอน
หากเป็นเช่นนี้ ...
ยิ่งเขาต่อต้านและปฏิเสธมันมากเท่าไหร่ น้ำหนักกดทับบนร่างของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
มันผิดพลาดตั้งแต่เริ่มแรก มันไม่ใช่แรงกดทับ แต่เป็นเพราะเขาดูดซับ ดูดซับความเศร้าโศกเข้าไปในร่างกาย
ทันทีที่เขาคิดออก ฟาง เจิ้งจือ ตัดสินใจที่จะลองพยายามรู้สึกเสียใจดู แต่การที่จะเสียใจโดยไม่มีเหตุผลอะไรมันช่างยากเหลือเกิน...
เขาต้องหาตัวช่วยสักหน่อย
"รักคืออะไร? ทำไมความรักทำให้คนเป็นบ้าได้?"
"จากกันไปไกล"
"อยู่ด้วยกันมีความสุข แยกห่างกันเต็มไปด้วยความขมขื่น ทิ้งไว้เพียงความคิดถึง"
เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังทั่วสนามประลอง
ทำให้ผู้เข้าสอบโดยรอบรู้สึกสับสน
"ฟาง เจิ้งจือ พยายามจะทำอะไรกัน? เขายังมีอารมณ์มาท่องบทกวีในเวลาแบบนี้ได้อีก?! "
"ข้าคิดว่าเขาน่าจะยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว... "
ในตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ เต็มไปด้วยความรู็สึกเศร้าหมอง พยายามจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับภาพภูเขาและแม่น้ำ
เขาไม่ทันได้สังเกตุ เหยียน ซิว เลยแม้แต่น้อย ไม่นานนัก เขาก็สามารถบีบน้ำตาออกมาได้และเข้าสู่บทบาทของชายหนุ่มผู้เศร้าสร้อย
ตามที่เขาคาดไว้
เมื่อเขายิ่งรู้สึกเศร้าเสียใจมากเท่าไหร่ น้ำหนักที่กดทับเขาอยู่ก็ยิ่งลดลงเท่านั้น ราวกับภาพภูเขาและแม่น้ำเข้าใจความรู้สึกของเขา
เมื่อความกดทับบนร่างลดน้อยลง ฟาง เจิ้งจือ อยากจะตะโกนออกมาอย่างมีความสุขว่า ข้าสามารถเอาชนะภาพภูเขาและแม่น้ำนี้ได้แล้ว แต่ก็เขาก็ไม่สามารถแสดงอารมณ์ที่มีความสุขเช่นนั้นออกมาได้
เพราะว่า…
เมื่อเข้าเริ่มมีความสุข เขาจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
มันค่อนข้างอึดอัดเลยทีเดียว แต่เพื่อที่จะได้รับชัยชนะ ฟาง เจิ้งจือ ก็ต้องทำ
ในเวลาต่อมา เมื่อรู้สึกว่าความกดทับลดน้อยลงจนเกือบสมบูรณ์แล้ว ฟาง เจิ้งจือ ก็เงยหน้ามองไปที่ เหยียน ซิว ด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
และดูเหมือนว่า ฟาง เจิ้งจือ จะหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ
เหยียน ซิว มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความไม่เชื่อ...
"เข้ามาเลย!" ฟาง เจิ้งจือ เปล่งเสียบแหบๆออกไป เขาสร้างหมัดแห่งความตายขึ้นมา
เขาถือโอกาสลองสร้างวิชาขึ้นมาจากความเศร้า อยากรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
ด้วยความคิดนั้น เขาเริ่มเคลื่อนไหว
ร่างของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้าและความเร็วนั้นก็พุ่งทะยานขึ้นไปถึงจุดสูงสุด
มันเร็วมากเสียจนผู้เข้าสอบรอบๆและผู้คุมสอบตอบสนองไม่ทัน
"เขาเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน!?"
"ความกดดันจากภาพภูเขาและแม่น้ำหายไปไหนกัน!?"
เหล่าผู้ทดสอบแล้วผู้คุมสอบต่างตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้น
และตอนนั้นเอง ฟาง เจิ้งจือ ก็ได้เข้าไปถึงตัวของ เหยียน ซิว ฟาดฟันดาบสีขาวหยก แสงสีขาวบริสุทธิ์ปะทุขึ้นมาราวกับน้ำท่วมจากภูเขา
เหยียน ซิว ตกตะลึง แต่เขาก็ยังสามารถถอยหนีออกมาได้ทัน
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้คิดจะปล่อยให้ เหยียน ซิว หนีไปได้ เขาไม่สามารถสร้างความเสียใจขึ้นมาได้ตลอดเวลา
ดังนั้นเขาต้องจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุดก่อนความเศร้าของเขาจะหายไป
เขาไม่สนใจในวิชาใดๆ
มันเป็นการต่อสู้ที่เกิดจากความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง
จากมุมมองของผู้คนภายนอก ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ใช่ ดาบมรณะ แต่เป็นใช้ ดาบปิศาจคลั่ง มากกว่า...
"ข้าจะฆ่าฆ่าฆ่า ... " ฟาง เจิ้งจือ โบกดาบไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ดวงจันทร์บนฟากฟ้าสว่างขึ้น สว่างขึ้น จนแสงของมันส่องสว่างไปทั่วพื้นลานประลอง
ส่วนดวงอาทิตย์นั้น
ดูเหมือนว่าจะให้ดวงจันทร์ยืมแสงมากเกินไป จนตัวมันเองค่อยๆจางลง
"ตูมมม!"
ในที่สุด ดาบของ ฟาง เจิ้งจือ ก็ฟันถูกกลางหน้าอกของ เหยียน ซิว ร่างของเขากระเด็นไปไกลที่ด้านหลัง และหลุดออกไปจากลานประลอง แต่เขาก็รีบลุกขึ้นมาอย่างทันที
ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย
เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่ก็ไม่ทันได้พูดอะไร
เขาก็ไม่ได้ถอยหนี เขาเริ่มโจมตี ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง
ดวงอาทิตย์สีแดงส่องแสงออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
ดวงจันทร์ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ
แสงสีขาวและแสงสีแดง เส้นแสงที่มากมายพุ่งตัดกันไปมา ราวกับทั่วลานประลองประดับไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วน ฉากที่เกิดขึ้นช่างน่าตื่นตะลึงจนผู้เข้าสอบและผู้คุมสอบต่างมองตาค้าง
"การทดสอบระดับเมืองหลวง...นี่เป็นระดับของการทดสอบระดับเมืองหลวงจริงๆงั้นหรือ?"
ไม่มีใครคิดว่านี่เป็นเพียงแค่การต่อสู้ของการทดสอบระดับเมืองหลวงเลย เพราะแม้แต่การทดสอบจักรพรรดิ ยังไม่มีฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจขนาดนี้
ในลานประลอง เงามากมายต่างพุ่งเข้าหากัน
หลังจากการปะทะกันอย่างรุนแรง
เงาที่มากมายได้หายวับไปเหลือเพียงแค่ร่างทั้งสองอยู่ที่มุมของลานประลอง
ชุดเกราะของ เหยียน ซิว พังยับเยินและมีเลือดไหลออกมา เส้นผมของเขาดูยุ่งเหยิงและหน้าผาเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ เขารู้สึกหัวใจเริ่มเต้นแรง เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและหายใจเข้าลึกๆ
สำหรับคนตระกูลเหยียน การที่ไม่สามารถคุมการหายใจได้อย่างปกติ แสดงว่าร่างกายของเขาใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว
ในทางตรงกันข้าม ฟาง เจิ้งจือ ก็ดูไม่สู้ดีเท่าไรนัก เกราะทะเลหยกเต็มไปด้วยรอยฟาดฟัน เลือดไหลตามแขนและขาของเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ
ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นหยดเหงื่อหรือหยดน้ำตา
การต่อสู้ในลานประลอง...
มันเป็นการวัดความอดทนว่าใครจะเหนื่อยก่อนกัน!
ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจเรื่องนี้ดี ถ้ายังดึงดันต่อสู้กันต่อไปเช่นนี้จะทำให้ทั้งคู่ต้องบาดเจ็บอย่างแน่นอน
"ข..ข้า..ใช้พลังไปจนหมดแล้ว!" เสียงของ เหยียน ซิว ค่อยๆดังออกมา อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขานั้นเต็มไปด้วยความจริงใจและนับถือคนที่เป็นสหาย
"ข...ข้ายังมีอีกวิชาหนึ่งที่ข้าจะใช้!" ฟาง เจิ้งจือ กลั้นลมหายใจแล้วพยายามรักษาความเศร้าโศกบนใบหน้าเอาไว้
"พวกเราเป็นสหายกัน! หากเจ้าต้องการ..จงใช้มันออกมา! " เหยียน ซิว คว้า พัดภูเขาและแม่น้ำ สวรรค์และพื้นโลก ไว้ในมืออย่างแน่นหนา ความตกใจปรากฎขึ้นมาบนดวงตาของเขาเล็กน้อย ก่นจะหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาเชื่อ ฟาง เจิ้งจือ ถ้า ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนพูด แสดงว่าเขายังเหลือบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้อยู่แน่นอน
"ข้าคิดว่ามันจะเป็นอันตรายต่อเจ้า!" ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวเบาๆ
"เจ้ายังไม่กลัวบาดเจ็บ ข้าในฐานะของลูกผู้ชายตระกูลเหยียนจะมากลัวเสียเลือดได้ยังไงกัน?" การแสดงออกของ เหยียน ซิว เปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างมาก
"งั้น ... ระวังด้วย!" เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ พูดจบ ทั่วทั้งลานประลองเต็มไปด้วยแสงสีขางราวกับดวงดาวอันสดใสทั้งหมดในทางช้างเผือกมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
เพจหลัก : Double gate TH