ตอนที่แล้วตอนที่ 10 รักษารากฐานวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 การกลับมาของบิดา

ตอนที่ 11 ระดับหลอมกายาขั้นสี่!


ในที่สุดเขาก็เริ่มบ่มเพาะได้สักที!

 

หลิงฮันรอมานานถึงสามวัน รวมไปถึงการรอคอยอันแสนยาวนานถึงหมื่นปีของเขา จึงไม่แปลกที่เขาจะนั่งในท่าขัดสมาธิเพื่อบ่มเพาะในทันทีเมื่อเขารู้ตัวว่าในที่สุดก็สามารถเริ่มฝึกฝนได้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อขณะที่เขากำลังจะเริ่มโคจรทักษะห้าธาตุสวรรค์ เขาชะงักไปชั่วครู่และยืนขึ้นพร้อมกับเปิดประตูห้องของเขาแล้วเข้าไปยังสวนด้านนอก

 

หลิวอู๋ตงยังปิดด่านฝึกตนเพื่อทะลวงผ่านระดับรวมธาตุขั้นเก้าอยู่ในห้องส่วนใน ถ้าเขาเริ่มบ่มเพาใกล้นางเกินไป เขาจะไปรบกวนสภาวะวิญญาณในพื้นที่ห้องเล็กๆและส่งผลต่อการบ่มเพาะของนางได้

 

เห็นรึยัง? เขาช่างเป็นเจ้านายที่นึกถึงลูกน้องจริงๆ!

 

หลิงฮันนั่งขัดสมาธิที่ลานบ้าน ซึ่งลานบ้านนี้เป็นของหลิงตงซิง บิดาของเขา ด้วยฐานะของผู้นำตระกูลหลิง จึงเป็นธรรมดาที่ลานนั้นจะใหญ่มาก แต่หลิงฮันได้ให้คนรับใช้คนอื่นๆออกไปและอณุญาติให้เพียงบางคนนำอาหารสามมื้อต่อวันมาส่งให้เท่านั้น

 

เอาล่ะ ให้ข้าได้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของรากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์หน่อยเถอะ!

 

ด้วยการสั่งการทางจิตจากหลิงฮัน รากฐานวิญญาณของเขาเบ่งบานราวกับดอกไม้ในทันที ดอกบัวแห่งเต๋า ความสมดุลในธาตุทั้งห้า... นี่คือรูปร่างที่สมบูรณ์ที่สุดของรากฐานวิญญาณ!

 

‘ฟูมม!’ พลังวิญญาณพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางในทันที เป็นพลังวิญญาณที่เข้มข้นเกินกว่าจะเปรียบได้

 

ห้าธาตุของโลก ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และ ดิน ทั้งห้าธาตุที่แตกต่างกันของพลังวิญญาณพุ่งเข้ามายังร่างกายของเขาอย่างไม่สิ้นสุด ราวกับม้าที่กระหายน้ำกำลังดื่มน้ำจากบ่อ

 

โดยปรกติแล้ว คนเราจะไม่สามารถดูดซับพลังวิญญาณได้มากกว่าธาตุเดียวเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอมธาตุมากกว่าหนึ่งธาตุไปพร้อมๆกัน เพราะงั้นผู้ฝึกตนจึงมักจะมุ่งเน้นบ่มเพาะเพียงธาตุของตนเพียงธาตุเดียว

 

ยกตัวอย่างเช่น มีบางคนที่ครอบครองรากฐานวิญญาณที่มีธาตุคู่ของไฟและดิน และหากส่วนของธาตุไฟแข็งกว่าเล็กน้อย นั่นหมายความว่าความเร็วในการดูดซึมพลังวิญญาณธาตุไฟจะสูงกว่า เพราะงั้นคนๆนั้นจึงจำเป็นต้องมุ่งเน้นในการหลอมพลังวิญญาณธาตุไฟเท่านั้น และจะไม่สามารถรับพลังวิญญาณทั้งไฟและดินเข้ามาพร้อมกันได้

 

อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของดอกบัวหายนะห้าธาตุผสานคือมันสามารถยับยั้งและรวมผสานธาตุทั้งห้าได้ รวมถึงทำให้ธาตุที่แตกต่างกันทั้งห้าสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้

 

แต่ว่าการดูดซับพลังวิญญาณนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การหลอมพลังวิญญาณก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มีเพียงทักษะระดับสวรรค์ห้าธาตุสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำทั้งสองอย่างได้

 

ทักษะบ่มเพาะนี้สิ่งที่ใครก็สามารถควบคุมได้ มันจำเป็นต้องมีการแยกสัมผัสสมาธิในระดับสูงและต้องไม่มีข้อผิดพลาดอะไรแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้น ปราณต้นกำเนิดจะไหลผ่านทางที่ผิดได้ ความผิดพลาดเล็กๆอาจจะทำให้กระอักเลือดออกมาเล็กน้อย แต่หากผิดพลาดอย่างร้ายแรงจะทำให้ตายในทันที

 

รากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์ ทักษะระดับสวรรค์และสุดยอดพลังควบคุม... ด้วยสามสิ่งนี้รวมกันเท่านั้นถึงจะทำให้คนที่ครอบครองดอกบัวหายนะห้าธาตุผสานสามารถฝึกฝนทักษะห้าธาตุสวรรค์ได้ การที่สามารถมีคุณสมบัติขั้นสูงที่จำเป็นครบแบบนี้... คงจะนึกภาพความเร็วในการบ่มเพาะของหลิงฮันออกได้เลย

 

พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาและร่างของหลิงฮันได้สร้างปราณต้นกำเนิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับหลอมทั้งเลือด กล้ามเนื้อ เส้นเลือดและกระดูกของเขา

 

จอมยุทธ์ในระดับหลอมกายาจะยังไม่ได้เปิดตันเถียนของตัวเอง เพราะงั้นเขาจึงทำได้เพียงเก็บพลังปราณต้นกำเนิดไว้ที่เลือด กล้ามเนื้อ และกระดูกเท่านั้น มีเพียงเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ระดับรวมธาตุเขาถึงจะเปิดตันเถียนของเขาได้และสร้างโลกเล็กๆภายในร่างกายเพื่อเป็นที่อยู่ของพลังปราณต้นกำเนิด

 

ในชีวิตก่อน เขาคือจอมยุทธ์สุดแกร่งในระดับสวรรค์ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดในวิถีแห่งการบ่มเพาะ ยิ่งตอนนี้เขาครอบครองรากฐานวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกและฝึกฝนทักษะที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่แปลกเลยที่ความเร็วในการหน้าของเขาจะเป็นเหมือนกับติดปีกบินสู่นภา

 

ระดับกลางของหลอมกายาขั้นสอง... ระดับปลาย...ระดับสูงสุด... ด้วยการสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยของร่างกาย ก็ทะลวงผ่านอุปสรรคในการเข้าสู่หลอมกายาขั้นสามทันที

 

เร็วมาก!

 

หลิงฮันพยักหน้าอย่างลับๆ ในชีวิตที่แล้วเขาครอบครองรากฐานวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูง แต่เขาก็ยังต้องใช้เวลาถึงยี่สิบวันเพื่อเลื่อนจากขั้นสองไปขั้นสามในระดับหลอมกายา แต่มันก็ไม่ใช่เพราะว่าเมื่อเทียบกันแล้วรากฐานวิญญาณระดับสวรรค์แย่กว่าระดับนิรันดร์มากขนาดนั้น แต่เป็นเพราะเมื่อตอนนั้นหลินฮันฝึกฝนเพียงทักษะบ่มเพาะระดับเหลืองขั้นสูง

 

ตัวเขาในตอนนี้นั้นราวกับว่ายืนอยู่บนไหล่ของยักษ์ ไม่มีทางที่ตัวเขาในชีวิตก่อนจะมาเทียบเรื่องจุดเริ่มต้นกับตัวเขาในตอนนี้ได้

 

เขาไม่คิดที่จะหยุดแค่นี้ เข้ามุ่งมั่นหลอมพลังวิญญาณจากธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนมันให้เป็นปราณต้นกำเนิดของร่างกาย

 

หลอมกายาขั้นสามระดับต้น... ระดับกลาง...ระดับปลาย...ระดับสูงสุด ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เขาไปถึงขีดจำกัดของขั้นที่สามของหลอมกายา

 

แต่หลังจากใช้เวลายาวนานในการบ่มเพาะ พลังจิตใจของเขาหมดไปเยอะมาก เพราะสิ่งที่จำเป็นในการควบคุมทักษะห้าธาตุสวรรค์นั้นสูงเป็นอย่างมาก

 

ถ้าเขายังบ่มเพาะต่อไป เขาสามารถหลอมปราณต้นกำเนิดพลาดได้ตลอดเวลา ซึ่งมีแต่จะนำอันตรายมาให้เขา

 

แต่ในเมื่อเขาเพิ่มระดับมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อยากจะทะลวงผ่านขั้นสี่ของหลอมกายาให้ได้ในวันนี้!

 

ขั้นที่สามยังนับว่าเป็นส่วนต้นของหลอมกายา ในขณะที่ขั้นที่สี่เป็นขั้นกลาง นี่เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ไม่ใช่การทะลวงผ่านขั้นหนึ่งไปอีกขั้นหนึ่งแบบง่ายๆ

 

สำหรับคนธรรมดาแล้ว การคิดที่จะทะลวงผ่านสองขั้นในเวลาสั้นๆ มันเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าอย่างไร การที่จะทะลวงขั้นจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองหรือสามวันเพื่อที่จะเก็บรวบรวมปราณต้นกำเนิด อย่างไรก็ตาม หลิงฮันเคยเป็นจอมยุทธ์ระดับสวรรค์ในชีวิตที่แล้ว เพราะงั้นสำหรับเขาจะไม่มีคอขวดจนถึงระดับสวรรค์

 

“ทะลวงผ่าน!”  เขาเข่นเสียงทางจมูกเบาๆ และได้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในร่างของเขา ด้วยการสั่นสะเทือนเบาๆของร่างกาย เขาได้ทะลวงผ่านอีกครั้ง

 

‘ขั้นที่สี่ของหลอมกายา ในที่สุดก็สามารถโอ้อวดให้คนอื่นเห็นได้แล้ว ‘  เขาเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ถึงแม้การบ่มเพาะในขั้นนี้จะไม่นับว่าสูงมากในคนอายุเท่ากัน แต่การทะลวงผ่านติดต่อกันสองขั้นเล็กๆภายในคืนเดียวก็ยังถือเป็นสิ่งที่ทำให้เขาพึงพอใจ

 

ยิ่งกว่านั้น ทักษะบ่มเพาะที่เขากำลังใช้อยู่คือทักษะระดับสวรรค์ ปราณต้นกำเนิดของเขาจึงบริสุทธิ์อย่างมาก คุณภาพของมันสูงเกินกว่าคนอื่นๆ ด้วยพลังของขั้นสี่ระดับหลอมกายาของเขามันสามารถเทียบได้กับพลังของบางคนในระดับสูงสุดของขั้นห้า หรือแม้กระทั้งขั้นหก!

 

‘นอน!’ เขาขึ้นเตียงทันที จากการใช้พลังจิตใจไปจำนวนมาก เขาหลับไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมันเป็นการกึ่งหลับโดยที่สติเขายังระวังภัยอยู่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ทำให้หากมีอะไรมารบกวนเพียงเล็กน้อยเขาจะตื่นในทันที

 

คำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว  เขาถูกปลุกให้ตื่นโดยความผันผวนของปราณต้นกำเนิด

 

เขาลุกขึ้นนั่งทันที แสดงออกถึงการระวังภัย แต่ก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่การโจมตีของศัตรูแต่เป็นหลิวอู๋ตงที่ทะลวงระดับผ่าน!

 

การที่ทะลวงผ่านจากขั้นแปดไปขั้นเก้าของระดับรวมธาตุภายในสามวัน พรสวรรค์ของนางช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ในทุกๆระดับ ยิ่งสูงขึ้นไปเท่าไหร่ก็ยิ่งยากที่จะทะลวงผ่านขึ้นไปอีก มันก็เหมือนกับคนที่ภายเรือทวนกระแสน้ำ

 

ผ้าม่านตรงทางเข้าเปิดออกด้วยเสียงเบาๆ และเขาเห็นหลิวอู๋ตงเดินออกมา พลังงานผันผวนอันแข็งแกร่งปรากฏอยู่รอบร่างของนาง นางเพิ่งจะทะลวงผ่านและยังไม่สามารถควบคุมพลังที่อัดแน่นอยู่รอบตัวนางได้อย่างสมบูรณ์

 

“ข้าทะลวงผ่านแล้ว!” นางบอกกับหลิงฮัน นางมีความปิติและความภาคภูมิใจบนใบหน้าของนาง

 

ใช้เวลาสามวันในการอุดช่องว่างระหว่างสองระดับ ยิ่งกว่านั้นที่ยากที่สุดคือทะลวงขั้นแปดไปยังขั้นเก้า ก็สมควรแล้วที่จะเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจ

 

นางมองไปยังหลิงฮัน คาดหวังที่จะได้ฟังคำชมจากปากของคนอื่น

 

อย่างไรก็ตาม ความสุขและความภาคภูมิใจของนางได้หายไปอย่างรวดเร็ว อารมณ์บนใบหน้าของนางราวกับว่าเห็นผีมา นางชี้นิ้วไปทางหลิงฮันแล้วพูด “เจ้า เจ้า เจ้า... เจ้าอยู่ในขั้นสี่ของหลอมกายาแล้ว!”

 

นางจำได้ชัดเจนว่า ก่อนที่นางจะเก็บตัวฝึกฝน หลิงฮันอยู่เพียงระดับหลอมกายาขั้นสอง ยิ่งกว่านั้นสมุนไพรของจูเฮอซินเพิ่งจนมาส่งเช้าเมื่อวานเอง! หากคิดดีๆแล้ว จากตอนที่รากฐานวิญญาณของเขาฟื้นฟูจนกระทั่งถึงตอนที่เขาทะลวงผ่านหลอมกายาขั้นสี่ หลินฮันใช้เวลาไปเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนเท่านั้น!

 

ใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนในการทะลวงผ่านสองขั้นย่อย หากเปรียบเทียบกันแล้ว การที่นางใช้เวลาสามวันเพียงเพื่อทะลวงผ่านหนึ่งขั้นจะไปนับเป็นอะไรได้?

 

ทุกๆคนต่างก็พูดว่านายน้อยตระกูลหลิงเป็นขยะ แต่ถ้าคนที่มีความเร็วในการก้าวหน้าขนาดนี้ยังเรียกว่าเป็นขยะ... แล้วนางจะนับเป็นอะไรได้ล่ะ? เศษขยะในหมู่ขยะ?

 

“เจ้า เจ้า ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นสี่แล้ว!” แม้แต่เสียงของนางก็ยังสั่นเล็กน้อย

 

...ถ้ามีคนบอกนางเมื่อวานว่านางจะต้องตกใจเพราะมีคนทะลวงผ่านขั้นสี่ของหลอมกายาได้ นางคงจะไม่ตอบอะไรกลับไปนอกจากเค้นเสียงดูดูก แต่ว่าถ้าเขาบอกเพิ่มว่ามีคนใช้เวลาวันเดียวในการทะลวงจากขั้นสองไปยังขั้นสีของระดับหลอมกายา นางคงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่สุดในเลยเลยก็ได้

 

นางเคยคิดว่าหลิงฮันคงจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรไม่ได้อีกแล้ว แต่นางไม่คิดเลยว่านางจะต้องมาตกใจสุดขีดอีกครั้ง

 

หลิงฮันพยักหน้าและตอบลับด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ใช่แล้ว มันมีอะไรงั้นรึ?”

 

‘นี่เจ้าเมินเฉยมันไปง่ายๆได้อย่างไร?’ หลิวอู๋ตงรู้สึกราวกับนางกำลังจะเป็นบ้าในทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด