ตอนที่ 10 รักษารากฐานวิญญาณ
ทักษะสามหยินเร้นลับมีทั้งหมดเก้าส่วน ซึ่งเหมือนกันกับเก้าระดับพลังของจอมยุทธ์ ซึ่งระดับที่เก้าคือระดับสวรรค์โดยเป็นระดับสูงสุดที่หลิงฮันได้บรรลุถึงในชีวิตที่แล้ว
จากทักษะบ่มเพาะที่มีอยู่รอบโลก ไม่มีแม้แต่ทักษะเดียวที่จะทะลวงผ่านระดับที่สิบไปได้ ซึ่งนั่นคือระดับทลายมิติ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลิงฮันต้องเดินทางไปทั่วโลกเพื่อไปเยือนโบราณสถานทุกหนแห่ง
ทักษะสามหยินเร้นลับในส่วนแรกนั้นตรงกับระดับหลอมกายา ซึ่งเป็นระดับที่หลิวอู๋ตงทะลวงผ่านมานานแล้วจึงเป็นธรรมดาที่จะง่ายสำหรับนางในการบ่มเพาะอีกครั้ง มันก็เหมือนกับนักเรียนมัธยมปลายทำการบ้านของนักเรียนมัธยมต้น
แต่ปัญหาก็คือนางบ่มเพาะส่วนแรกได้อย่างสมบูรณ์เพียงในเวลาสั้นๆ! ความสามารถของนางจะไม่ยอดเยี่ยมเกินไปหน่อยหรือไงกัน?
แต่เมื่อคิดอีกที หลิวอู๋ตงมีเส้นโลหิตสามหยินไร้ตัวตนและแต่เดิมทักษะสามหยินเร้นลับก็มีไว้เพื่อคนที่ครอบครองเส้นโลหิตนี้อยู่แล้ว ดังนั้นความเร็วในการบ่มเพาะอันน่าประทับนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องปรกติ
หลิงฮันพยักหน้าแล้วพูด “งั้นข้าจะสอนส่วนที่สองให้เจ้าต่อเลยแล้วกัน ตราบใดที่เจ้าสามารถบ่มเพาะส่วนที่สามของทักษะได้ส่วนใหญ่แล้ว เจ้าจะสะกดเส้นโลหิตสามหยินไร้ตัวตนได้อย่างสมบูรณ์และจะไม่ได้รับผลกระทบจากมันอีกต่อไป”
ส่วนที่สามหรือก็คือ นางจะต้องบรรลุพลังเท่ากับระดับก่อเกิดธาตุ
อย่างไรก็ตาม หลิวอู๋ตงได้บรรลุถึงขั้นแปดของระดับรวมธาตุแล้ว ยิ่งกว่านั้นนางยังสามารถสัมผัสถึงจุดเชื่อมไปยังขั้นที่เก้าได้แล้ว ดังนั้นนางจึงอยู่ห่างจากการทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
หลิวอู๋ตงไม่สามารถหยุดในหน้าที่แดงก่ำขึ้นไปอีกของนางได้ การที่จะเริ่มสอนส่วนที่สองให้นางตอนนี้ ไม่ใช่ว่ามันหมายความว่านางต้องถอดชุดออกอีกรอบรึไงกัน?
“อย่าปล่อยให้จินตนาการของเจ้าเลยเถิดเกินไปนัก!” หลิงฮันพูดอย่างตำหนิ
หลิวอู๋ตงจ้องอย่างดุร้ายไปทางเขาอย่างช่วยไม่ได้ จินตนาการของนางไม่ได้เลยเถิด แต่นางกลัวว่าจินตนาการของหลิงฮันต่างหากที่จะเลยเถิด!
ทั้งสองคนกลับไปยังภายในห้องอีกรอบและก็เหมือนกับครั้งก่อน หลิวอู๋ตงถอดเสื้อคลุมของนางออก เผยให้เรือนร่างอันมีเสน่ห์และงดงามที่เกือบจะเปลือยอยู่แล้วของนางปรากฏออกมาต่อหน้าหลิงฮัน อย่างที่ว่าครั้งแรกนางได้รู้สึกตื่นตระหนก แต่ครั้งที่สองนั้นราบรื่นกว่าเดิม ถึงแม้นางจะยังเขินอายอยู่นิดหน่อยแต่มันก็ยังดีกว่าครั้งแรก
เมื่อหลิงฮันสอนส่วนที่สองให้นาง มันก็เกือบจะค่ำแล้ว เขาจึงให้คนรับใช้นำข้าวเย็นสองที่มาส่ง โดยเขาได้กินส่วนที่เยอะไปและเหลือส่วนน้อยไว้ให้หลิวอู๋ตง
อย่างที่เห็นว่าผู้หญิงมีความอยากอาหารน้อย เพราะงั้นส่วนเล็กน้อยก็คงพอแล้ว
หลังจากที่ผ่านไปประมารสามชั่วโมง หลิวอู๋ตงออกมาอีกครั้งและพูดด้วยความตกใจ
“ความเร็วในการบ่มเพาะของข้าตอนนี้เร็วกว่าที่เคยเป็นถึงสิบเท่า!”
นี่หมายความว่าเมื่อนางทะลวงไปยังขั้นที่เก้าของระดับรวมธาตุ นางจะใช้เวลาน้อยสองเดือนเพื่อที่จะบรรลุถึงจุดสูงสุดของขั้นเก้าก่อนที่จะเข้าสู่ระดับก่อเกิดธาตุ
เร็วเกินไปแล้ว!
หลิงฮันช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ทักษะสามหยินเร้นลับเป็นทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์”
ทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์!
หลิวอู๋ตงเกือบจะเป็นลม ทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์หมายความว่าอะไรน่ะหรือ?
งั้นจะอธิบายแบบนี้แล้วกัน
เหตุผลที่ตระกูลกลิวกลายเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของเมืองจักรพรรดิเป็นเพราะว่าพวกเขามีคัมภีร์ที่เรียกว่า ‘เมฆาสีชาดเร้นลับ’ ซึ่งเป็นทักษะบ่มเพาะระดับดำขั้นกลาง ในขณะเดียวกันที่ตระกูลจักพรรดิฉีสามารถรักษาตำแหน่งเจ้าเมืองไว้ได้เป็นเพราะพวกเขามีคัมภีร์ชื่อว่า ‘วิชาเจ็ดสังหาร’ ซึ่งเป็นทักษะบ่มเพาะระดับดำขั้นสูง!
หรือก็คือทักษะบ่มเพาะระดับดำขั้นสูงนั้นสามารถก่อตั้งอาณาจักรได้ ส่วนทักษะบ่มเพาะระดับดำขั้นกลางจะทำให้มีพลังได้เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของแคว้นพิรุณและเจริญก้าวหน้าได้ถึงพันปี!
แล้วตอนนี้ล่ะ ความสำคัญของทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์จะเป็นอย่างไร?
มันมีค่าเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้!
ถ้าตอนแรกหลิงฮันพูดว่าเขาจะสอนทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์ให้นาง นางคงจะปฏิบัติกับเขาเหมือนกับเขาเป็นคนบ้าแน่ๆ จะโทษนางก็ไม่ได้ เพราะถ้าตระกูลเล็กๆและอ่อนแอจากเมืองหมอกเมฆาครอบครองทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์ล่ะก็ โลกนี้จะไม่ยุ่งเหยิงไปแล้วรึไงกัน?
แต่ตอนนี้ นางจะไม่เชื่อเขาก็ไม่ได้ เพราะในเมื่อนางได้มีลองด้วยตัวเองแล้ว
“นี่คือทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์จริงๆ แล้วเจ้ากลับสอนข้าง่ายๆแบบนี้น่ะรึ?” หัวใจของนางสั่นสะท้าน หัวใจของนางสั่นอย่างรุนแรงโดยไม่อาจอธิบายได้
หลิงฮันยิ้ม ทักษะทักษะสามหยินเร้นลับเป็นทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์ แต่สามารถฝึกได้เพียงคนที่ครอบครองเส้นโลหิตสามหยินไร้ตัวตนเท่านั้น มันไร้ประโยชน์เมื่อไปอยู่ในมือคนอื่นและแน่นอนว่าเขาก็ไม่กลัวเช่นกันว่าหลิวอู๋ตงจะเปิดเผยมันออกไป
ยิ่งกว่านั้น ตัวเขาได้ครอบครองคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์แล้ว มันเป็นทักษะบ่มเพาะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด! เพียงทำความเข้าใจในส่วนแรกก็ต้องใช้เวลาถึงหมื่นปี! เมื่อเทียบกันแล้ว ไม่ว่าจะทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์แบบไหน... หึ! มันไร้ค่า!
แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกนางไปแบบนั้น แต่กลับพูดไปว่า “เจ้าเป็นผู้ติดตามของข้า ข้าไม่เคยขี้งกกับคนกับของตัวเอง!”
นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะเขามักจะคอยเก็บกวาดเรื่องวุ่นวายที่เกิดจากคนที่ใกล้ชิดกับเขา และใจกว้างกับคนของเขาเสมอ
หลิวอู๋ตงหยุดท่าทางเขินหายที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขอนางไม่ได้ ตามความเข้าใจของนาง ‘คนของข้า’ นั้นได้มีความหมายต่างออกไป หลังจากนั้นสักพักนางก็ได้พูดออกมา “ไม่ต้องห่วง หากไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้า ข้าจะไม่สอนทักษะบ่มเพาะนี้ให้ผู้อื่นเด็ดขาด”
“ก็ตามใจเจ้า” พูดฮันพูดออกไป เพราะอย่างไรในรอบนับพันๆปีจะมีผู้ที่ครอบครองเส้นโลหิตสามหยินไร้ตัวตนเพียงคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้นางจะสอนมันให้กับคนอื่น มันก็คงจะสูญหายไปตามกาลเวลา สำหรับคนอื่นแล้ว ทักษะนี้เป็นทักษะที่เทียบไม่ได้แม้กับทักษะบ่มเพาะระดับเหลืองขั้นต่ำเนื่องจากไม่มีใครสามารถฝึกฝนมันได้ ใครจะไปเก็บรักษามันไว้เป็นพันๆปีเล่า?
หลิวอู๋ตงช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนหน้านี้หัวใจของนางสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น และหากหลิงฮันใช้คำหวานพูดเอาใจนางสักหน่อย ความรู้สึกดีๆของนางที่มีต่อหลิงฮันจะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตาม หลิงฮันไม่คิดสนใจเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย และเขาได้พลาดโอกาสงามๆไปซะแล้ว
นางเดินตรงไปที่โต๊ะและเริ่มกินอาหาร ขณะที่กำลังกินอย่างช้าๆ นางก็พูดออกมา “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ข้าจะปิดด่านทะลวงขั้นเก้าของระดับรวมธาตุ เพราะงั้นในช่วงนี้ข้าคงจะติดตามเจ้าไปที่อื่นไม่ได้”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องกังวลไป! ข้าไม่มีแผนการจะไปไหนในช่วงสองวันนี้หรอก ข้าจะทำเพียงรอให้จูเฮอซินนำวัตถุดิบสมุนไพรมาส่ง ข้าคิดจะรักษารากฐานวิญญาณของข้าเป็นอันดับแรกก่อนที่จะทำอย่างอื่น” หลิงฮันพูดออกไป เขารักษาชีวิตสองนี้อย่างมาก ตอนนี้รากฐานวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บอยู่ เขาไม่ต้องการไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่จำเป็นและไม่ต้องการทำลายรากฐานในด้านวิทยายุทธของตนเอง
หลิวอู๋ตงไม่เสียเวลา เมื่อนางกินเสร็จนางเริ่มปิดด่านเพื่อทะลวงผ่านขั้นเก้าของระดับรวมธาตุทันที หลิงฮันทำได้เพียงยอมยกห้องภายในให้นางและย้ายเตียงนอนออกมาห้องโถงนอก
หลิงจงควั่นและกลุ่มของมันรู้สึกโกรธแค้นต่อหลิงฮันอย่างมาก แต่เพราะตัวตนของหลิวอู๋ตง พวกมันจึงไม่กล้าคิดจะทำอะไรบ้าๆแน่นอน หลิงฮันแทบจะไม่ออกไปข้างนอกเลย เขาทำเพียงรอให้จูเฮอซินส่งสมุนไพรมาให้และรอให้หลิวอู๋ตงออกมาจากการปิดด่านฝึกตนอยู่อย่างเงียบๆ จึงทำให้ยากขึ้นไปอีกที่พวกมันจะลงมือกับเขา
เป็นอย่างที่คิด จูเฮอซินไม่ได้กลับคำพูดตัวเองและในวันที่สี่ มันได้มาส่งวัตถุดิบสมุนไพรที่หลิงฮันขอไปด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ชายชราจะใช้โอกาสนี้ในการขอคำปรึกษาหลิงฮัน ความจริงแล้วมันอยากจะมาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วด้วยซ้ำ แต่ในสายตาของมัน หลิงฮันได้อยู่นะดับของสุดยอดปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว เพราะงั้นมันจึงไม่กล้ามารบกวนเขาแบบไม่มีเหตุผล
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันไม่ได้มีความอดทนมากนักจึงได้รีบให้จูเฮอซินกลับไป เขาอยากจะรีบเริ่มหลอมเม็ดยาในทันที เพื่อรักษารากฐานวิญญาณและกลับไปยังเส้นทางแห่งการบ่มเพาะอีกครั้ง
สำหรับหลิงฮัน การหลอมโอสถนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงหลังจากนั้นสามนาที เขาได้หลอมผงแก่นแห่งจิตฟื้นคืนวิญญาณเสร็จเรียบร้อย ในสามวันนี้หลิงฮันไม่ได้อยู่เฉยๆอย่างขี้เกียจ นอกจากการฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์แล้วเขาก็ได้เตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อย
“แอะ! ยานี้มันขมเกินไปจริงๆ” หลิงฮันถอนหายใจเมื่อกลืนผงแก่นแห่งจิตฟื้นคืนวิญญาณไปจนหมด
จากนั้นไม่นาน พลังงานอันร้อนแรงได้โจมตีร่างกายของเขา และเขารู้สึกทันทีว่ามีเพลิงกำลังเผาไหม้อยู่ภายในร่างของเขา เมื่อสำรวจดูตันเถียนแล้ว เขามองเห็นว่าความเสียหายของรากฐานวิญญาณในตอนนี้กำลังฟื้นฟูอย่างช้าๆ และจะฟื้นฟูเต็มที่ภายในไม่เกินครึ่งวัน
ในช่วงเวลานี้ เขาไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้ จึงอดทนรออย่างเงียบๆสำหรับคนที่ ’หลับไหล’ มากว่าหมื่นปี เพียงรอแค่ครึ่งวันไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก
อย่างช้าๆภายในตันเถียนของหลิงฮัน ดอกบัวหายนะห้าธาตุผสานได้ผลิบานออกโดยสมบูรณ์
ช่างเป็นธรรมชาติและงดงามอย่างมาก มันมหัศจรรย์เกินกว่าจะบรรยายออกมา