ตอนที่แล้วบทที่ 83: ขับไล่ออกจากสำนัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 85: เรื่องราวที่ผ่านมา [อ่านฟรีวันที่ 03 พฤษภาคม 2562]

บทที่ 84: จำคุกตลอดชีวิต [อ่านฟรีวันที่ 26 เมษายน 2562]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 84: จำคุกตลอดชีวิต

หลังจากที่ลงโทษเสร็จแล้ว จ้าวสำนักกวาดตาไปรอบด้วยความโกรธพร้อมกล่าวว่า “มีผู้ใดที่เคยข่มขู่อ้วนน้อยของข้าอีกหรือไม่?”

ในขณะที่พวกเขาได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว พวกเขาทั้งหมดอยู่ในสภาวะหวาดกลัวเพราะความผิดต่าง ๆ ได้ผุดขึ้นมา แต่ไม่มีผู้ใดมีความกล้าหาญที่จะลุกขึ้นพร้อมกล่าวคำว่า ‘ไม่’

ในฐานะของจ้าวสำนัก เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดคิดจะกล่าวสิ่งใดออกมา เขาจึงไม่ต้องซักถามอีกต่อไป เขาโบกมือพร้อมกล่าวว่า “ไล่พวกมันออกไป!”

“ขอรับ!” มีผู้ฝึกตนไม่กี่คนเดินเข้ามาพร้อมกับลากตัวอาวุโสทั้งหมดออกไป ผู้อาวุโสทั้งแปดคนถูกขับไล่ออกจากสำนักเพราะเจ้าอ้วน

อาวุโสของสำนักชั้นนอกมิได้สูงส่งแต่อย่างใด และไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องแบบนี้ หลังจากที่จ้าวสำนักจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ภรรยาของเขาเอ่ยปากถามเจ้าอ้วน “เด็กน้อย คนเหล่านี้โลภมาก พวกเขาคาดหวังเพียงของหวานเพื่อตนเอง ด้วยความมั่งคั่งที่ครอบครัวเจ้าทิ้งไว้เบื้องหลัง เหตุใดเจ้าจึงต้องใช้อุปกรณ์พัง ๆ เหล่านี้ด้วย?” ในขณะที่นางกำลังกล่าวเช่นนั้น นางชี้ไปที่ถุงมิติเก็บของและดาบบินบนพื้น

เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “นายหญิง แม้ว่าบิดาของข้าจะทิ้งสิ่งของมากมายไว้เบื้องหลัง แต่สำนักได้ริบกลับไปทั้งหมด ข้าถูกผลักไสออกไปให้เป็นคนรับใช้โดยไม่มีสิ่งใดติดตัวเลย!”

“อะไรกัน? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ความมั่งคั่งส่วนตัวของบิดามารดาเจ้า มันต้องตกเป็นของเจ้า! สำนักจะมีสิทธิ์อันใดไปยึดไว้ได้!” จ้าวสำนักมองไปที่จางฉิงอวี้จนดวงตาแทบทะลักออกมาพร้อมตะโกนว่า “ตัวบัดซบคนไหนมันกระทำเช่นนี้?”

“เรื่องนั้น… มันคือสิ่งที่ทุกคนตกลงกัน…” จางฉิงอวี้ตอบกลับอย่างหวาดกลัว

“ทุกคน? มีผู้ใดบ้าง?” จ้าวสำนักถามกลับอย่างเย็นเยือก

“เรื่องนั้น… เรื่องนั้นคือว่า…” เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางฉิงอวี้แทบจะประสาทกิน เขาไม่ได้คิดเอ่ยชื่อใครเอาไว้ล่วงหน้า ในความจริงคือ เขาไม่สามารถทำได้ ถ้าหากเขาเอ่ยชื่อออกไป มันจะเป็นการทรยศต่อเพื่อนร่วมสำนักและทุกคนจะไม่มีที่ยืนในสำนักเสวียนเทียนอีกต่อไป

“เจ้าจะพูดหรือไม่? อย่าทำให้มันยากไปกว่านี้!” ภรรยาของจ้าวสำนักเริ่มสอบสวนร่วมกับสามี “ข้าจะถามเจ้าเอง ภายในลานเมฆหมอกที่ครอบครัวของเด็กน้อยผู้นี้เคยอาศัยอยู่ ในตอนนี้ใครกำลังใช้มัน?”

“เอ่อ…” จางฉิงอวี้ปาดเหงื่อบนใบหน้าอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะตอบออกไปว่า “หลังจากที่ตกลงกันภายในแล้ว ได้ข้อสรุปว่าต้องอยู่ใต้ชื่อของศิษย์ขอรับ!”

“ใต้ชื่อของเจ้า?” จ้าวสำนักโกรธจัด “ดังนั้นสิ่งที่เจ้ากำลังจะพูดคือ เจ้าไล่น้องชายของเจ้าออกจากบ้าน พร้อมกับริบทรัพย์สมบัติของครอบครัวเขาทั้งหมด? ฮ่าฮ่า! ข้าคิดว่าคนที่จิตใจสกปรกจะอยู่ในดินแดนของมนุษย์เท่านั้น ฉากที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้มันไม่ควรเกิดบนดินแดนของผู้ฝึกตน! ข้าไม่เคยคิดว่าสำนักเสวียนเทียนของเราจะมีผู้คนเช่นนี้อยู่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเจ้ากระทำมันได้อย่างน่าอัศจรรย์!”

“ท่านอาจารย์ลุง… ท่านจ้าวสำนัก ฟังข้าอธิบายก่อน!” จางฉิงอวี้คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับเริ่มร้องไห้ออกมา “หลังจากที่บิดามารดาของน้องซ่งได้ตายตกไป บุตรเพียงผู้เดียวของพวกเขาควรได้รับการดูแลอย่างดีจากพวกเรา แต่ปัญหาคือความสามารถของเด็กหนุ่มผู้นี้ ที่ท่านก็เข้าใจอย่างดี ภายใต้ท้องฟ้าแผ่นนี้ ไม่มีใครที่มีพรสวรรค์เลวร้ายเท่าเขา! บุคคลเช่นนี้ไม่อาจประสบความสำเร็จได้ เขาคือขยะที่จะต้องถูกกำจัดทิ้งออกไปและยึดทรัพย์สมบัติของบิดามารดาเขาไว้ทั้งหมด!”

“ท่านควรรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หามาโดยง่ายเลย สมบัติต่าง ๆ ที่ถูกรวบรวมและสะสมมาโดยศิษย์พี่ซ่งและภรรยาของเขา มิอาจให้เสียหายเพราะขยะชิ้นนี้ เหตุใดจึงไม่ปล่อยมันให้กับคนที่เหมาะสมมากกว่า? สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เหล่าพี่น้องในสำนักประสบความสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือท่านว่าไม่จริง?” จางฉิงอวี้กล่าวออกมาทั้งน้ำตา “ข้าเชื่อว่าแม้ศิษย์พี่ซ่งจะยังมีชีวิตอยู่ เขาจะทำเช่นเดียวกับข้า ดังนั้น ข้าจึง…”

“ฮ่า! เจ้าช่างหาข้อแก้ตัวได้วิเศษ!” จ้าวสำนักหัวเราะออกมาอย่างโกรธเคือง “สิ่งที่เขารวบรวมมาอย่างพิถีพิถันควรจะต้องเป็นสมบัติของบุตรชายเขา อย่าบอกนะว่าเขาควรทิ้งไว้ให้เจ้า? อะไรทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น? เจ้าเป็นใคร?”

“ความกังวลของข้าคือมันอาจถูกใช้งานไปอย่างสูญเปล่า” จางฉิงอวี้เถียงออกมา

“ถ้าจะสูญเปล่าก็เป็นปัญหาของครอบครัวพวกเขา เจ้ามีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงได้อย่างไร?” จ้าวสำนักถามกลับ

“นอกเหนือจากนั้น การใช้สมบัติเหล่านั้นกับเด็กคนนี้ มันอาจไม่ได้เป็นของเสีย!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวเสริม “เขาสามารถฝึกตนจนเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นสิบขณะอายุยี่สิบสองปี โดยไม่ได้รับมรดกจากบิดามารดา นี่คือมาตรฐานของการเข้าเป็นศิษย์ใน! แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเขาและธาตุทั้งห้าไม่ใช่ขยะ แต่เขาคืออัจฉริยะ!”

“เป็นเช่นนั้น!” จ้าวสำนักเห็นด้วย “ถ้าหากเขาได้รับมรดกที่ครอบครัวเขาทิ้งไว้ แน่นอนว่าระดับการฝึกฝนของเขาจะสูงกว่านี้ ในเรื่องของความเร็ว เขาอาจจะไม่แพ้หงหยิงของข้า! อัจฉริยะเช่นนี้สามารถพบเห็นได้หนึ่งคนในรอบพันปีเท่านั้น!”

“ช่างน่าเสียดาย ที่เขาถูกขับไล่ออกไป โดยคนที่รู้เรื่องเขาไปซะหมด!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แดกดันพร้อมกับมองไปที่จางฉิงอวี้อย่างนิ่งเฉย นั่นทำให้เขารู้สึกกลัวมากขึ้น

“ไม่ใช่ ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ เรื่องซ่งจงจะต้องเป็นการความบังเอิญอย่างแน่นอน! เขา… เขา…” เมื่อเห็นว่าเรื่องราวเริ่มไม่ดี เขารีบร้อนอธิบายต่อ

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ความอดกลั้นของจ้าวสำนักได้หมดลงแล้ว เขาโบกมือพร้อมกับกล่าวขัดจังหวะทันที “หยุดปาก! จางฉิงอวี้… เจ้ารังแกบุตรชายของน้องชายและน้องสาวของข้า อีกทั้งยังริบทรัพย์สินของครอบครัวเขาไปจนหมดสิ้น ความผิดของเจ้าไม่สามารถให้อภัยได้! ข้าขอประกาศในฐานะของจ้าวสำนักเสวียนเทียนว่าลานเมฆหมอกจะต้องกลับไปเป็นสมบัติของอ้วนน้อย ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าอีกต่อไป สิ่งของทุกอย่างจะต้องกลับคืนสู่เขา!”

“อะไรกัน?” จางฉิงอวี้ถามออกมาด้วยความกังวล “ท่านอาจารย์ลุง ท่านกระทำเช่นนั้นได้อย่างไร? แล้วเงินของข้าที่เก็บสะสมมานานนับปีล่ะ?”

“แต่สถานที่นั้นบิดามารดาของเขาทิ้งไว้ให้อ้วนน้อย ไม่ใช่เจ้า!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างเหี้ยมโหด

“ข้าสามารถคืนให้กับเขาได้ แต่ของบางอย่างที่เป็นของข้าล่ะ?” จางฉิงอวี้ถามอย่างรวดเร็ว

“แล้วข้าจะทราบได้อย่างไร ว่าสิ่งไหนคือของเจ้า และสิ่งไหนคือของเขา?” จ้าวสำนักตอบอย่างเฉยเมย

“เรื่องนั้น… ศิษย์สัญญาว่าจะไม่แตะต้องมัน…” จางฉิงอวี้กล่าวอย่างรวดเร็ว

“เหอะ! เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้างั้นหรือ? ให้ข้าพูดตรง ๆ ทุกสิ่งที่เจ้ากล่าวออกมามันเป็นเพียงการผายลมเท่านั้น!” จ้าวสำนักกล่าวอย่างเยือกเย็น “นอกจากนั้นข้าไม่สนใจที่จะมานั่งแยกว่าของสิ่งนี้เป็นของใคร ข้ารู้เพียงว่าเจ้าต้องคืนลานและสิ่งของที่อยู่ในนั้นทั้งหมด มันถูกส่งกลับสู่เจ้าของตัวจริงอย่างยุติธรรมแล้ว! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าจ้าวสำนักแผ่จิตสังหารออกมา เขารู้ทันทีว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก เขาไม่กล้ากล่าวไร้สาระอะไรอีกนอกจากก้มหัวคำนับ “ขอรับ ศิษย์เข้าใจแล้ว ถ้าหากท่านอาจารย์ลุงไม่มีสิ่งใดเพิ่มเติมแล้ว ศิษย์ขอตัวก่อน ยังมีภารกิจอีกมากมายที่ศิษย์ต้องออกไปจัดการ!” ในขณะที่เขากล่าวจบ เขาต้องการจะทำความเคารพและเดินออกไป

“ไม่เป็นไร!” จ้าวสำนักหัวเราะอย่างเยือกเย็นพร้อมกล่าวว่า “มีหลายสิ่งที่ต้องทำที่ภายนอกนั้น ในตอนนี้ข้ายังไม่กล้าจะรบกวนเจ้ามากนัก มันจะดีที่สุดถ้าหากเจ้าไปที่หลังภูเขาเพื่อฝึกฝน และเจ้าจะสามารถออกมาได้ เมื่อข้าตาย!”

“หือ?” จางฉิงอวี้ตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนอื่นที่ทุกคนรู้คือ สถานที่ที่ผู้ฝึกตนระดับจินตันควรไปฝึกฝนไม่ใช่หลังภูเขา สถานที่แห่งนั้นมีไว้สำหรับจำคุกนักโทษ ความหมายก็คือเขาถูกจำคุกโดยใช้ระยะเวลาการมีชีวิตของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน ซึ่งน่าจะเป็นเวลายาวนานหลายร้อยปี และเขาไม่อาจอยู่ได้นานถึงขนาดนั้น! นั่นหมายความว่าเขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด