ตอนที่แล้วบทที่ 167 สถานที่ยังคงเดิม แต่ผู้คนไม่ใช่แล้ว  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 169 โชคลาภร่วงลงมาจากฟ้า  

บทที่ 168 หมู่เกาะแมกไม้รกร้าง  


 

“ศิษย์พี่ หมู่เกาะแมกไม้รกร้างสมควรอยู่ข้างหน้านี้แล้ว” ศิษย์น้องผู้หนึ่งชี้ตรงไปด้านหน้า กล่าวอย่างตื่นเต้น

จั่วม่อผงกศีรษะ มันเขม้นมองไปยังที่ห่างไกล เห็นเกาะโดดเดี่ยวปรากฏขึ้นในระยะไกล

ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย หลังจากบินอย่างต่อเนื่อง ยาวนานกว่าสองเดือน สุดท้ายถึงจุดหมายปลายทางเสียที ไม่ว่าผู้ใดก็อดระบายลมหายใจโล่งอกไม่ได้

เมื่อเห็นหมู่เกาะแมกไม้รกร้างด้วยตาตัวเอง จั่วม่อในที่สุดก็เข้าใจ ว่าไฉนสำนักให้ความสนใจกับสถานที่ทุรกันดารอันห่างไกลสุดกู่เช่นนี้ หมู่เกาะแมกไม้รกร้างตั้งอยู่ลึกเข้าไปในมหาสมุทร ติดริมขอบแม่น้ำอาณาจักร หากผู้ใดต้องการเดินทางผ่านไปยังอาณาจักรขุนเขาน้อย พวกมันจะต้องผ่านเกาะแห่งนี้ก่อน มหาสมุทรไร้ขอบเขตนั้นกว้างใหญ่ไพศาล คิดข้ามผ่านต้องบินต่อเนื่องยาวไกล การบินมาจนถึงเกาะแห่งนี้ เป็นขีดจำกัดสุดท้ายของความอดทน หมดเรี่ยวสิ้นแรงพอดี ด้วยเหตุนี้ ตำแหน่งที่ตั้งของหมู่เกาะแมกไม้รกร้างเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เป็นสถานที่จำเป็นเพื่อใช้พักผ่อนฟื้นฟูเรี่ยวแรง เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางข้ามผ่านแม่น้ำอาณาจักร

หากมิใช่ว่าสำนักกระบี่หัวใจทะลสาบอยู่อีกสุดปลายหนึ่งของอาณาจักรนภาจันทร์ และพวกมันมีพื้นที่หลายแห่งติดกับขอบแม่น้ำอาณาจักรอยู่แล้ว พวกมันจะไม่ปล่อยจุดยุทธศาสตร์สำคัญเช่นหมู่เกาะแมกไม้รกร้างออกมาง่ายๆ แต่ถึงกระนั้น ทางสำนักกระบี่สุญตาย่อมต้องจ่ายในราคาอันหนักหน่วง

แต่สถานที่แห่งนี้ ช่างแร้นแค้นเปล่าเปลี่ยวอย่างแท้จริง!

เมื่อพวกมันบินเข้าไปใกล้ๆ บริเวณเกาะทั้งหมดก็ปรากฏแก่สายตา จั่วม่ออดถอนหายใจไม่ได้

สำนักส่งมันมายังหมู่เกาะแมกไม้รกร้าง มันไม่เพียงไม่ขุ่นข้องขัดเคือง แต่ยังปิติยินดีจากใจจริง บรรยากาศภายในสำนักไม่มีความกลมเกลียวปรองดอง บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มันรักใคร่สนิทสนม ล้วนไม่ได้อยู่ที่สำนักอีกต่อไป การเลือกออกมาอาจดีเสียกว่า หมู่เกาะแมกไม้รกร้างแม้แร้นแค้นห่างไกล แต่ฟ้าสูงดินไกลห่าง ที่นี่เมื่ออยู่ไกลจากสำนักถึงเพียงนี้ ความขัดแย้งภายในสำนักจะไม่ติดตามมาถึงที่นี่ มันสามารถมีชีวิตสุขสบายและอิสรเสรี

ในเวลานี้เอง ซิวเจ่อจำนวนหนึ่งบินขึ้นจากภายในเกาะ

“พวกท่านใช่ศิษย์พี่จากสำนักกระบี่สุญตาหรือไม่?” หนึ่งในนั้นตะโกนถาม

“เป็นพวกเราเอง!” จั่วม่อประสานมือคำนับ มันกำลังจะนำสัญลักษณ์ของสำนักออกมาแสดง แต่คนผู้นั้นกลับโบกมือ พลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ศิษย์พี่จั่วมาด้วยตัวเอง สัญลักษณ์ก็ไม่จำเป็นแล้ว”

“ศิษย์พี่รู้จักข้า?” จั่วม่อแปลกใจอยู่บ้าง

อีกฝ่ายยิ้มกว้าง กล่าวอย่างเป็นกันเอง “ม้วนหยกบันทึกการประลองระหว่างพี่จั่วกับเฉาอัน แม้หายากไม่น้อย แต่ผู้น้องโชคดีได้ครอบครองม้วนหนึ่ง ข้ารู้จักพี่จั่วผ่านบันทึกในม้วนหยก”

จั่วม่อค่อยเข้าใจ รีบกล่าวถ่อมตน ประสานมือคารวะอีกรอบ “ศิษย์พี่ชมเชยเกินไป”

“ข้าคิดไว้แล้วว่าพวกท่านต้องมาถึงในเร็ววัน ดังนั้นเก็บรวบรวมสัมภาระรอท่าอยู่แล้ว นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หมู่เกาะแมกไม้รกร้างยกให้พี่จั่วดูแลแทน ในม้วนหยกนี้ บันทึกข้อมูลบางส่วนของสิ่งที่เราค้นพบในเกาะตลอดหลายปีมานี้ หวังว่าคงจะมีประโยชน์ต่อพี่จั่วบ้าง ผู้น้องขออำลา” อีกฝ่ายประสานมือคารวะรอบหนึ่ง ก่อนจากไปโดยไม่รีรอ มันคล้ายไม่ต้องการเสียเวลาอยู่บนเกาะนี้อีกแม้แต่อึดใจเดียว คนอื่นๆ ก็ประสานมือคำนับ แล้วรีบติดตามผู้เป็นหัวหน้านั้นไป

การแลกเปลี่ยนรวดเร็วเรียบง่ายเสียจนจั่วม่อประหลาดใจ

เหล่าศิษย์น้องที่ติดตามจั่วม่อ รู้สึกมีหน้ามีตาไม่น้อย ชื่อเสียงของศิษย์พี่จั่ว กระทั่งศิษย์สำนักกระบี่หัวใจทะเลสาบยังคุ้นเคย พวกมันค่อยรู้สึกเป็นเกียรติที่มีความสัมพันธ์กับศิษย์พี่ สำนักกระบี่สุญตาเพิ่งจะเติบโตกล้าแข็ง เทียบกับสำนักเก่าแก่ที่มีรากฐานลึกล้ำแล้ว ในความเห็นของศิษย์เหล่านี้ ยังคงมีช่องว่างที่ไม่อาจถมเต็มได้ง่ายๆ

“ลงไปเถอะ” จั่วม่อมองไปยังพื้นดิน กระตุ้นให้นกโง่บินลงไป

คนอื่นๆ ติดตามอย่างกระชั้นชิด

สำนักกระบี่หัวใจทะเลสาบนำผู้คนและทรัพยากรเข้ามายังหมู่เกาะแมกไม้รกร้างอย่างจำกัดจำเขี่ยยิ่ง นอกเหนือจากสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากหินไม่กี่หลังแล้ว บนเกาะไม่มีอะไรอีก เหล่าศิษย์น้องที่ร่วมทางมากับจั่วม่อแม้ไม่ได้กล่าวอันใด แต่ใบหน้าของพวกมันเผือดสีลง พวกมันพบว่าสถานที่แห่งนี้ยังโดดเดี่ยวเปลี่ยวร้างยิ่งกว่าที่พวกมันเคยจินตนาการไว้เสียอีก

จั่วม่อไม่แย่แสสนใจ ก้าวเข้าสู่หมู่เกาะแมกไม้รกร้าง มันพบว่าเกาะแห่งนี้ยังดีงามกว่าที่มันคิดไว้เสียอีก

“เราจะสร้างบ้านตรงนี้” จั่วม่อเหลือบมองทั้งหมด กล่าวเสียงราบเรียบ “เริ่มแรกเราจะพักผ่อนสองวัน จากนั้นค่อยเริ่มลงมือทำงาน”

ผ่านการบินต่อเนื่องยาวนานกว่าสองเดือน กระทั่งนกโง่ยังดูเหี่ยวเฉาสิ้นเรี่ยวแรงอยู่บ้าง พาหนะบินของเหล่าศิษย์น้องมีสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่า จั่วม่อนำขวดโอสถปราณออกมา นี่เป็นเม็ดยาปฐมปราณที่มันตระเตรียมไว้ล่วงหน้า คุณภาพไม่สูงนัก เพียงแค่ระดับสองเท่านั้น แต่โอสถปราณชนิดนี้ต้นทุนต่ำ หลอมกลั่นไม่ยาก มันหลอมกลั่นไว้ชุดหนึ่ง นกโง่ชมชอบรับประทานมาก มักจะเคี้ยวโอสถปราณราวกับพวกมันเป็นถั่ว โอสถปราณชนิดนี้มีประสิทธิภาพมากในการฟื้นฟูความแข็งแรงทางกายภาพ

จริงดังคาด หลังจากเขมือบโอสถปราณไปเจ็ดแปดเม็ด นกโง่กลับมาสู่ท่วงท่าอวดโอ่โอหังตามปกติ คอของนางเชิดสูง ร่างท่อนบนแน่วนิ่งไม่เคลื่อนไหว ขานกเพรียวยาวสองขาเยื้องกรายด้วยท่าทางสง่างาม เดินนวยนาดไปบนชายหาดอย่างสบายอารมณ์

เหล่าศิษย์น้องมองตามนกโง่อย่างอิจฉาเลื่อมใส ความหมดจดงดงามของนกโง่ แม้แต่คนตาบอดยังสามารถมองเห็นได้

พวกมันเลียนเยี่ยงจั่วม่อ นำเม็ดยาปฐมปราณออกมาป้อนพาหนะบินของตัวเอง แต่พวกมันไม่อาจหักใจอยู่บ้าง ให้มากที่สุดก็แค่เพียงสองเม็ด ก่อนออกเดินทาง จั่วม่อได้มอบขวดหยกให้แก่พวกมันคนละขวด แต่ละขวดมีโอสถปราณสิบเม็ด

ระยะหลังมานี้ราคาของวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้นมาก เม็ดยาปฐมปราณหนึ่งขวดราคาไม่ใช่เบา พวกมันพบว่าติดตามศิษย์พี่จั่วมายังที่นี้ ดูเหมือนจะไม่เลวร้ายเท่าใด ติดตามศิษย์พี่ใจกว้างผู้หนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ อย่าว่าแต่ศิษย์พี่จั่วยังเป็นศิษย์เอกผู้หนึ่ง

บรรดาผู้ที่จั่วม่อคัดเลือกมาในคราวนี้ ล้วนเป็นศิษย์จากสำนักเล็กๆ ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักไม่เกินหนึ่งเดือนทั้งสิ้น ยังไม่ได้ถูกดึงเข้าไปร่วมกับแต่ละพวกแต่ละฝ่ายในสำนัก สำหรับเหล่าศิษย์ที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง จั่วม่อไม่ต้องการแม้แต่คนเดียว

ศิษย์ด่านหนิงม่ายที่ไหนจะมาเชื่อฟังมันเล่า?

ทุกคนที่มันเลือกมาล้วนเป็นศิษย์ด่านจู้จี และล้วนเป็นซิวเจ่อสายการผลิตทั้งสิ้น

 

สองวันให้หลัง ผ่านการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกผู้คนฟื้นตัวเป็นปกติ

จั่วม่อเรียกทุกคนมารวมตัวกัน

“นับตั้งแต่วันนี้ เป็นระยะเวลายาวนาน เราจะต้องอยู่ในที่ที่กระทั่งนกยังไม่อยากจะอึแห่งนี้” จั่วม่อกล่าวประโยคแรก ก็เป็นวาจาหยาบคายทันที แต่น่าแปลกที่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกว่าเดิม

“อย่างไรก็ตาม เนื่องเพราะที่นี่โดดเดี่ยวเปลี่ยวร้าง ดังนั้นไม่มีใครจะมารบกวนเรา สามารถถือได้ว่าเป็นดินแดนอันสงบสุข ตอนนี้ในสำนักสับสนวุ่นวาย แม้แต่ข้ายังรู้สึกลำบาก สำหรับพวกเจ้า คิดหลีกเลี่ยงอย่างปลอดภัย นั่นเท่ากับเพ้อฝันไป!”

“พวกเราที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นซิวเจ่อสายการผลิต ลองนึกดูว่าตอนนี้หากเจ้ายังอยู่ในสำนัก มีพื้นที่ให้เจ้าสร้างผลิตผลอย่างสงบหรือไม่? ไม่มี! ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะรกร้าง แต่ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีข้อพิพาทใดๆ สำหรับพวกเรา ที่นี่เป็นสวรรค์! รกร้าง? แร้นแค้น? กลัวอันใด เราสามารถเปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวเราเอง! ข้าเรียกพวกเจ้ามาเพื่ออธิบายกฏเสียก่อน ในเกาะแมกไม้รกร้างแห่งนี้ ผู้ใดก็ตามที่สร้างทุ่งปราณ ผู้นั้นสามารถเพาะปลูกในทุ่งปราณที่สร้างเอง ผู้ใดก็ตามที่เพาะปลูก ผู้นั้นได้รับสิ่งที่มันปลูกเองทั้งหมด ข้าจะไม่เก็บส่วนแบ่ง สำนักจะไม่แบ่งผลผลิตของพวกเจ้า! นอกจากนี้ พวกเจ้ายังสามารถเพลิดเพลินไปกับผลประโยชน์ที่สำนักกำหนดไว้ให้แก่พวกเจ้า สิ่งเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนแปลง”

“ศิษย์พี่ ท่านพูดจริงๆ?” หลายคนมีสีหน้าตื่นเต้น เดิมทีพวกมันรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้รกร้างห่างไกล ดังนั้นในใจต่อต้านอยู่บ้าง เมื่อได้ยินจั่วม่อกล่าวเช่นนี้ ค่อยแตกตื่นยินดีขึ้นมา พวกมันล้วนเป็นซิวเจ่อสายการผลิต ในหมู่พวกมัน ไม่มีผู้ใดสนใจในการรบราฆ่าฟัน การสร้างทุ่งปราณอาจจะยากลำบาก แต่หากพวกมันสร้างขึ้นมา สิ่งที่ปลูกไว้จะเป็นของพวกมันทั้งหมด! สำนักจะไม่เก็บส่วนแบ่งตามปกติ

ควรทราบว่าทุ่งปราณที่เช่าจากสำนัก โดยทั่วไปมักจะเก็บส่วนแบ่งรายได้ในอัตราสูงพอสมควร

จั่วม่อยักไหล่ “ตราบเท่าที่ข้ายังอยู่ที่นี่ รับรองว่าไม่มีปัญหา แต่หากทางสำนักมีการเปลี่ยนคน ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”

จั่วม่อกล่าวเช่นนี้ ผู้คนกลับเชื่อถือมันมากกว่าเดิม อย่างน้อยศิษย์พี่จั่วก็ไม่ได้กล่าวเพ้อเจ้อเลื่อนลอยหลอกลวงพวกมัน ภูเขายากจนสายน้ำข้นแค้น? แล้วจะเป็นไร? สำหรับซิวเจ่อ เรื่องยิบย่อยเท่านี้ เพียงแค่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นก็พอ ซิวเจ่อสายการผลิตส่วนใหญ่ทรหดอดทน และเคยชินกับงานหนักอยู่แล้ว

เห็นทุกคนเริ่มกระตือรือร้นสนใจ จั่วม่อตัดสินใจตีเหล็กทั้งยังร้อน

“เวลาคือจิงสือ! พี่น้องเอ๋ย เราต้องไม่ปล่อยให้จิงสือเสียเปล่า! มาเถอะ ข้ามีแผนการ...”

จั่วม่อทราบว่าเวลาไม่รอท่า พวกมันมีเวลาหลงเหลืออยู่ไม่มากแล้ว

ในอดีตหมู่เกาะแมกไม้รกร้างอาจถูกละเลย แต่เมื่อสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ จุดยุทธศาสตร์ของเกาะแห่งนี้จะกลายเป็นมีความสำคัญอย่างรวดเร็ว หากเทียบกันแล้ว อาณาจักรขุนเขาน้อยแม้เชื่อมต่อกับอาณาจักรนภาจันทร์ แต่รกร้างห่างไกลยิ่งกว่าอาณาจักรนภาจันทร์เสียอีก ปากทางออกของแม่น้ำอาณาจักรก็มีน้อยกว่า มีเพียงสองทางเท่านั้น จากอาณาจักรนภาจันทร์ผ่านไปยังอาณาจักรขุนเขาน้อย จะอย่างไรต้องเดินทางผ่านหมู่เกาะแมกไม้รกร้างแห่งนี้

เมื่อสถานการณ์เลวร้ายลง  จำนวนซิวเจ่อที่เดินทางผ่านหมู่เกาะแมกไม้รกร้างจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ผ่านการเดินทางมาด้วยตนเองรอบหนึ่ง จั่วม่อรู้สึกว่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของหมู่เกาะแมกไม้รกร้างได้เปรียบยิ่ง ในระหว่างสองเดือนแห่งการรอนแรมเดินทางไกล มีอยู่หนึ่งเดือนที่บินอยู่เหนือมหาสมุทรไร้ขอบเขต กล่าวกันว่าท่ามกลางมหาสมุทร มีสัตว์ร้ายโหดเหี้ยมอันตรายซ่อนอยู่ใต้น้ำ ดังนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าเดินทางในน้ำ

จั่วม่อไม่สามารถจินตนาการได้ ว่าพวกโง่เง่าของสำนักกระบี่หัวใจทะเลสาบเหล่านั้นไร้สมองถึงเพียงไหน สวรรค์ของข้า! นั่งครอบครองอยู่บนกองสมบัติเช่นนี้ แต่ไม่รู้จักใช้!

ในความเป็นจริง สิ่งที่มันคิดค่อนข้างไม่ตรงกับเรื่องราวอยู่บ้าง อาณาจักรขุนเขาน้อยเป็นอาณาจักรขนาดเล็ก แม่น้ำอาณาจักรของอาณาจักรขุนเขาน้อย ปลายด้านหนึ่งนำไปสู่อาณาจักรนภาจันทร์ อีกปลายหนึ่งนำไปสู่อาณาจักรวารีฟ้า อาณาจักรนภาจันทร์ไม่ได้รุ่งเรืองคึกคักเหมือนอาณาจักรวารีฟ้า ด้วยเหตุนี้ ผู้คนที่จะเดินทางผ่านอาณาจักรขุนเขาน้อย เพื่อไปมาระหว่างสองอาณาจักรจึงหาได้ยากยิ่ง หมู่เกาะแมกไม้รกร้างยังตั้งอยู่ห่างไกลจากสำนักกระบี่หัวใจทะเลสาบมาก ที่นี่เป็นเพียงที่พักเท้าเท่านั้น เป็นธรรมดาที่ศิษย์สำนักกระบี่หัวใจทะเลสาบไม่คิดทุ่มเทความพยายามใดๆ กับเกาะแห่งนี้

จั่วม่อกลับมีความคิดของมันเอง แม้ว่าอาณาจักรขุนเขาน้อยรกร้างกันดาร แต่ห่างไกลจากมหานครนภาโลหิตมากกว่า กล่าวอีกทางหนึ่ง หากสถานการณ์เลวร้ายลงจริงๆ การล่าถอยผ่านอาณาจักรขุนเขาน้อย จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปยังอาณาจักรวารีฟ้า ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว

นี่คือแผนการที่ว่า

มันคาดการณ์ว่า หลังจากนี้อีกช่วงหนึ่ง จะมีผู้คนเดินทางผ่านแม่น้ำอาณาจักรไปยังอาณาจักรขุนเขาน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ

การเดินทางผ่านแม่น้ำอาณาจักรไม่ใช่เรื่องง่าย ระยะเวลาที่สั้นที่สุดต้องใช้เวลาหลายเดือน ส่วนการเดินทางที่ยาวนานอาจต้องใช้เวลาหลายปี หมู่เกาะแมกไม้รกร้างเป็นจุดพักจัดหาสินค้าจุดสุดท้าย ก่อนจะเข้าสู่แม่น้ำอาณาจักร นี่ย่อมเป็นโอกาสอันดีงามยิ่ง

ต้องการจัดหาสินค้าหรือ? ไม่มีปัญหา! ฮี่ฮี่ ค่าธรรมเนียมผ่านทาง...ค่าที่พัก...ค่าใช้จ่ายจัดหาสินค้า...แม้ห่านตัวหนึ่งบินผ่าน ก็ต้องถอนขนจนเกลี้ยงเกลา...

จั่วม่อตัดสินใจแน่วแน่ ต่อให้ยุงบินผ่านมา ก็ต้องบีบเค้นเอาเลือดจากเจ้ายุงสักสองสามหยด!

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาสั้นๆ ทางสำนักไม่มีเวลามาให้ความสนใจกับมันอย่างแน่นอน เมื่อถอยออกมามองจากด้านข้างกระดาน มันสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม ยามนี้สำนักอาจดูเข้มแข็งแกร่งกร้าว แต่ก่อนที่เจ้าสำนักจะย่อยสลายฝ่ายใหม่ๆ ที่เข้าร่วมแล้วเสร็จ สำนักก็แข็งแกร่งแต่เปลือกนอกเท่านั้น อันที่จริงภายในอ่อนแอมาก แน่นอน เรื่องนี้ท่านเจ้าสำนักเองก็ย่อมมองเห็นได้กระจ่างแจ้งเสียยิ่งกว่ามัน เพียงแต่เวลาที่หลงเหลือ จะเพียงพอให้ย่อยสลายแล้วเสร็จก่อนหรือไม่

นั่นขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิตแล้ว!

จั่วม่อสั่นศีรษะ โยนเรื่องไร้สาระนี้ทิ้งไปด้านหลังของจิตใจ ปัญหาที่แม้แต่ท่านเจ้าสำนักยังแก้ไม่ตก มันก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองความคิดไปยุ่งเกี่ยวแล้ว มันตัดสินใจหันกลับมาจัดการอาณาจักรเล็กๆ ของตัวเอง

หมู่เกาะแมกไม้รกร้างเป็นขุมทรัพย์ ต้องการนั่งรับจิงสือก็เป็นความคิดที่เข้าที แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันจำเป็นต้องมีรากฐาน นั่นคือพลังที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสนับสนุนพฤติกรรมอันอุกอาจนี้

นี่คือสิ่งที่มันกำลังบงการให้เหล่าศิษย์น้องช่วยกันกระทำในยามนี้

ศิษย์น้องแต่ละคนได้รับม้วนหยกจากศิษย์พี่จั่ว ภายในม้วนหยกเป็นรายละเอียดงานที่พวกมันต้องทำให้แล้วเสร็จ

งานเหล่านี้ทั้งหลากหลายและแปลกประหลาดมาก ชาวนาปราณถูกขอให้ปลูกพืชหญ้าสมุนไพรปราณสายพันธุ์พิเศษบางชนิด ลงในพื้นที่พิเศษเฉพาะบางแห่งบนเกาะ คนดูแลสัตว์ต้องวางแมลงและสัตว์บางชนิดหล่อเลี้ยงไว้ในพื้นที่บางตำแหน่ง จั่วม่อกระทั่งวาดรายละเอียดพื้นที่ที่พวกมันต้องหล่อเลี้ยงแมลงปราณเหล่านั้นไว้

งานส่วนใหญ่เป็นการขุดหลุมและร่องคูลึก แทบทุกคนรู้สึกว่ายากจะเข้าใจได้

หมู่เกาะแมกไม้รกร้างมีไอน้ำความชื้นอุดมสมบูรณ์มาก ผลของเวทวิชาธาตุน้ำเช่นเคล็ดเมฆฝนหล่นรินเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขุดหาน้ำใดๆ ก็มีน้ำเต็มคูคลองได้อย่างไม่ลำบาก นอกจากนี้ คูคลองที่ศิษย์พี่จั่วขอให้พวกมันขุด ตัดไขว้พาดผ่านไปทั่วทั้งเกาะ แต่ละคูแต่ละคลองยังเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด

ศิษย์พี่จั่วที่แท้คิดทำอะไร?

หลังจากผ่านไปช่วงระยะหนึ่ง ซิวเจ่อที่ละเอียดอ่อนบางคนพบว่าศิษย์พี่จั่วไม่ได้ปรากฏตัวเป็นเวลาสองวันแล้ว

ศิษย์พี่จั่วไปยังที่ใด?

 

(*แม่น้ำอาณาจักร มีบทบาทเป็นเส้นทางที่นำออกจากแต่ละอาณาจักร และน่าจะเป็นคำเรียกรวมๆ ไม่ได้หมายถึงแม่น้ำสายใดสายหนึ่งโดยเฉพาะ เรื่องสภาพแผนที่โลกผู้แปลยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่ดูเหมือนอาณาจักรในเรื่องนี้ส่วนมากจะอยู่รวมกันเป็นหย่อมๆ ล้อมรอบด้วยพื้นที่เชิงมิติ ส่วนใหญ่เวลาเดินทางออกจากแต่ละอาณาจักรจะต้องไปตามแม่น้ำอาณาจักรที่ว่านี้)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด