บทที่ 82: การแก้แค้นของสุภาพบุรุษ
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 82: การแก้แค้นของสุภาพบุรุษ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนตกตะลึงไปชั่วขณะพร้อมคิดกับตนเองอยู่ภายใน “อาวุโสลุงทั้งหลายไม่เคยมาสนใจใยดีข้าเลย แม้ว่าฉิงเฟิงซีจะช่วยเหลือข้า นั่นก็เป็นเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุผลเดียวที่ข้าสามารถเข้าสู่ระดับนี้ได้เกิดจากการฝึกฝนอย่างหนักของข้าเท่านั้น แล้วอย่างนี้จะเกี่ยวข้องกับพวกเขาได้อย่างไร?”
สำหรับภรรยาของเจ้าสำนัก เมื่อนางได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางขมวดคิ้วแน่นพร้อมถามออกมาอย่างขบขัน “ท่านกล่าวสิ่งใดออกมา? พรสวรรค์ที่น่าสงสารมันหมายถึงอะไร?”
“แน่นอนว่าข้าหมายถึงพรสวรรค์ของอ้วนน้อยผู้นี้” เจ้าสำนักกล่าวเสริม “ในอดีตที่ผ่านมา บิดาของเขาเป็นผู้ฝึกตนธาตุไฟและไม้ และสิ่งที่จะสามารถสนับสนุนบุตรของเขาได้คือเขาควรจะหาภรรยาที่มีลักษณะธาตุไฟและไม้เช่นนั้น ในตอนท้ายเขาพบผู้ฝึกตนธาตุน้ำ เหล็ก และดิน ท้ายที่สุดพวกเขาให้กำเนิดบุตรที่มีธาตุทั้งห้าครบ! หลังจากที่ข้าใช้ชีวิตมาหลายร้อยปี อาจกล่าวได้ว่าข้าเคยพบเจอมาหลายสิ่ง! แต่ข้ากลับไม่เคยเห็นผู้ใดที่มีพรสวรรค์เช่นนี้จะประสบความสำเร็จ เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าผู้คนเช่นนี้จะน่าสงสาร?”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเจ้าอ้วนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับเกิดรอยย่นบนหน้าผากอย่างชัดเจน เขาคิดกับตนเอง ‘ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดนิกายนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่ามังกรคะนอง อีกทั้งเขายังเป็นคนเดียวที่ไม่สนใจข้อห้ามใด ๆ บุคคลผู้นี้สามารถพูดตรง ๆ ด้วยความสบายใจ! ข้าจะสามารถไปตำหนิเขาได้อย่างไร ถ้าทำเช่นนั้น ข้าจะไม่ดูเลวร้ายเกินไปหรือ?”
ในขณะที่เขากำลังกล่าว หญิงสาวก็หัวเราะจนแทบจะหงายหลังล่วงลงไปที่พื้น
ผู้ฝึกตนระดับจินตันพยายามกลั้นหัวเราะของเขาอย่างถึงที่สุด แต่ทว่าร่างกายของเขาก็สั่นไหวอยู่ดี นั่นแสดงให้เห็นว่าเขากำลังพยายามอดกลั้นอย่างมาก
สำหรับภรรยาของเจ้าสำนัก นางถูหน้าผากของตนเองด้วยความไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อ นางคิดกับตนเอง ‘ในตอนนั้นข้าดวงตามืดบอดถึงเพียงใดกัน ที่เลือกเจ้าบ้านี่มาแต่งงานด้วย?’
แม้ว่าเขาจะถูกจ้าวสำนักเยาะเย้ย เจ้าอ้วนก็ไม่ได้โกรธเลย เพราะเขารู้สึกว่าจ้าวสำนักไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเช่นคนแปลกหน้า ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เขาใจลอย ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นจ้าวสำนักเสวียนเทียนคงเป็นเพียงแค่ตาแก่ที่อยู่มาสองถึงสามร้อยปีที่พูดจางี่เง่า
เจ้าอ้วนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงรู้สึกถึงความเป็นครอบครัว มันจึงไขข้อข้องใจระหว่างกันจนหมดสิ้น
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ จ้าวสำนักเปลี่ยนท่าทีของเขาทันทีเมื่อจ้องมองไปที่เอวของเจ้าอ้วน
ในตอนแรกเจ้าอ้วนคิดว่าเขาอาจจะใส่เข็มขัดผิดด้าน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจะน่าอับอายอย่างมาก! เขาตรวจสอบเครื่องแต่งกายของตนเองอย่างรวดเร็วและพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ พร้อมกับมองไปที่จ้าวสำนักอย่างสงสัย และส่งสายตาว่าเหตุใดจึงต้องจ้องมองเขาเช่นนั้น
จ้าวสำนักไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา เพียงแต่ขมวดคิ้วพร้อมกับเหยียดมือออก ต่อมาเจ้าอ้วนรู้สึกว่ามิติเก็บของและเข็มขัดของเขาได้ไปอยู่บนมือของจ้าวสำนัก
หลังจากที่คว้ากระเป๋ามิติไว้ได้ จ้าวสำนักใช้จิตวิญญาณตรวจสอบภายใน เขาพบเพียงดาบบินที่น่าสงสารเท่านั้น อีกทั้งยังพบยาอายุวัฒนะระดับต่ำและหินจิตวิญญาณเพียงเล็กน้อย จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เขาโกรธทันทีพร้อมกับถามออกมา “อ้วนน้อย เหตุใดเจ้าจึงยากจน? แล้วทำไมเจ้าต้องใช้มิติเก็บของที่งี่เง่าเช่นนี้? แม้ว่าเจ้าจะโยนมันทิ้งบนถนน ก็ไม่มีผู้ใดสนใจจะหยิบมันขึ้นมา!”
เห็นได้ชัดว่ารายการสิ่งของที่เจ้าอ้วนเก็บไว้ในมิติเก็บของมีไม่มากนัก จ้าวสำนักสงสัยทันที เขาจึงต้องสอบสวนอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนอื่นเลยที่ต้องรู้คือเจ้าอ้วนในตอนนี้อยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นสิบ นอกจากนี้เขายังมีอนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้า แต่บุคคลเช่นนี้กลับต้องใช้สิ่งของที่น่าสมเพชเช่นนี้ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเกินจะรับไหว
ในความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าเจ้าอ้วนไม่มีเงินที่จะซื้อมิติเก็บของชิ้นใหม่ แต่ว่าเขามีมิติลึกลับที่ไว้ใช้สำหรับเก็บทุกสิ่งอย่างอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่พบความจำเป็นที่จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อซื้อมิติเก็บของ เขาจึงเก็บมิติเก็บของที่สภาพเก่าแก่ใบนี้ไว้เพียงบังหน้าเท่านั้น
ในตอนแรก เจ้าอ้วนตั้งใจจะใช้มันเพื่อปกปิดความจริง และเขาก็เคยชินที่มีมันอยู่อย่างนั้น แต่ในตอนนี้จ้าวสำนักรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่เหมาะสมและกำลังเริ่มต้นสอบสวนเขา เจ้าอ้วนจึงนึกถึงเหตุการณ์บางอย่าง ในตอนที่เขาเพิ่งได้เข้าเป็นศิษย์นอก อาวุโสของสำนักได้สร้างความยากลำบากให้กับเขา เขาไม่เพียงแต่มอบมิติเก็บของเก่า ๆ พร้อมดาบบินที่ใกล้พัง แต่เขายังไม่ให้อุปกรณ์วิเศษอีกด้วย
เจ้าอ้วนยังเก็บเรื่องวันนั้นไว้ในใจเสมอมา เหตุผลที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเพราะว่าอาวุโสผู้นั้นมีอำนาจมากมายในศิษย์นอกและมีเหล่าศิษย์ที่สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังอีก ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้มันเป็นอิสระไปก่อน ในตอนนี้จ้าวสำนักได้ถามไถ่เขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยไม่ต้องคิดสิ่งใดต่อนี่จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการแก้แค้นอาวุโสผู้นั้น
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าอ้วนแสแสร้งเป็นไร้เดียงสาพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์ของท่านยากจนมาก จึงสามารถใช้ได้แค่สิ่งของที่สำนักมอบให้!”
“อะไรนะ!” ใบหน้าของจ้าวสำนักแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นี่คือสิ่งของที่สำนักมอบให้กับเจ้างั้นหรือ?”
“ขอรับ ดาบบินก็เช่นกัน ข้าได้รับมันเมื่อข้าได้เข้าเป็นศิษย์นอก” เจ้าอ้วนกล่าวเสริม “ในตอนนั้น ผู้อาวุโสกล่าวว่าสำนักอยู่ในช่วงที่กำลังย่ำแย่ และสามารถมอบให้ได้เพียงเท่านี้ บวกกับอุปกรณ์วิเศษที่ยังไม่ได้มอบให้กับข้า พร้อมกับบอกว่าจะมอบมันให้ข้าในทศวรรษถัดไป ศิษย์เพียงคิดว่าในตอนนี้สำนักกำลังมีปัญหา ข้าจึงไม่ควรพูดข่าวนี้ออกไป ดังนั้นข้าจึงต้องใช้มัน!”
“ฮ่าฮ่า!” จ้าวสำนักหัวเราะออกมาอย่างโกรธจัด เขาหยิบดาบบินสภาพใกล้พังออกมาพร้อมหัวเราะอย่างเย็นเยือก “สำนักเสวียนเทียนนั้นยิ่งใหญ่ แต่ทว่าภายใต้การปกครองของข้า มันกลับทำให้ขยะพวกนี้ตกลงไปอยู่ในมือศิษย์ของข้าได้อย่างไร? ข้าคงจะล้มเหลวในฐานะผู้นำอย่างแท้จริง!”
ภรรยาของจ้าวสำนักมองไปที่ดาบบินใกล้พังด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน ความโกรธพุ่งขึ้นถึงขีดสุด นางจึงกล่าวออกมาว่า “เมื่อเราก้าวเข้าสู่ความสันโดษ สำนักของเรายังคงมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ สิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เหล่าศิษย์ที่ชำนาญในการปรับแต่งอาวุธมีความสามารถมากมาย มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เหตุใดเราจึงเข้าสู่สภาวะขัดสนได้? มันต้องมีบางอย่างผิดปกติอยู่ในที่ใดสักแห่ง!”
“ไม่ว่าจะมีข้อผิดพลาดหรือไม่ เราขอพบกับอาวุโสที่ดูแลศิษย์นอก!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “เรียกอาวุโสทั้งแปดที่ดูแลศิษย์นอกมาพบข้า!”
“ขอรับ!” มีการตอบสนองในทันที พร้อมกับดำเนินการเรียกอาวุโสทั้งหมด
หลังจากที่ส่งคนออกไปแล้ว บรรยากาศทั้งหมดตึงเครียดทันที ในตอนนี้จ้าวสำนักและภรรยากำลังสนใจในเรื่องอื่นอยู่ การแสดงออกของผู้ฝึกตนระดับจินตันส่งสายตามาให้เจ้าอ้วน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังบอกให้เจ้าอ้วนสงบปากสงบคำ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ฝึกตนระดับจินตันไม่ได้คาดคิดว่าจ้าวสำนักจะมีตามองมาด้านหลัง ในขณะที่เขาเปลี่ยนสีหน้า เขาถูกจับได้ในทันที จ้าวสำนักมองเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวว่า “เจ้ากำลังคันใบหน้างั้นหรือ? เจ้าต้องการให้ข้ากระชากมันออกให้หรือไม่?”
“ศิษย์… ศิษย์ไม่กล้าขอรับ!” เมื่อเผชิญกับความเกรี้ยวกราดของจ้าวสำนัก เขาเกร็งจนแทบเป็นตะคริว