บทที่ 1 - ชื่อของฉันคือหลินหยี่ซิน
ชื่อของฉันคือหลินหยี่ซิน ฉันอายุ25ปี
พ่อแม่ของฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อฉันยังเด็กมาก ถึงแม้ว่าฉันจะหนึ่งในผู้เคราะห์ร้าย อย่างไรก็ตาม ทุกความทรงจำวัยเด็กของฉัน รวมทั้งคนที่อยู่กับพ่อแม่ เกือบจะหายไปทั้งหมด สิ่งที่ฉันจำได้ก็คือตอนที่รถยนต์พุ่งชนเข้ากับราวลูกกรงเท่านั้น จนถึงตอนนี้ ฉากนั้นก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของฉัน
แม้กระทั่งวันนี้ เมื่อฉันหลับตาลง บางครั้งฉันก็ได้ยินเสียงไถลของรถและเสียงแหลมของโลหะที่กำลังขูดกับพื้น
เสียงนั้นคือคำตอบของชีวิตและตาย
อุบัติเหตุทางรถยนต์เปลี่ยนชีวิตทั้งหมดของฉัน
จากนั้นเป็นต้นมา ไม่เพียงแค่ฉันสูญเสียพ่อแม่สุดที่รักของฉัน ฉันก็สามารถเห็นผีได้อีกด้วย
ขณะที่ฉันเปิดตาของฉันที่โรงพยาบาล ฉันก็ถูกล้อมรอบด้วยสิ่งสยองขวัญที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน กลุ่มของพวกเขากำลังลอยอยู่รอบเพดานขณะที่พวกเขาเฝ้ามองฉันอย่างระมัดระวัง
ในตอนนั้น ฉันก็ถูกกำหนดให้มีชีวิตที่แตกต่างจากคนอื่นๆ
แต่เมื่อฉันอายุมากขึ้น เหล่าผีรอบๆตัวฉันก็ค่อยๆแปลกมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น –
มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ณ ที่อยู่ปัจจุบันของฉัน เมียน้อยถูกผลักตกจากระเบียงโดยเมียหลวง แม้ว่าเมียหลวงจะสารภาพผิด วิญญาณของเมียน้อยก็ยังไม่ไปไหน
เพราะฉะนั้น....ทุกๆวัน เธอจะห้อยตัวเองลงมากจากหน้าต่าง เธอจะจ้องมองฉันด้วยตาโตและแดงก่ำของเธอ!
นี่มันชั้นที่26! เธอไม่เหนื่อยจากการห้อยตัวเองทุกวันเลยงั้นเหรอ? เธอไม่กลัว? เธอไม่กลัวความสูงเลยรึยังไงกัน? ฉันเดาว่าเธอไม่เต็มใจที่จะออกจากอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ อ๊ะ....
ฉันจะไม่เห็นเธอถ้าฉันปิดม่าน แต่ฉันก็ไม่สามารถปิดม่านได้ทุกครั้งใช่รึเปล่า? เฮ้อ ลืมมันไปเถอะ เพราะว่าเธอ ทุกคนเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้มีผีสิงอยู่ ผู้เช่าคนก่อนหน้านี้ทุกคนจะย้ายออกไปภายในหนึ่งสัปดาห์ โชคดีที่ฉันจ่ายเพียงแค่หนึ่งในสามของราคาห้องนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอพาร์ตเมนต์หรูระดับสูงก็ตาม
ฉันเดาว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนเรียกกันว่า "กำไรจากภัยพิบัติ"
ไม่ว่าจะเป็นยังไง แม้ว่าเธอจะห้อยตัวลงมา เลือดก็จะไม่ไปเลี้ยงที่หัวของเธอ เธอสามารถทำทุกอย่างที่เธอพอใจ!
โอ้ นอกจากนี้ยังมีตอนที่ฉันขวางหนุ่มหล่อและฉันก็ถูกชน ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันสนใจเขาอย่างแรง ดังนั้นฉันเลยติดตามเขาไปเหมือนโรคจิต กลับกลายเป็นว่าเขาพาฉันไปที่สุสาน... ในตอนที่ฉันตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น ผีหนุ่มหล่อและฉันก็ได้สบตากัน
จากวันนั้นเป็นต้นมา ชายหนุ่มจะมายืนอยู่หน้าประตูของฉันพร้อมกับไขว้แขนของเขา เขาจะแสดงสีหน้าอันชอบธรรมบนใบหน้าของเขาและจะไม่กลับไปที่สุสานอีกต่อไป เมื่อเขายืนจนเบื่อ เขาก็จะนั่งยองๆ เมื่อเขานั่งยองๆจนเหมื่อย เขาก็จะนอนราบตรงข้ามกับประตู
ฉันพูดไม่ออก แต่มันก็เป็นฉันที่ทำผิดก่อน ดังนั้นฉันก็เลยทำราวกับว่าเขาเป็นอากาศ แต่เมื่อใดก็ตามที่ฉันเข้าไปหรือออกจากบ้าน ฉันก็จะแอบมองเขาในขณะที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผี ฉันก็พอใจที่ได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
ฉันยังมีสัตว์เลี้ยงผีสองตัว สุนัขผีชื่อสไปค์และแมวผีชื่อทอม ชื่อของพวกมันมาจากการ์ตูนในวัยเด็กที่ฉันเคยดู ทอมแอนเจอรี่
สิ่งทีดีที่สุดเกี่ยวกับพวกมันคือการที่ฉันไม่ต้องให้อาหารพวกมัน พาพวกมันไปห้องน้ำ พาพวกมันไปเดินเล่นหรือดูแลพวกมัน ที่จริงแล้วฉันไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่ฉันก็ไม่เคยได้รับความสนใจจากพวกมันด้วยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่แล้วฉันถูกไล่ออกจากงาน จบสิ้นซึ่งการงานของฉันในฐานะพนักงานออฟฟิตที่ทำงานไม่ถึงปี
เหตุผลที่ฉันถูกเลิกจ้างนั้นง่ายมาก ฉันใช้ห้องน้ำหญิงของบริษัท เมื่อฉันสังเกตเห็นผีที่แขวนคอตัวเองอยู่ หลังจากที่ได้เห็นบางอย่างบางอย่างที่น่าตกใจแบบนั้น ภายในสองวินาทีฉันก็กระแทกประตูห้องน้ำขณะที่ฉันวิ่งออกมาอย่างเร่งรีบ เนื่องจากฉันกลัวมาก ฉันก็เลยไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ด้านหน้าฉัน ดังนั้นฉันก็เลยชนเข้ากับแม่ของบอสซึ่งมาตรวจสอบงานของลูกชายหล่อนอย่างจัง หล่อนลงเอยด้วยกระเด็นข้ามห้องออกไป.....
ไม่ว่าฉันจะอธิบายต่อบอสของฉัน(ที่ไม่สามารถเห็นผี)ผู้ซึ่งไร้ความปรานียังไง เขาก็ยังคงด่าฉันต่อหน้าพนักงานทั้งหมด.... และเขาก็บอกความจริงที่ว่าเขาไม่ดำเนินคดีกับฉันก็ใจกว้างมากแค่ไหนแล้ว จากนั้นเขาก็เอาค่าจ้างของฉันในช่วงสองเดือนสุดท้ายไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่เขา
บลา บลา บลา…..
ฉันได้แต่แอบถอนหายใจ เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้เกลียดชังมนุษย์เช่นเจ้า!! ฮึ่มม!
สถานการณ์การงานในปัจจุบันของฉันแย่มาก มีหลายคนที่เป็นเหมือนกับฉัน พวกเราเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ดังนั้นพวกเราต้องการงานดีๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเราไม่สามารหางานดีๆได้ แต่พวกเราก็ไม่เต็มใจรับงานแย่ๆ ดังนั้นพวกเราจึงติดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถขึ้นหรือลงได้
ฉันยื่นเรซูเม่ของฉันไปยังบริษัทขนาดเล็กหรือกลางทุกบริษัท แต่ฉันก็ยังไม่ได้คำตอบอะไรจากพวกเขาเลย
โชคไม่ดีที่ฉันเป็นคนจนที่สามารถใช้เงินเดือนของฉันก่อนที่จะมีรายได้ได้ ถ้าฉันไม่สามารถหางานได้ภายในสิ้นเดือนนี้ บางทีฉันอาจจะไปสบทบกับเมียน้อยและห้อยตัวเองลงมาจากหน้าต่างก็ได้ พวกเราสามารถอยู่ด้วยกันได้
"ฉันกำลังทำอะไรอยู่? ฉันกำลังทำอะไรอยู๋?" ฉันพูดพึมพำเหมือนฉันกำลังท่องพระไตรปิฎก ฉันนอนลงบนโซฟาด้วยขาที่ไคว้กันขณะที่ฉันยังคงแกว่งไปมา ฉันบ่นพึมพัม "โบราณบอกว่าเนินเขาที่โค้ง สายลมและเส้นทางมาบรรจบกัน เงาต้นหลิวผ่านพ้นและดอกไม้ยังคงเบ่งบานในหมู่บ้านอื่นๆ พระผู้เป็นเจ้าอาจจะปิดประตูให้คุณ แต่พระองค์จะทรงเปิดหน้าต่างบานอื่นให้แทน! แล้วหน้าต่างของฉันจะเปิดเมื่อไหร่กัน...!?"
ฉันใช้นิ้วเคาะบนแป้นพิมพ์อย่างรุนแรง หนึ่งแท็บคั่นแต่ละคำของฉัน ทำ ไม ถึง ยัง ไม่ ได้ รับ คำ ตอบ จาก ที่ นั่น?
ฉันตระหนักว่าทั้งท้องและสมองของฉันว่างเปล่า ฉันคิดไม่ออกและอพาร์ทเม้นก็เงียบเกินไป ฉันสามารถได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง
จากนั้นฉันก็ค้นพบปัญหาอื่นๆ ลมหายใจของฉันหนักขนาดนั้นเมื่อไหร่กัน? แล้วห้องอพาร์ทเม้นเงียบถึงขนาดนี้?
ขณะที่ฉันคิดเกี่ยวกับมัน ฉันก็จ้องมองที่เพดาน
บางสิ่งบางอย่างแปลกไป หรือว่าจะเป็นการเข้าใจผิด? ฉันไม่สามารถอธิบายได้ว่ามีอะไรแปลก แต่มันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างพิเศษ แต่มันก็ยังคงดูเหมือนเดิม มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดจริงๆ
จริงๆแล้วปัญหาคืออะไรกันแน่?
ในขณะที่ฉันกำลังขบคิดอยู่นั้น ก็มีหยดน้ำจากเพดานหยดบนหน้าผากของฉัน มันเย็นและทำให้ฉันรู้สึกสั่นสะท้าน
"เกิดอะไรขึ้นกัน?" ในที่สุดฉันก็หลุดความงุนงงและสังเกตเห็นคราบสีดำที่ปรากฏอยู่บนเพดานของห้อง ฉันไม่รู้ว่าคราบนี้อยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันก็ไม่ใช่ลวดลายจากวอลล์เปเปอร์ มันคือคาบน้ำ!
โอ้ ยัยบ้าเอ้ย! ฉันตบหน้าผากตัวเอง
ฉันแบ่งปันความโชคร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แม้กระทั่งเพื่อนบ้านของฉันยังต้องติดร่างแหไปด้วย!?
ฉันหยิบโทรศัพท์และคว้ากุญแจของฉันในขณะที่ฉันเดินเข้าไปในลิฟท์และมุ่งหน้าไปยังห้อง2705ที่อยู่บนชั้น27