ตอนที่แล้วบทที่ 165 สำนักสุญตาลงมือแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 167 สถานที่ยังคงเดิม แต่ผู้คนไม่ใช่แล้ว  

บทที่ 166 ที่นี่ยอดเยี่ยมมาก  


 

จั่วม่อเบิกตามองเถาวัลย์สีม่วงที่กำลังเติบโตอย่างป่าเถื่อน เถาวัลย์ม่วงหนาเท่านิ้วมือ เรียบลื่นแข็งแกร่ง มีพวงดอกไม้สีน้ำเงินเล็กๆ งอกออกมาจากเถา ให้ความรู้สึกเยือกเย็นสง่างาม เถาวัลย์เหล่านี้ไม่ได้มีรากฐานรองรับ แต่เติบโตขึ้นกลางอากาศอันว่างเปล่า กระจายออกไปสี่ทิศสี่ทาง

จั่วม่อสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลเล็กๆ นับไม่ถ้วน ดวงตาจ้องเถาวัลย์ม่วงเขม็ง เต็มไปด้วยความหวาดระแวง

มันสามารถสัมผัสกลิ่นอายอันคุ้นเคยจากภายในเถาวัลย์ม่วงกลุ่มนี้

แปลงรูปลักษณ์!

เถาวัลย์ม่วงคือเจตจำนงกระบี่ของซือฟู่!

บัดซบ สายตามันมองลอดระหว่างกิ่งเถาวัลย์ จ้องไปยังน้ำพุปราณที่ผุดพรายเป็นฟองอยู่ไม่ไกล แลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งแตกตามสัญชาตญาณ แม้ว่าทุกช่วงระยะหนึ่ง จะมีน้ำดื่มและเสบียงอาหารส่งเข้ามาในค่ายกลอยู่เป็นประจำ แต่ปริมาณไม่มากพอที่จะบรรเทาความหิวกระหายของมัน

หลังจากเสียเวลาไปหลายวัน จั่วม่อแทบไม่เข้าใจค่ายกลบัดซบนี้แม้แต่น้อย หัวใจมันเย็นเฉียบ แม้ไม่ทราบว่าท่านเจ้าสำนักว่าจ้างปรมาจารย์ท่านใดให้มาก่อตั้งค่ายกลขบวนนี้ แต่ฝีมือของคนผู้นี้น่าอัศจรรย์ยิ่ง จั่วม่อไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าสามารถนำเจตจำนงกระบี่มาใช้สร้างค่ายกล! ตอนที่มันตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ยังแทบไม่กล้าเชื่อวิจารณญาณของตนเอง

สิ่งที่ทำให้จั่วม่อรู้สึกอับจนหนทางมากกว่าเดิม คือเจตจำนงกระบี่ทั้งห้าที่อยู่ภายในค่ายกล ล้วนแล้วแต่บรรลุขั้นเจตจำนงกระบี่แปลงรูปลักษณ์ทั้งสิ้น! ท่านย่ามันเถอะ! ห้ายอดคนด่านจินตันร่วมมือกันสร้างค่ายกลขบวนมหึมา เพื่อรังแกซิวเจ่อด่านจู้จีตัวน้อยๆ ให้ได้รับความลำบาก ท่านเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโส พวกท่านใช่อยู่ว่างเกินไปหรือไม่? ไม่มีเรื่องราวดีๆ อื่นใดให้กระทำกันแล้วหรือ?

จั่วม่อก่นด่าอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นับตั้งแต่เข้าสู่ค่ายกล มันได้รับความทุกข์ทรมานมากมาย จากศีรษะจรดเท้าเปรอะไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ ด้วยพลานุภาพของเจตจำนงกระบี่แปลงรูปลักษณ์ที่เฝ้ารักษาค่ายกลทั้งห้า เพียงแค่ปลดปล่อยระลอกออกมาเบาๆ ก็มากพอจะบดขยี้มันเป็นผุยผง มิหนำซ้ำหากมันใช้วัชรสูตรน้อย เจตจำนงกระบี่เล็กละเอียดนับไม่ถ้วนจะเปลี่ยนเป็นพายุ ถาโถมเข้ารุมทึ้งมันในพริบตา

จั่วม่อรู้สึกสลดหดหู่มาก เดิมทีเป็นผู้ใดเรียกให้มันฝึกปรือวัชรสูตรน้อยกันเล่า?

สถานที่ที่มีน้ำพุปราณแต่ละแห่งภายในค่ายกล ล้วนถูกพิทักษ์ไว้ด้วยเจตจำนงกระบี่แปลงรูปลักษณ์ทั้งห้ารูปแบบ เจตจำนงกระบี่ของท่านเจ้าสำนักเป็นยอดเขาลูกหนึ่ง สูงตระหง่านแข็งกร้าว จั่วม่อเพียงเหลือบมองแวบเดียว หัวใจก็สะท้านสั่นไหว สภาวะอันหนักหน่วงแข็งกร้าวชนิดนี้ทำให้มันหายใจไม่ออก จั่วม่อหันหลังโกยอ้าวโดยไม่รีรอ มันไม่คิดเลยว่านอกจากอาจารย์ลุงซินหยานแล้ว ท่านเจ้าสำนักเองก็แข็งแกร่งถึงขั้นนี้ เจตจำนงกระบี่ของอาจารย์ลุงหยานเล่อเป็นจิ้งจอกหิมะสีขาว รูปร่างเพรียวบางของจิ้งจอกช่างย้อนแย้งกับอาจารย์ลุงอย่างสุดขั้ว หากมิใช่ประกายเจ้าเล่ห์ในดวงตาของจิ้งจอก มันอาจยังสงสัยว่านี่เป็นเจตจำนงกระบี่ของผู้ใดกัน เจตจำนงกระบี่ของซือฟู่เป็นเถาวัลย์ม่วง มันไม่เคยชมดูการต่อสู้ของซือฟู่มาก่อน ดังนั้นคิดหวังทดลองเสี่ยงโชคดู

ผลลัพธ์น่ะหรือ พวงดอกไม้สีฟ้าระเบิดโดยพร้อมเพรียง แต่ละกลีบเปลี่ยนเป็นพายุฝนกลีบบุปผา รายล้อมรอบกายจั่วม่อ มันในที่สุดได้ลิ้มรสชาติการถูกเชือดเฉือนพันมีดพร้อมกันก็คราวนี้เอง

เจตจำนงกระบี่เล่มสุดท้ายแปลกหน้าต่อมันโดยสิ้นเชิง คลับคล้ายค่ายกลปากว้า*ที่หมุนเวียนไม่รู้จบ นี่เป็นครั้งแรกที่จั่วม่อพบเห็นเจตจำนงกระบี่แปลกพิสดารเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากรับมือเจตจำนงกระบี่เหล่านี้ทุกวี่วัน มันก็สามารถคว้าจับเบาะแสบางอย่างได้ เจตจำนงกระบี่ปากว้า*นี้อาจดูน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ที่จริงกลับอ่อนด้อยที่สุดในหมู่เจตจำนงกระบี่ทั้งห้า

(ปา-กว้า ในที่นี้น่าจะหมายถึงรูปร่างแบบแผ่นจานยันต์แปดทิศที่นักพรตชอบใช้กัน)

แต่ด้วยพลังบำเพ็ญเพียรอันน้อยนิดจนน่าเวทนาของจั่วม่อ มันไม่สามารถจัดการกับเจตจำนงกระบี่เล่มใดได้เลย แม้แต่เจตจำนงกระบี่ปากว้าที่อ่อนแอที่สุด

พื้นที่ชีวิตไม่กี่แห่งในขบวนค่ายกล เป็นพื้นที่เดียวที่มันสามารถพักหายใจ

จั่วม่อได้แต่ล่าถอยกลับไปยังพื้นที่ชีวิตเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้รับความลำบากมาหลายวันอย่างสูญเปล่า บางพื้นที่หากไม่ล่วงล้ำเข้าไปก็ไม่มีอันตราย ค่ายกลเจตจำนงกระบี่ขบวนนี้คล้ายมุ่งเน้นปิดล้อมกักขัง ไม่คิดเข่นฆ่าสังหาร มิเช่นนั้น เจตจำนงกระบี่ทั้งห้าเพียงแค่เคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติของพวกมัน ทุกสิ่งทุกอย่างภายในค่ายกลจะกลายเป็นฝุ่นผงในทันที

ทุกช่วงระยะเวลาหนึ่ง สิ่งของจะถูกส่งเข้ามาสู่ค่ายกล น้ำดื่ม ข้าวปราณ จิงสือ โอสถปราณ เคล็ดวิชากระบี่ และอื่นๆ โดยเฉพาะม้วนหยกเคล็ดวิชากระบี่ ไม่ทราบเหล่าผู้อาวุโสต้องการย้ายหอคัมภีร์ทั้งหอมาไว้ในค่ายกลหรือไร?

จนถึงตอนนี้ จั่วม่อในที่สุดก็ยอมรับ ว่ามันคงไม่อาจออกไปได้ในเร็ววัน มันนึกไม่ออกว่าไฉนเหล่าผู้อาวุโสมีโทสะต่อมันอย่างรุนแรง จั่วม่อก็คร้านจะขบคิดอีก ในเมื่อให้มันอยู่ที่นี่ มันก็จะอยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากค่อยๆ คุ้นเคยบ้างแล้ว มันก็ชักเริ่มสนใจใคร่รู้ในค่ายกลขบวนใหญ่นี้ขึ้นมาอย่างเต็มที่

จั่วม่อไม่เคยพบเห็นค่ายกลที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้มาก่อน สามารถสัมผัสได้โดยตรงทุกวันเวลา ไม่ใช่เป็นโอกาสเรียนรู้ที่ดีที่สุดหรอกหรือ?

คิดได้เช่นนี้ จั่วม่อพลันรู้สึกว่าวันคืนเยี่ยงนี้ ก็ไม่ได้ยากลำบากเท่าใดแล้ว

นอกเหนือจากค่ายกลอันลึกลับพิสดารชวนมึนเมานี้แล้ว ห้าเจตจำนงกระบี่ขั้นแปลงรูปลักษณ์ ก็มิใช่กำลังเปิดเผยให้มันชมดูอย่างไม่ซ่อนเร้นหรอกหรือ? ทั้งคุณภาพสูงส่งสุดยอด ทั้งไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือจิงสือ มีมากมายหลายสิ่งที่มันสามารถศึกษาและลอกเลียนได้!

จั่วม่อบรรลุเจตจำนงกระบี่มานานมากแล้ว หลังจากที่มันไม่ได้ทุ่มเทความพยายามสืบต่อ ฝีมือทางด้านนี้ก็หยุดชะงักไป เมื่อยามนี้มีตัวอย่างชั้นยอดมาวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า หากไม่คว้าโอกาสไว้ มันก็โง่งมจริงๆ แล้ว

ที่นี่ยอดเยี่ยมมาก!

ขบวนค่ายกลกับเจตจำนงกระบี่อาจไม่สามารถอบรมสั่งสอนมันได้โดยตรง แต่จั่วม่อย่อมมีหนทางของตนเอง

 

จั่วม่อล่าถอยกลับเข้าไปในพื้นที่วงกลมชีวิต ไม่ห่างออกไปนัก มังกรค่อยๆ เคลื่อนร่างมหึมาแหวกว่ายผ่านมาอย่างเกียจคร้าน จั่วม่อสามารถมองเห็นได้ชัดเจนไปจนถึงแผ่นเกล็ดที่คล้ายเศษน้ำแข็งบนร่างมังกร จั่วม่อแสยะยิ้มฮี่ฮี่ เงื้อมือขว้างก้อนหินไปยังมังกรน้ำแข็ง

ซี่ ซี่ ซี่!

ก้อนหินน้อยๆ เมื่อเผชิญกับเจตจำนงกระบี่เล็กละเอียดเหลือคณานับ ก็ถูกบดขยี้เป็นผุยผงกลางอากาศในพริบตา กระทั่งเศษฝุ่นเล็กๆ ยังไม่อาจเข้าถึงร่างมังกรได้

อย่างไรก็ตาม มังกรถูกการท้าทายของจั่วม่อกระตุ้นโทสะอย่างเห็นได้ชัด เปล่งเสียงคำรามกึกก้องเกรี้ยวกราด สั่นสะเทือนไปทั้งค่ายกล

จั่วม่อเพ่งมองมังกรพิโรธด้วยใจครั่นคร้าม ระคนตื่นเต้นยินดี พลังสภาวะอันเกรี้ยวกราดทำให้ตัวมันสั่นสะท้านอย่างไม่อาจยับยั้ง แต่สองตาถลึงจ้องมังกรตาไม่กะพริบ!

มังกรคลั่งเริ่มอาละวาดภายในค่ายกล สะเก็ดดินสะเก็ดหินบินเวียนว่อน เจตจำนงกระบี่เล่มอื่นคล้ายฝูงหมาป่ากระหายเลือด พอได้ยินเสียงราชันหมาป่าคำรามเรียก ก็ระเบิดขึ้นโดยพร้อมเพรียง! มังกรยักษ์สะบัดร่างใหญ่โตอย่างรุนแรง เกล็ดมังกรแปรเปลี่ยนเป็นเจตจำนงกระบี่น้ำแข็งอันคมกล้า มากมายไร้ที่สิ้นสุด กวาดทะลวงออกไปทุกทิศทุกทาง!

ช่างอหังการสุดฟ้าสุดดิน!

จั่วม่อสามารถรู้สึกถึงพลังไร้ผู้ต้านภายในค่ายกล รู้สึกถึงเจตจำนงกระบี่ทุกเล่ม ไม่ว่าจะเล็กละเอียดสักปานใด ทั้งสมบูรณ์แบบและบริสุทธิ์อย่างยิ่ง! ระหว่างเจตจำนงกระบี่แต่ละเล่มมีความสัมพันธ์ซับซ้อนอย่างที่สุด ลึกลับอัศจรรย์เกินกว่าจินตนาการ

กระแสน้ำขึ้นน้ำลง!

จั่วม่อเห็นกระแสน้ำอันคุ้นตาอีกครั้ง!

ทุกครั้งที่มังกรสะบัดร่าง เจตจำนงกระบี่จะกระเพื่อมไปบนร่างกายที่ประกอบขึ้นจากเจตจำนงกระบี่จำนวนมหาศาล พลังบริสุทธิ์แล่นพล่านไปตามชั้นเจตจำนงกระบี่เป็นระลอก ประดุจกระแสน้ำขึ้นน้ำลงอันดุดัน!

ร้ายกาจ...ร้ายกาจเกินไป!

จั่วม่อฟันกระทบกันดังกึกๆ แม้ว่ามันจะอยู่ภายในพื้นที่วงกลมชีวิต แต่ต่อหน้าพลังอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันรู้สึกว่าตัวมันช่างเล็กกะจ้อยร่อย! แต่มันยังคงฝืนทน แม้ว่าร่างจะสั่นระริก ฟันบนล่างกระทบกันไม่หยุด แต่ยังคงทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งมวลพยายามเบิกตาให้กว้าง จ้องมองมังกรมฤตยูตาเขม็ง ไม่อยากพลาดทุกรายละเอียด!

เจตจำนงกระบี่ของอาจารย์ลุงรองเป็นปราการสุดท้ายที่มันต้องเผชิญ เนื่องเพราะนี่เป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเจตจำนงกระบี่ทั้งห้า!

อาจารย์ลุงเจ้าสำนักเจตจำนงกระบี่หนักหน่วงดั่งขุนเขา อาจารย์ลุงสามเจตจำนงกระบี่มากเล่ห์ประดุจจิ้งจอก เจตจำนงกระบี่ของซือฟู่สงบเงียบเหมือนเถาวัลย์ และสุดท้ายยอดฝีมือที่มันไม่รู้จัก เจตจำนงกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดดุจดั่งค่ายกล

ผ่านการเผชิญหน้ากับเจตจำนงกระบี่ทั้งสี่นี้ จั่วม่อเดิมทีคิดว่ามันสามารถเผชิญหน้ากับเจตจำนงกระบี่ของอาจารย์ลุงรองได้อย่างเยือกเย็น แต่จนกระทั่งต้องเผชิญหน้ากับมังกรน้ำแข็งจริงๆ มันค่อยเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ว่าเหตุใดเจตจำนงกระบี่ของอาจารย์ลุงรองจึงเป็นจุดศูนย์กลางของค่ายกล

เนื่องเพราะกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังไม่ใช่แข็งแกร่งกว่าแค่เล็กน้อย แต่เหนือล้ำกว่าหลายขั้น!

จั่วม่อไม่สามารถจินตนาการได้ ว่าเจตจำนงกระบี่ของคนผู้หนึ่ง สำเร็จถึงขั้นน่าแตกตื่นสะท้านโลกถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ในหมู่เจตจำนงกระบี่ทั้งห้า จั่วม่อเคยคิดว่ามันสมควรคุ้นเคยกับเจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งของอาจารย์ลุงรองมากที่สุด แต่บัดนี้ค่อยทราบว่ามันผิดแล้ว ทั้งยังผิดอย่างมหันต์! ที่แท้มันไม่เคยเข้าใจเจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งอย่างแท้จริงเลยสักนิด ไม่แม้กระทั่งจะสัมผัสถึงพื้นผิวเสียด้วยซ้ำ

แม้แต่สำเนียงพิฆาตระฆังจันทราของค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ เมื่ออยู่ต่อหน้าเจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งของอาจารย์ลุงรอง ก็ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง!

จั่วม่อสองเท้าติดตรึงแน่นกับพื้น ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในวงกลมพื้นที่ชีวิต มังกรร้ายก็หาได้มีอันตรายต่อมันไม่ แต่แม้ว่ามันจะทราบเช่นนี้ ยังคงรู้สึกว่าความกล้าหาญของมันกำลังสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว จนน่าเจ็บปวดใจ

อดทนเอาไว้!

 

ตลอดสิบวันให้หลัง จั่วม่อยังคงท้าทายมังกรน้ำแข็งไม่เคยขาด

กระทั่งอู่หลิงซ่านเหรินผู้ก่อตั้งค่ายกล ยังคาดไม่ถึงว่าจั่วม่อจะใช้กลอุบายชั่วช้าไร้ยางอายเช่นนี้ ค่ายกลขบวนมหึมาไม่ว่าจะน่าอัศจรรย์สักเพียงใด ก็ยังคงเป็นค่ายกลอยู่วันยันค่ำ ดังนั้นต้องอาศัยพลังปราณสนับสนุนค้ำจุนเอาไว้ จั่วม่อเมื่อคอยยั่วแหย่มังกรอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้มังกรอาละวาดเดือดดาลไม่หยุดหย่อน เท่ากับเร่งการเผาผลาญพลังปราณของค่ายกล ให้หมดเปลืองไปอย่างรวดเร็วกว่ายามปกติมาก

แน่นอน หากจั่วม่อเพียงพึ่งพาวิธีการนี้เพื่อหลบหนี เกรงว่ายังต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่าสองปีสามปีกว่าจะบรรลุผล

สิ่งที่จั่วม่อประหลาดใจระคนยินดีก็คือ ขณะที่ค่ายกลมหึมาใช้พลังปราณมากมายติดต่อกันไม่หยุดยั้ง สถานที่สำคัญบางตำแหน่งที่ถูกซ่อนไว้ก็ค่อยๆ เผยโฉมออกมา เวลานี้มันลงมือเร่งร้อนยิ่งขึ้น คอยกระตุ้นเจตจำนงกระบี่ทั้งห้าทุกวี่วัน ทางหนึ่งคือมันสามารถสังเกตและเข้าใจเจตจำนงกระบี่ได้ดีขึ้น อีกทางหนึ่ง ก็คือสามารถเร่งมือลดระดับพลังปราณของค่ายกลอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าพรสวรรค์ของจั่วม่อจะเลิศล้ำสักเท่าใด มันก็ยังคงเป็นเพียงซิวเจ่อด่านจู้จีเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงขั้นสูงบางอย่าง เกินขอบเขตความเข้าใจของมันไปไกล ไม่สามารถเรียนรู้ได้ แต่ส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานและระดับต่ำกว่า สำหรับมันย่อมมีค่ามากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

เจตจำนงกระบี่ก็เช่นเดียวกัน

ไม่มีสิ่งใดดีที่สุด มีแต่สิ่งที่เหมาะสมที่สุด

กาลเวลาภายในค่ายกลคล้ายเลือนหายไป จั่วม่อหลงลืมเวลาโดยสิ้นเชิง ราวกับว่ามันลงไปในขุมสมบัติใหญ่โต มีทรัพย์สมบัติมากมายรอให้ขุดค้นเสาะหา มันกลายเป็นลุ่มหลงงมงาย เฝ้าศึกษาค้นคว้าไม่รู้จักเบื่อหน่าย

 

เวลารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว จั่วม่อเปลือยท่อนบน กวาดตามองรอบข้าง ดวงตากระจ่างสดใส

มันมองมังกรน้ำแข็งที่อยู่ในระยะประชิดติดตัว มังกรยังคงอหังการไม่เสื่อมคลาย แต่ประกายแวววาวที่เคยมี มืดสลัวลงกว่าแต่ก่อนมาก จั่วม่อจู่ๆ รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่บ้าง ครึ่งปีมานี้ มันใช้ชีวิตอยู่กับเจตจำนงกระบี่เหล่านี้ตลอดทั้งวันทั้งคืน แม้รู้ว่าพวกมันไม่มีชีวิต จั่วม่อในใจยังคงเศร้าเสียดายไม่น้อย

เนื่องเพราะวันนี้มันตัดสินใจจะสะสางประสบการณ์ทุกอย่างที่ได้เรียนรู้มาในครึ่งปีนี้

ถึงเวลาที่มันจะออกจากค่ายกลเสียที!

เวลานี้ พื้นที่วงกลมชีวิตซึ่งจั่วม่ออาศัยอยู่ขยายจากสามจั้งเป็นสิบจั้ง พื้นที่นี้ถูกดัดแปลงโดยวิชาความรู้ที่มันเข้าใจในค่ายกลนี้เอง

เมื่อตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะจบเรื่องนี้ จั่วม่อก็ไม่ได้เร่งรีบ มันนั่งลงเข้าฌาน ลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างไป

ไม่ทราบว่านานเท่าใด จั่วม่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แสงในดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าเดิม

กระบี่หยดน้ำลอยนิ่งอยู่เบื้องหน้า มันจมลงไปในภวังค์ความคิด

 

ครึ่งปีมานี้ การเปลี่ยนแปลงของสำนักกระบี่สุญตารุนแรงพอจะทำให้ผู้คนอ้าปากค้าง สำนักกระบี่สุญตาปัจจุบันเป็นสำนักใหญ่ที่สุดในตงฝู เขมือบกลืนแทบทุกสำนักในตงฝูเข้าไป นอกจากนี้ยังกลายเป็นหนึ่งในสามสำนักที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรนภาจันทร์ เป็นหนึ่งในมหาอำนาจขั้วใหม่อย่างชัดแจ้ง

สามเดือนที่แล้ว เหวยเสิ้งออกมาจากการปิดด่านฝึกตน และหลัวหลีกลับมาจากถ้ำกระบี่ เมื่อสองศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้เข้าร่วมสงคราม พลังต่อสู้ของสำนักกระบี่สุญตาก็พุ่งทะยานไปถึงสวรรค์ พวกมันติดตามซินหยาน ต่อสู้เข่นฆ่าไปทุกทิศทุกทาง เร่งอัตราการขยับขยายของสำนักกระบี่สุญตาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

ดวงตาทุกคู่ภายในอาณาจักรนภาจันทร์ จดจ้องอย่างกังวลมายังสำนักใหม่ที่กำลังเจิดจรัสนี้

หากเป็นในอดีตเมื่อไม่นานมานี้ พฤติการณ์ของสำนักกระบี่สุญตาจะก่อให้เกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง สำนักอื่นมากมายอาจลงมือแทรกแซง อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทุกผู้คนเอาแต่เฝ้าดู ไม่มีผู้ใดคิดยุ่งเกี่ยว เนื่องเพราะข่าวหนึ่งแพร่สะพัดไปทั่ว

ข่าวการล่มสลายของมหานครนภาโลหิต!

ข่าวลือนี้คล้ายติดปีกบิน เพียงไม่นานก็แพร่กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้าในอาณาจักรนภาจันทร์!

สำนักเล็กๆ บางแห่งอาสาเข้าร่วมกับสำนักกระบี่สุญตาด้วยความตั้งใจของพวกมันเอง ใต้ร่มไม้ใหญ่ ย่อมร่มเย็นปลอดภัยกว่าการอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายมาก!

ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น ต่อให้ท้องฟ้าถล่มลงมา สำนักกระบี่สุญตายังมีสี่ยอดคนด่านจินตันค้ำยันท้องฟ้าเอาไว้!

ซินหยานนำเหวยเสิ้งกับหลัวหลีเปิดศึกทางด้านนอก หยานเล่อเดินทางไปเยือนสำนักอื่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อแสดงความนับถือและเผยแพร่เจตนาในความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของสำนักกระบี่สุญตา เผยเหยียนหรานประสานงานทั่วไป ยุ่งวุ่นวายจนหัวหมุนงุนงง ร้อนถึงสือฟ่งหรงต้องออกจากห้องหลอมกลั่น มาช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่มัน

ในช่วงเวลาเช่นนี้เอง ลำแสงเจิดจ้าก็พวยพุ่งขึ้นจากด้านหลังภูเขาสุญตา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด