บทที่ 149 เดทดูหนังกับรูหยัน
บทที่ 149 เดทดูหนังกับรูหยัน
แปล Tarhai
กลุ่ม https://www.facebook.com/groups/1743836472377756/
ลงตอนที่ 1-200 ราคา 200 ลงทุกวัน วันละ 6-7 ตอน
ติดต่อที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=100002039138559
อ่านบนเว็บ
https://amnovel.com/cat.php?id=58
https://www.thai-novel.com/?page_id=220202&preview=true
"แล้ว คุณจะลงโทษฉันยังไง ?" ฉิงเฟิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย
แต่เขาแกล้งทำเป็นว่ากลัว เขาไม่ได้กลัวอะไรรูหยันเลยสักนิด เพียงแค่รำคาญเล่ห์เหลี่ยมของเธอเล็กน้อย
เขาถูกหลินซู่เข้าใจผิดครั้งใหญ่ตั้งแต่ตอนที่เขาถูกจับได้ว่าไปซื้อผ้าอนามัยและเอาไปให้ผู้หญิงถึงห้องน้ำหญิง
ดังนั้น ฉิงเฟิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อได้ยินว่ารูหยันกำลังจะลงโทษเขา
ฉิงเฟิงจึงตัดสินใจที่จะคนเริ่มก่อนและหาทางพลิกกระดานซะเอง
"พี่สาว ถ้าคุณโกรธจริงๆคุณตีก้นฉันได้เลยเพื่อระบายความขุ่นเคืองของคุณ แต่คุณต้องอ่อนโยนจริงๆนะ..." ฉิงเฟิงกล่าวอย่างหดหู่
เขาตัดสินใจที่จะมอบครั้งแรกให้กับเธอเพื่อทำให้ความโกรธของเธอดลง
"หึ ! ไอ้บ้า !” รูหยันหน้าแดง
เธอต้องการที่จะลงโทษเขา แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นคนที่ถูกล้อเลียน ไม่ต้องพูดถึงแพลนก่อนหน้า แต่เธออยากจะทุบตีเขาซะตอนนี้เลย
"ฉันจะหยิกความบ้าออกจากตัวคุณ !" เพื่อปล่อยความโกรธของเธอ รูหยันเอื้อมมือไปที่ไหล่ของฉิงเฟิงและหยิกเขา
"ช่วยด้วย ! ฆาตกร!" ฉิงเฟิงวิ่งหนีไปข้างหน้าในขณะที่ร้องตะโกน
"ตูดหมึก ! หยุดตรงนี้ ฉันจะฆ่าคุณ !" รูหยันวิ่งไล่เขามาจากข้างหลังด้วยเรือนร่างที่งดงามของเธอ
พวกเขาล้อเล่นกันและวิ่งไล่จับกันที่หน้าโรงหนังยังกับคู่รักหวานแหววซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้อื่นโดยรอบ
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด สาวสวยและหนุ่มหล่อก็มักจะดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี
ฉิงเฟิงซื้อตั๋วหนังสองใบในราคาหนึ่งร้อยหยวน ที่นั่งหมายเลข 8 และ 9 ในแถวแรก
ที่นั่งแถวแรกที่ดีที่สุดเนื่องจากอยู่ใกล้กับหน้าจอมากที่สุด นอกจากนี้ที่นั่ง 8 และ 9 ยังอยู่ตรงกลางจอซึ่งเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดในโรง
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยผู้คนในขณะนี้ ซึ่งก็หมายความว่าหนังกำลังจะเริ่ม
"อืมม มีคนนั่งอยู่ที่นั่งของเรา?"
ฉิงเฟิงและรูหยันพบว่าที่นั่งของพวกเขาถูกจับจองโดยนักเลงผมสีเหลือง เมื่อพวกเขามาถึง
นักเลงคนนี้ได้ย้อมผมสีเหลือง เจาะหูและมีรอยสักบนไหล่ของเขา
"ขอโทษนะพวก นี่เป็นที่นั่งของฉัน" ฉิงเฟิงพูดกับนักเลงผมเหลืองที่นั่งอยู่ทางซ้ายของเขา
"ไอ้น้อง นายไม่รู้หรือว่าฉันเป็นบอสใหญ่ในโรงหนังออสการ์นี่ ? ฉันแสดงความเคารพต่อนายโดยการนั่งที่นั่งของนายไง" นักเลงผมเหลืองจ้องไปที่ฉิงเฟิงด้วยความรังเกียจและไม่สนใจเขา
ชายผมเหลืองคนนี้เป็นอันธพาลในโรงหนังแห่งนี้ หลายๆคนถูกเขารังแกและพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเขาเพราะเขาเป็นนักเลง
เยสเข้ ! โคตรงาม !
ขณะที่เขายกศีรษะขึ้น นักเลงผมเหลืองก็น้ำลายไหลตั้งแต่ที่เขาเห็นหลิวรูหยัน
"นี่เป็นที่นั่งของเรา โปรดลุกไปหนังกำลังจะเริ่มแล้ว"
รูหยันจ้องมองที่นักเลงผมเหลืองด้วยความโกรธ
เธอโกรธและรำคาญนักเลงผมสีเหลืองคนนี้มากๆ
คนสวย ฉันมีที่นั่งให้คุณ มานี่มานี่"
นักเลงผมเหลืองยิ้มให้รูหยันและชี้ไปที่ที่นั่งข้างๆเขาขณะมองจ้องเธอ
ยัยแม่ไก่คนนี้เด็ดชิบ สวยชิบหาย ! ฉันโชคดีแล้ววันนี้! นักเลงผมเหลืองคิดในใจของเขา การหยอกล้อสาวงามและการกลั่นแกล้งแมงดาเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุด เขาเป็นคนงี่เง่า
"ไอ้หัวเหลือง ฉันจะพูดอีกครั้งเดียว นี่คือที่นั่งของฉันออกไปเดี๋ยวนี้" ฉิงเฟิงพูดอย่างเย็นชากับนักเลงขณะที่ขมวดคิ้วของเขา
ฉิงเฟิงโกรธมากเพราะนักเลงผมเหลืองคนนี้ไม่เพียงแต่แย่งที่นั่งของเขาแต่เขายังหยอกล้อหลิวรูหยันอีก
ฉิงเฟิงมีกฎของเขา เขาไม่เคยรังแกคนที่อ่อนแอกว่า
ตราบเท่าที่คนๆนั้นไม่มาลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขา เขาก็จะไม่สนใจเท่าไร นี่คือหลักการของเขา เขาตัดสินใจที่จะให้โอกาสนักเลงผมเหลืองคนนี้ก่อนที่จะซัดเขา
"ไอ้น้อง ฉันนั่งที่ของนายก็ถือเป็นเกียรติแล้ว ทิ้งผู้หญิงไว้ที่นี่แล้วไสหัวไป"
นักเลงผมเหลืองลุกขึ้นยืนจากที่นั่งและเดินไปหาฉิงเฟิงขณะที่แสยะยิ้ม
ผู้คนเริ่มก้าวถอยหลังเมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่ากำลังจะมีการต่อสู้เริ่มขึ้น นักเลงผมเหลืองคนนี้มีชื่อเสียงในโรงหนังแห่งนี้และทุกคนต่างก็หวาดกลัวเขา
"วันนี้ไม่ต้องดูแล้ว เราออกไปกันเถอะ"
รูหยันเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจและพูดกับฉิงเฟิง เพราะเธอกังวลว่าเขาจะถูกทำร้าย
(คือ...ที่ผ่านๆมาเจ๊ไม่ได้รู้เลยใช่มั้ยว่าผัวเจ๊เก่งแค่ไหน ชวนหนีตลอด)
"ไม่ต้องห่วงหรอก ก็แค่เด็กพังค์ขี้ก้างคนเดียว ฉันจัดการกับมันได้" ฉิงเฟิงกล่าวอย่างช้าๆโดยแทบไม่สนใจนักเลงผมเหลืองคนนี้เลย
F*ck ! แกกล้าดียังไงมาหักหน้าฉัน ! นักเลงผมเหลืองโกรธมากที่ถูกฉิงเฟิงทำให้อับอายขายหน้า
ฮึ่ม !
นักเลงหัวเหลืองเหวี่ยงหมัดออกไปและพยายามจะชกฉิงเฟิงขณะที่ร้องคำราม
"ระวัง !" รูหยันร้องตะโกนบอกฉิงเฟิงขณะที่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเมื่อเธอเห็นชายผมเหลืองกำลังจะชกเขา
แม้ว่าเธอจะเห็นฉิงเฟิงต่อสู้มาแล้วหลายครั้ง แต่เธอก็ยังห่วงใยเขาอยู่ดีและไม่ต้องการให้เขาได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่ฉิงเฟิงกำลังเผชิญหน้ากับหมัดที่กำลังพุ่งเข้ามา เขาก็ยิ้มให้กับรูหยันและจับข้อมือของนักเลงผมเหลือง
"ไอ้เวร ปล่อยมือฉัน !" นักเลงผมเหลืองพูดอย่างคุกคามหลังจากข้อมือของเขาถูกฉิงเฟิงยึดไว้
"นายจะชกฉันเหรอ ?" ฉิงเฟิงยิ้มขณะที่บิดข้อมือของนักเลงผมเหลืองเล็กน้อย ทำให้เขาเจ็บจนร้องแทบคลั่ง
"ไอ้เวร ปล่อยมือฉันแล้วอยู่เฉยๆให้ฉันชกซะดีๆ ไม่งั้นแกตายแน่" นักเลงผมหลืองเริ่มข่มขู่ฉิงเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยว
ยังกล้าพูดหมาๆกับฉัน !
ยังพยายามพูดขู่ฉัน !
ฉิงเฟิงเริ่มหัวเราะเยาะนักเลงผมเหลืองเนื่องจากเขาไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่
ปัง!
ฉิงเฟิงตบหน้านักเลงผมเหลืองอย่างแรงจนแม้แต่ฟันบางส่วนยังหลุดออกมา
"F*ck ! แกตบฉัน !?" นักเลงผมเหลืองจ้องมองที่ฉิงเฟิงด้วยความโกรธในขณะที่กุมหน้าบวมๆของเขา
เขาเป็นนักเลงที่รู้จักกันดีในพื้นที่นี้ เขาจะเสียชื่อถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเมื่อเขาถูกคนๆหนึ่งตบหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย
นอกเหนือจากพลังแล้วชื่อเสียงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตในสังคมนี้
ฟึ่บ!
นักเลงผมเหลืองเอามีดทหารออกมา ใบมีดยาวยี่สิบซม.ก็โผล่ขึ้นออกมาจากการกดด้วยนิ้วอย่างง่ายๆ
ใบมีดแหลมคมที่ส่องประกายภายใต้แสงที่น่าหวาดกลัว
มีดประเภทนี้จะทำให้เจ็บปวดจนแทบตาย เมื่อมันแทงเข้าสู่อวัยวะที่สำคัญของมนุษย์เช่น หัวใจ
"พี่ชาย เห็นแก่ฉันโปรดวางอาวุธลง"
เมื่อยามรักษาความปลอดภัยมาถึง เขาก็เริ่มพูดคุยกับนักเลงผมเหลืองเป็นอย่างดี
ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้จะสูงประมาณ 5 ฟุต 11 แต่เขาก็ยังพูดคุยกับเหล่านักเลงอย่างสุภาพ
เขาไม่กลัวพวกอันธพาลเลย แต่สิ่งที่เขาหวาดกลัวก็คือพื้นหลังหรือเบื้องหลังของพวกเขา เขาไม่กล้าที่จะหาเรื่องใส่ตัว
"ไสหัวไป !" นักเลงตะโกนใส่ยามรักษาความปลอดภัยในขณะที่จ้องมองเขา
ในฐานะที่เป็นนักเลงในพื้นที่นี้ เขาย่อมไม่สนใจเรื่องที่ยามรักษาความปลอดภัยพูดอยู่แล้ว
"พี่ชาย ถึงคุณจะสามารถเอาชนะเขาได้แต่ฉันก็จะตกงานถ้าคุณฆ่าเขาด้วยมีดนี้ ขอร้องละจบๆกันไปเถอะ ถือว่าฉันขอ!"
ยามรักษาความปลอดภัยเริ่มโน้มน้าวนักเลงเพราะเขารู้ว่า เขาไม่สามารถปล่อยให้มีใครตายในโรงหนังได้
"ถ้าแกกล้าที่จะหยุดฉัน ฉันจะแทงแกก่อน จะลองไหม ห๊า ?" นักเลงยกมีดของเขาไปที่ยามรักษาความปลอดภัยในขณะที่พูดอย่างเย็นชา
ยามรักษาความปลอดภัยก็ตกใจและก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวหลังจากได้ยินที่นักเลงพูด เขาหยุดที่จะสนใจเรื่องของคนอื่นแล้ว ยังไงชีวิตของเขาก็สำคัญกว่า
"ไอ้เปื๊อก , แกกล้าตบฉัน วันนี้ฉันจะฆ่าแก !" นักเลงเริ่มเดินเข้าใกล้ฉิงเฟิงด้วยมีดทหารในมือของเขา