บทที่ 142 สาวงาม เปิดประตูให้หน่อย
บทที่ 142 สาวงาม เปิดประตูให้หน่อย
แปล Tarhai
กลุ่ม https://www.facebook.com/groups/1743836472377756/
ลงตอนที่ 1-200 ราคา 200 ลงทุกวัน วันละ 6-7 ตอน
ติดต่อที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=100002039138559
อ่านบนเว็บ
https://amnovel.com/cat.php?id=58
https://www.thai-novel.com/?page_id=220202&preview=true
ลี่ฉิงเฟิงให้หยกจักรพรรดิแก่หลิวรูหยัน หลินซู่โกรธมากและบอกให้เขาคุกเข่าลงบนกระดานซักผ้าเพื่อลงโทษเขา
ในความเป็นจริง หลินซู่ก็ต้องการหยกจักรพรรดิด้วย ถ้าลี่ฉิงเฟิงขายให้คนอื่นเธออาจจะซื้อมันกลับมาได้ แต่ถ้าขายให้หลิวรูหยัน การที่เธอจะขอซื้อคืนนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
หลิวรูหยันและหลินซู่นั้นเป็นศัตรูกันและไม่มีทางขายให้เธอแน่นอน
"ภรรยา อย่าให้ฉันคุกเข่าลงบนกระดานซักผ้าเลย" ลี่ฉิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายหัว
ผู้ชายนั้นมีเกียรติและสง่างาม เขาจะคุกเข่าได้อย่างไร? เขาทำแบบนั้นไม่ได้!
"บริษัทของเราขาดหยกระดับท็อบและบริษัทอื่นๆก็แย่งตัวช่างแกะสลักไป หยกจักรพรรดินี่อาจจะช่วยให้เราได้รับความนิยมมาก แต่คุณกลับขายมันไป ไป คุกเข่าลงบนกระดานซักผ้า นี่คือการลงโทษของคุณ"
หลินซู่ยิ้มอย่างหนาวเย็นและหยิ่งทะนง เธอยืนยันให้ลี่ฉิงเฟิงคุกเข่าลงบนกระดานซักผ้า
กล่าวตามตรงถ้าลี่ฉิงเฟิงเอาหยกจักรพรรดิกลับมาที่บ้าน หลินซู่จะให้อภัยเขา ไม่ให้เขาต้องคุกเข่า แต่น่าเสียดายที่เขาดันขายมันไปให้นังจิ้งจอกหลิวรูหยัน
"คุณบอกว่านักออกแบบเครื่องประดับของบริษัทลาออกไปหรือ?" ลี่ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและถาม
นักออกแบบเครื่องประดับมีความสำคัญกับบริษัทเครื่องประดับมาก พวกเขาสามารถออกแบบเครื่องประดับที่มีสไตล์ใหม่ๆออกมาได้
ลี่ฉิงเฟิงรู้ว่านักออกแบบเครื่องประดับของบริษัทเป็นชายวัย 60 ปี เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกบริษัทอื่นดึงตัวไป
"ใช่แล้ว ปัจจุบันบริษัทเราไม่มีนักออกแบบเครื่องประดับและกำลังอยู่ในวิกฤติ" หลินซู่ขดริมฝีปากแดงและพูดขึ้น
"ถ้าฉันสามารถช่วยคุณแก้ปัญหาวิกฤติของบริษัทได้ คุณจะละเว้นฉันจากคุกเข่าลงบนกระดานซักผ้าได้ไหม ?"
"ถ้าคุณสามารถหานักออกแบบเครื่องประดับได้จริงๆ ฉันจะไม่ให้คุณคุกเข่า"
"ได้เลย คุณพูดแล้วนะ แล้วคุณคิดว่าอยากได้ใครเป็นนักออกแบบเครื่องประดับให้กับบริษัท?"
"ฉันต้องการซูหยุนชางมาเป็นนักออกแบบเครื่องประดับให้เรา แต่ฉันเกรงว่าคุณจะทำไม่ได้" หลินซู่ยิ้มอย่างเยือกเย็นและเอ่ยชื่อซูหยุนชางออกมา
แต่เธอรู้ดีว่าลี่ฉิงเฟิงไม่สามารถเชิญซูหยุนชางมาได้อย่างแน่นอน เนื่องจากซูหยุนชางเป็นถึงประธานสมาคมโบราณวัตถุที่มีสถานะเป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่องในการออกแบบเครื่องประดับ
เมื่อก่อนหลินซู่ได้เคยเอ่ยปากเชิญซูหยุนชางให้เป็นนักออกแบบเครื่องประดับและเสนอเงินเดือนปีละสิบล้าน แต่เขาก็ปฏิเสธ
ชายชราคนนี้เป็นคนดื้อดึงมาก นอกจากหลินซู่แล้ว บริษัทเครื่องประดับหลายแห่งในเมืองทะเลตะวันออกก็ยังเชิญเขาเป็นนักออกแบบเครื่องประดับเช่นกัน แต่ก็ถูกปฏิเสธ
ผู้คนจำนวนมากแม้แต่จะไปบ้านเขายังทำไม่ได้เลย
"คุณกำลังพูดถึงซูหยุนชางประธานสมาคมวัตถุโบราณใช่ไหม?" ลี่ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและสายตาของเขากระพริบไปด้วยความแปลกใจ
"ใช่ประธานสมาคมโบราณวัตถุซูหยุนชาง ถ้าคุณสามารถเชิญเขาให้เป็นนักออกแบบเครื่องประดับของบริษัทได้ ฉันจะไม่ให้คุณคุกเข่า" หลินซู่ยิ้มอย่างเย็นชาและสง่างามเธอพูดเบาๆ
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะเชิญซูหยุนชางมาให้ในวันพรุ่งนี้" ลี่ฉิงเฟิงยิ้มเบาๆใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เมื่อตอนที่เขาพบหยกจักรพรรดิ ซูหยุนชางก็อยู่ที่นั่นและเชิญฉิงเฟิงมาที่บ้านของเขาในวันพรุ่งนี้พอดี
"คุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม ? คุณสามารถเชิญเขามาที่บริษัทของเราได้จริงๆ ?" ดวงตาที่สวยงามของหลินซู่แสดงออกถึงความไม่เชื่อ เพราะเธอรู้ว่ามันยากมากที่จะเชิญซูหยุนชางมาได้
"ซูหยุนชางก็อยู่ที่นั่นตอนที่ฉันพบหยกจักรพรรดิ เขาขอจี้หยกจักรพรรดิอันหนึ่ง สุดท้ายก็จบลงที่ชวนให้ฉันไปที่บ้านของเขาในวันพรุ่งนี้"
ลี่ฉิงเฟิงยิ้มเบาๆและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้าวันนั้น
"ถ้าคุณสามารถเชิญซูหยุนชางมาที่บริษัทของเราในวันพรุ่งนี้ได้ ฉันจะไม่ให้คุณคุกเข่า มิฉะนั้นคุณจะต้องคุกเข่าคืนวันพรุ่งนี้"
เมื่อมองเห็นดวงตาที่มั่นใจของลี่ฉิงเฟิง หลินซู่จึงตัดสินใจที่จะไว้ใจเขาอีกครั้ง
ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องนอน
วันนี้เป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยดังนั้นลี่ฉิงเฟิงจึงนอนหลับสนิทจนรุ่งเช้า
วันรุ่งขึ้นดวงอาทิตย์ส่องแสงและอากาศดี
ลี่ฉิงเฟิงตื่นขึ้นมาตอนเช้า ล้างหน้าและกินอาหารเช้าจากนั้นเดินไปที่บ้านซูหยุนชาง ตามที่อยู่ที่เขาให้
ระหว่างทางเขาแวะไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและซื้อกล่องโสมอเมริกันเพื่อเป็นของขวัญแก่ผู้สูงอายุ คุณต้องซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆเมื่อไปเยี่ยมผู้สูงอายุเสมอ
บ้านของซูหยุนชางอยู่ในเขตชานเมืองและอยู่ไกลเล็กน้อย เขาอายุมากแล้วและไม่ชอบเสียงรบกวนในเมืองดังนั้นเขาจึงซื้อบ้านเดี่ยวที่ชานเมือง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาลี่ฉิงเฟิงก็มาถึงที่ 'หยุนชางวิลล่า' วิลล่าถูกตั้งชื่อตามเขา
วิลล่ามีขนาดใหญ่มาก ครอบคลุม1000ตารางเมตรมีทั้งหมดสามชั้นที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวสะอาดและสง่างาม
ปัง ปัง ปัง !!!
ลี่ฉิงเฟิงเหยียดมือและเคาะประตูสามครั้ง
สักครู่ต่อมามีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีขาวถือที่รดน้ำไว้ในมือข้างหนึ่งได้เปิดประตูออกมา
"สาวสวย" เมื่อมองไปที่หญิงสาวในชุดสีขาวคนนี้ ลี่ฉิงเฟิงร้องอุทาน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หญิงสาวในชุดสีขาวคนนี้มีผมยาว ผิวขาวใส ใบหน้ารูปไข่และริมฝีปากเชอร์รี่ ดวงตาสีเข้มของเธอเปรียบเหมือนน้ำในทะเลสาบที่ผู้คนต้องการจะดำน้ำลงไปดู จมูกที่สวยงามของเธอโด่งเล็กน้อย แสดงออร่าที่สง่างามออกมา
เธอยังมีรูปร่างที่ยอดเยี่ยม หน้าอกใหญ่ เอวบางและก้นฉ่ำทั้งหมดแสดงให้เห็นส่วนโค้งเว้าที่สง่างาม เธอยืนอยู่ที่นั่นราวกับเดินออกจากภาพวาด
ความงามของผู้หญิงคนนี้แตกต่างจากหลินซู่เลย ใบหน้าของหลินซู่เรียวและสวยงามด้วยความเยือกเย็นแต่สง่างาม เธอมีใบหน้ารูปไข่รูปงามสง่างาม
เมื่อเห็นความประหลาดใจในสายตาของเขา สาวในชุดสีขาวแสดงความรู้สึกไม่พอใจออกมาในดวงตาของเธอ แต่ในฐานะเจ้าของบ้าน เธอก็ยังต้องถามว่าชายคนนี้ว่ามาทำอะไร
"คุณมาหาใคร?" สาวชุดสีขาวเปิดริมฝีปากสีแดงเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงไพเราะ
เสียงของเธอเบาหวิวและบริสุทธิ์มาก ราวกับว่ามาจากภูเขาหิมะที่เงียบสงบทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข การได้ยินเสียงนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความเพลิดเพลิน
"ฉันมาหาประธานซูหยุนชาง" ลี่ฉิงเฟิงยิ้มบางๆเปิดปากและพูด
ปัง !
เมื่อได้ยินคำพูดของลี่ฉิงเฟิง หญิงสาวชุดขาวปิดประตูเสียงดังใส่เขาทันที
หญิงสาวในชุดขาวพบคนมาที่นี่พร้อมกับของขวัญทุกวัน คนเหล่านี้อยากจะพบซูหยุนชาง เธอรู้สึกเหนื่อยมาก เมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นคนที่ถือของขวัญมา เธอก็จะปิดประตูทันทีและปฏิเสธแขก
อะไร? ปิดประตูไล่ฉัน? หมายความว่าอย่างไร?
ลี่ฉิงเฟิงพูดไม่ออกและรู้สึกหดหู่มาก สาวสวยคนนี้หมายความว่ายังไง? เธอมีปัญหากับฉันรึไง?
แต่แล้วเขาก็คิดอย่างรอบคอบและตระหนักได้ว่ามีเฉพาะเขาและซูหยุนชางที่รู้กันสองคนเรื่องการเชิญมาบ้าน สาวชุดขาวตรงหน้าอาจจะไม่รู้จักเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เธอปิดประตูใส่หน้าเขา
"ไม่ได้ ฉันจะพบซูหยุนชางในวันนี้ให้ได้ มิฉะนั้นฉันจะต้องโดนให้คุกเข่าลงบนกระดานซักผ้า" ลี่ฉิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและตัดสินใจที่จะเคาะอีกครั้ง
เขาเคาะอีกครั้ง แต่คราวนี้สาวชุดขาวไม่เปิดประตูให้ เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ว่าเขาเคาะประตูจึงไม่สนใจเขา
"สาวงาม เปิดประตูให้หน่อย"
เมื่อเห็นว่าเคาะไม่ได้ผล ลี่ฉิงเฟิงจึงตะโกนเข้าไปภายใน
เขาเชื่อว่าสาวชุดขาวต้องสามารถได้ยินเสียงของเขา