ตอนที่ 250 การมาของวิหารนักบุญ
หมาป่าทั้ง6ได้เดินทางอยู่ในทะเลทรายทองคำอยู่หลายวัน
นำโดยดู่ เฟิง ระยะเวลาการใช้งานของหมาป่ายักษ์จะอยู่ที่ประมาณ10ชั่วโมงเท่านั้น เวลาที่เหลือ พวกเขาจะเรียกมอนสเตอร์กลับไปยังเหรียญผนึกเพื่อให้พวกมันได้พัก
มันเกือบจะเย็นแล้วตอนนี้และดู่ เฟิงก็สั่งให้พวกเขาหยุดพักอีกครั้ง
“มีเนินทรายอยู่ตรงนั้น ไปตั้งเต็นท์กันที่หลังเนินทราย”ดู่ เฟิงชี้ไปที่เนินทรายไม่ไกลจากเขา จากนั้นเขาก็ขี่หมาป่านำไปทางเนินทราย
เหล่าวัยรุ่นรีบตามเขาไปทันที
“พี่ดู่ พวกเราช้าเกินไป เราสามารถเดินทางได้เพียง10ชั่วโมงต่อวันและหมาป่าก็มีความเร็วที่ประมาณ70กิโลเมตร พวกเราไม่พบอันตรายใดๆตลอดทาง หากหมาป่าวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ เราต้องไปถึงสนามฝึกของเราตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”อี้ เผิง ชายหนุ่มร่างผอมกล่าว เขาเป็นคนใจร้อนเพราะเขาคิดว่าดู่ เฟิงนั้นเป็นคนที่ระมัดระวังมากเกินไป
“หยุดพูดจาไร้สาระ ไปพักผ่อนซะ เราจะถึงจุดหมายเราในวันพรุ่งนี้หากเรารักษาความเร็วที่ระดับนี้”ดู่ เฟิงขี้เกียจจะอธิบายเหตุผลเขา
“เราต้องไปถึงช้าอย่างน้อยสองวันก็เพราะเรากำลังเดินทางเช่นนี้.....”อี้ เผิงพึมพำด้วยเสียงต่ำ
“กลับไปที่เต็นท์ของพวกเธอและพักผ่อนซะ!”สีหน้าของดู่ เฟิงเปลี่ยนไป เหลียง เฉียนที่กำลังยืนข้างอี้ เผิง รีบดึงเขาออกไปทันที ไม่ยอมให้เขาได้พูดต่อ ในฐานะสมาชิกหญิงคนเดียวของกลุ่ม เธอมักจะเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของทุกคน
“หัวหน้า ฉันอยากจะถามว่าทำไมคุณถึงตั้งชื่อกลุ่มเราว่า’เตียว เฟิง’?หรือเพราะ’เฟิง’คือชื่อหัวหน้า?”เหลียง เฉียนถามและเปลี่ยนเรื่องหลังจากที่อี้ เผิงเดินออกไป
“แน่นอนว่าไม่ มันเป็นเพราะกลุ่มก่อนหน้าที่ฉันเข้าร่วมนั้นชื่อเตียว เฟิงเช่นกัน ฉันหวังว่าฉันจะยังสามารถใช้ชื่อนี้ต่อไปได้...”ดู่ เฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ทีมก่อนหน้าของคุณ?”เมื่อคนอื่นได้ยินถึงประวัติของหัวหน้าพวกเขา พวกเขาก็กรูกันเข้ามาทันที
“พี่ชายดู่ ทำไมทีมก่อนถึงยุบตัว?เกิดความขัดแย้งระหว่างสมาชิก?”ต้วน หยางถามทันที
“มันไม่ใช่เพราะความขัดแย้ง แน่นอน พวกเราสนิทกันราวกับเป็นพี่น้อง”ดู่ เฟิงยิ้ม แต่ทว่า จู่ๆใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นดำมืด“เหตุผลที่ว่าทำไมทีมจึงยุบเพราะฉันเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต...”
“ว่าไงนะ?!”
พวกเขาทั้งหมดตกใจขณะที่อ้าปากค้างใส่ดู่ เฟิง พวกเขาได้เข้าร่วมทีมเตี่ยว เฟิงอยู่ไม่กี่เดือนและมันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องราวจากดู่ เฟิง
“พวกเธอยังคงจำเหตุการณ์ในทะเลทรายอุกกาบาตที่ฉันได้บอกไปได้ไหม?”ดู่ เฟิงเหลือบมองทั้ง5คน
พวกเขาพยักหน้าทันที
“ภารกิจเราคือการช่วยสมาชิกของตระกูลราชวงศ์ฆ่ามอนสเตอร์ระดับหลุดพ้นเพื่อที่เขาจะได้เลื่อนเป็นระดับเพลิงสวรรค์ มีนักล่าระดับทองทั้งสิ้น53คนที่เข้าร่วมภารกิจ ฉันเป็นเพียงนักล่าที่อยู่ในระดับเงิน สมาชิกคนอื่นของฉันล้วนอยู่ในระดับทอง แต่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกเมล็ดพันธ์ชีวิตใด ดังนั้น ฉันจึงยังไม่เป็นระดับทอง ฉันเป็นเพียงคนแบกของในระหว่างภารกิจ ฉันบอกพวกเธอว่าฉันได้เข้าร่วมการต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับหลุดพ้น แต่ในความเป็นจริง ฉันเปล่า ฉันยืนอยู่ห่างจากสนามรบไปไกลหลายกิโลเมตร ห่างไกลจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น...”
ทุกคนฟังดู่ เฟิงพูดอย่างเงียบๆ ไม่มีใครกล้าปริปากพูดขัด
“ขณะที่พวกเขาเห็นมอนสเตอร์ ทุกคนก็พุ่งใส่มันทันที หัวหน้าได้บอกให้ฉันอยู่ในตำแหน่งเดิมและอย่าเข้ามายุ่งกับการต่อสู้เพราะฉันไม่อาจใช้สมับิตอะไรได้และฉันก็ไม่อาจทำอันตรายมอนสเตอร์ระดับหลุดพ้นได้ ฉันเข้าใจดีและยอมรับ ดังนั้น ฉันจึงดูการต่อสู้บนเนินทรายที่อยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร”
“ฉันคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากที่จะฆ่ามอนสเตอร์ระดับบัญชาด้วยนักล่าระดับทองกว่า50คน ฉันไม่เคยคิดว่ามอนสเตอร์หลุดพ้นตนนั้นจะผ่านการกลายพันธ์ถึงสองครั้ง และมันยังไม่ใช่มอนสเตอร์หลุดพ้นระดับเพลิงขาวหรือระดับเพลิงแดงตามที่บันทึกไว้ มันอยู่ในระดับสูงกว่านั้น ระดับเพลิงฟ้า.....”
“ตั้งแต่ต้น สมาชิกระดับทองได้สวมสมบัติป้องกันของพวกเขา แต่ทว่า เพียงการโจมตีเดียว พวกเขาก็ตกตาย พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะสู้กลับเลย มันกลับกลายเป็นการฆ่าล้างอยู่ฝ่ายเดียว”
“การต่อสู้กินเวลาไม่ถึงครึ่งนาที ทันทีที่มอนสเตอร์เปิดปากของมัน นักล่ากว่าครึ่งก็ถูกกลืนกิน แม้กระทั่งเหล่าคนที่ตระหนักถึงสถานการณ์และอยากจะหลบหนีก็ยังไม่รอด พวกเขากลายเป็นอาหารมัน....”
“พวกเธอรู้ไหมว่าฉันทำยังไง?ฉันมันขี้ขลาด ทันทีที่ฉันเห็น ฉันก็คลานหนี ซ่อนหัวอยู่ในเนินทราย หลบอยู่หลังเนินทราย ฉันอยู่ที่ตำแหน่งนั้นกว่า3ชั่วโมง จากนั้นก็ยกหัวขึ้นเพื่อดูว่ามอนสเตอร์นั้นได้ไปรึยัง!”
“ฉันมีขี้ขลาด!”หลังจากที่เขาเล่าเรื่องราวจบ เขาก็ตำหนิตัวเอง
“พี่ชายดู่ คุณไม่สามารถตำหนิตัวเองได้ ทุกคนย่อมขวนขวายเพื่อเอาชีวิตรอด...”ก่อนที่อี้ เผิงจะพูดจบ เหลียง เฉียนก็ตบหัวเขา
“หัวหน้า คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันคิดว่าการตัดสินใจของคุณนั้นถูกแล้ว การมีชีวิตอยู่คือวิธีเดียวที่จะล้างแค้นได้!”เหลียง เฉียนกล่าวเพื่อปลอบโยนเขา
“ใช่แล้ว เหลียง เฉียน!”อี้ เผิงเห็นด้วยกับเธอทันทีขณะที่คนอื่นต่างก็พยักหน้าเช่นกัน
“เหตุผลที่ฉันตั้งชื่อกลุ่มว่า’เตียว เฟิง’ก็เพราะฉันหวังว่าฉันจะสามารถสืบทอดชื่อของเตียว เฟิงได้ การล้างแค้นเป็นเรื่องที่ฉันต้องทำ ฉันจะแก้แค้นมอนสเตอร์ตนนั้นหลังจากที่ฉันเลื่อนเป็นผู้หลุดพ้น”เห็นได้ชัด ดู่ เฟิงไม่ต้องการจะให้พวกของเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย
“เหตุผลหลักที่ฉันพาพวกเธอทุกคนมายังทะเลทรายอุกกาบาตก็เพื่อพบกับสหายเก่าของฉัน พวกเขาต้องมีความสุขที่ได้เห็นพวกเธอทุกคนที่นี่หากพวกเขาพบว่าเตียว เฟิงมีสมาชิกใหม่ที่จะสานต่ออุดมการณ์ของพวกเขาให้สืบไป”อารมณ์ของดู่ เฟิงเปลี่ยนเป็นดีขึ้น
“เช่นนั้น เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฝึก?”อี้ เผิงขมวดคิ้ว
“นายต้องการ!เนื่องจากเราอยู่ที่นี่ แน่นอน เราต้องฝึก เราจะฆ่ามอนสเตอร์บางตัวและหารายได้”ดู่ เฟิงกล่าว
หลังจากมื้อเย็น พวกเขาก็พัก เช้าวันต่อมา ดู่ เฟิงก็ปลุกทุกคนขึ้น
หลังจากที่กินอาหารว่างเป็นมื้อเช้า ทั้ง6ก็ขี่หมาป่าและมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของพวกเขาก่อน8โมง
หลังจากที่ฟังเรื่องราวของดู่ เฟิงเมื่อคืนก่อน แม้กระทั่งอี้ เผิงที่เป็นคนใจร้อนที่สุด ก็ยังไม่บ่นว่าเขาช้าอีกต่อไปและกลุ่มของพวกเขาก็มีชีวิตชีวาน้อยกว่าเดิม พวกเขาดูหงอยไปหลังจากที่ฟังเรื่องในอดีตของดู่ เฟิง
มันเลยเที่ยงวันมาเล็กน้อยเมื่อดู่ เฟิงเห็นต้นไม้ที่แห้งเหี่ยว
เมื่อลงจากหลังหมาป่า เขาก็รีบวิ่งไปที่ต้นไม้และยืนนิ่ง
กลุ่มของเขารีบวิ่งตามดู่ เฟิงมาด้วยหมาป่าและมาถึงที่ที่ใกล้กับต้นไม้ จากนั้นทั้ง5ก็ลงจากหมาป่าพวกเขาและเก็บมันไว้ในเหรียญผนึก
“หัวหน้า เหล่าผู้อาวุโสถูกฝังไว้ที่นี่?”เหลียง เฉียนถาม
“ใช่ พวกเขาถูกฝังอยู่ภายใต้ต้นไม้นี้ แต่ทว่า ศพของพวกเขาได้หายไปแล้ว มีเพียงหลุมศพที่อยู่ที่นี่...”ดู่ เฟิงพยักหน้าเบาๆ
หลังจากที่พูดจบ เขาก็หยิบขวดไวน์ออกมา เปิดฝาและราดพวกมันตรงหน้าต้นไม้และประกาศ“พี่ๆ ดู่น้อยกลับมาเยี่ยมทุกคนแล้ว!”
คนอื่นนิ่งเงียบ มองไปที่ดู่ เฟิงจนกระทั่งเขาเทไวน์จนหมดและก้มหัวคำนับ
“แนะนำตัวซะสิ พวกเขาจะได้รู้จักพวกเธอ”ดู่ เฟิงโบกมือให้กลุ่มเขา
อี้ เผิงเป็นคนแรกที่เดินไปข้างหน้า ขณะที่ก้มหัว เขาก็กล่าวอย่างจริงจัง“สวัสดีครับ ผมชื่ออี้ เผิง ผมเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนและเป็นคนที่พูดตรงๆ พวกเราจะเติบโตขึ้นไปพร้อมกับหัวหน้าเรา ครั้งหน้าที่เรากลับมา เราจะฆ่ามอนสเตอร์ตนนั้นและล้างแค้นให้กลุ่มของเรา!”นี่คือครั้งแรกที่ทุกคนเห็นด้วยกับเขา
“สวัสดีคะ หนูชื่อเหลียง เฉียน หนูเป็นสมาชิกใหม่ของทีมเตียว เฟิง พี่ชายดู่ได้ดูแลเราทุกคนอย่างดี พวกเราจะพยายามดูแลเขาให้ดีในอนาคต อย่ากังวล...”หลังจากที่เหลียง เฉียนพูดจบ เธอก็ก้มหัว
คนอื่นพากันถยอยเดินมาและแนะนำตัวของพวกเขาเช่นกัน หลังจากที่พวกเขาก้มหัวคำนับ พวกเขาก็ยืนอยู่ด้านข้าง
หลังจากที่ทุกคนแนะนำตัวเสร็จ ดู่ เฟิงก็โบกมือและกล่าว“พวกเธอทั้ง5ไปลาดตระเวนรอบๆที่นี่ อย่าไปไกลนัก ฉันมีบางสิ่งที่ต้องคุยกับสหายเก่าของฉัน”
หลังจากที่ฟังเขา พวกเขาก็เดินออกไป มีเพียงเหลียง เฉียนที่ไม่ได้ไปไหน
“ถึงสหายเก่า ฉันขอโทษที่ฉันไม่ได้มาเยี่ยมพวกนายเลยในสองปีที่ผ่านมา ฉันจะมาพร้อมกับเด็กๆและมาที่นี่บ่อยขึ้น...ตอนนี้เรามีสมาชิกใหม่ที่จะเข้าร่วมกลุ่มนักล่าเตียว เฟิง อุดมการณ์จะถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น...”ดู่ เฟิงนั่งตรงหน้าต้นไม้และพึมพำราวกับเขารู้สึกว่าเพื่อนร่วมทีมที่จากไปแล้วของเขากำลังฟังสิ่งที่เขาพูดอยู่
“พี่ชายดู่ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”จู่ๆ อี้ เผิงก็วิ่งมาทางเขาและตะโกน
“อี้ เผิง นายกำลังทำบ้าอะไร?!”เหลียง เฉียนหยุดเขาทันที
ดู่ เฟิงขมวดคิ้ว จ้องมาที่อี้ เผิง“เกิดอะไรขึ้น?ตะโกนทำไม?”
“ผมเห็นชายสองคนในชุดคลุมขาวกำลังเดินมาทางเรา ตัดสินจากเครื่องแต่งกายของพวกเขา พวกเขาดูเหมือนจะเป็นสมาชิกแห่งวิหารนักบุญ....”