บทที่ 78: หวนคืนสู่สำนัก
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 78: หวนคืนสู่สำนัก
“ศิษย์ของท่านให้วิธีนี้สังหารมัน!” หลังจากกล่าวจบ เจ้าอ้วนหยิบสายฟ้งแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ออกมา ในขณะนั้น เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถปิดบังความลับนี้ได้อีกต่อไป ถ้าหากเขาไม่เปิดเผย เขาเกรงว่าสำนักจะไม่เข้ามายุ่งในเรื่องที่เขาไปขัดแย้งกับสำนักอื่น หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่าปล่อยให้นักบวชนับสิบในวัดชิงเฟิงตายอย่างสูญเปล่า ดังนั้นเขาจึงนำมันออกมา เช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เกรงกลัวการถูกสอบสวนโดยสำนัก
ในฐานะผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ ขณะที่ฉิงเฟิงซีมองเห็นไข่มุกสีทอง เขาอุทานออกมาทันที “สายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์? เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ท่านหมายถึงสิ่งใด?” เจ้าอ้วนแสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องพร้อมถามกลับ “มันถูกปรับแต่งโดยข้า”
“ปรับแต่งโดยเจ้า?” ฉิงเฟิงซีโห่ร้องออกมาขณะที่ดวงตาของเขาแทบจะหลุดออกจากเบ้า “เจ้าทำมันได้อย่างไร? แม้แต่ข้ายังไม่รู้วิธีการปรับแต่ง เจ้าเรียนมันจากที่ไหน?”
“ข้าฝึกฝนมันด้วยตนเองจากแผ่นหยกจารึก” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“แผ่นหยกจารึก? ถึงแม้ว่าสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์จะเป็นระดับที่ต่ำที่สุด แต่มูลค่าของมันทัดเทียมกับหินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งล้านก้อน! ข้ายังไม่อาจซื้อมันได้ถึงแม้ว่าจะขายทรัพย์สมบัติของข้าทั้งหมด เจ้าได้มันมาจากที่แห่งใด?” ฉิงเฟิงซีถามกลับอย่างประหลาดใจ
“ท่านจำได้หรือไม่ในครั้งสุดท้ายที่ข้าสังหารราชครูเพื่อแก้แค้นให้กับใครบางคน? หลังจากนั้น ข้ากลับไปพบญาติพี่น้องของพวกเขา เพื่อแสดงความกตัญญูพวกเขามอบแผ่นหยกจารึกสีเหลืองให้กับข้า ซึ่งมันคือเคล็ดวิชาสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างเรียบง่าย
ฉิงเฟิงซีตบต้นขาของตนเองพร้อมตอบกลับอย่างเศร้า ๆ “ถ้าหากข้ารู้ว่าจะได้รับเคล็ดวิชาสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์จากการสังหารราชครู ข้าจะเป็นคนลงมือสังหารเขาด้วยตนเอง!”
“ฮ่า ๆ แต่ทว่าเรื่องมันจบไปแล้ว!” จากนั้นเจ้าอ้วนหยิบเอาแผ่นหยกจารึกออกมาพร้อมกับส่งให้ฉิงเฟิงซี และกล่าวออกมาอย่างเขร่มขรึม “ท่านอาจารย์ลุง ถ้าหากท่านต้องการจะฝึกฝนเคล็ดวิชาสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิสิทธิ์ ท่านจำเป็นต้องใช้มัน!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเจ้าอ้วน ฉิงเฟิงซีส่ายหัว พร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ลุงของเจ้าเป็นผู้ฝึกตนในเวทมนตร์ประเภทไม้ การฝึกฝนเวทมนตร์สายฟ้าไม่เหมาะกับข้า ถ้าหากเป็นเวทมนตร์สายฟ้าวนาลัยศักดิ์สิทธิ์คงจะดีอย่างยิ่ง!”
“เด็กน้อย ข้าขอบใจในความตั้งใจของเจ้า แต่เป็นการดีที่สุดแล้วที่เจ้าจะเก็บมันไว้!” จากนั้นฉิงเฟิงซีนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ “เรื่องแผ่นหยกจารึก อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ความลับนี้เด็ดขาด เจ้าสามารถฆ่าผู้คนเหล่านั้นได้ทันทีด้วยยันต์ที่ข้ามอบให้ เพราะหากมีผู้อื่นรู้ว่าเจ้าครอบครองสมบัติที่ล้ำค่าเช่นนี้ จะเกิดปัญหาตามมาไม่รู้จบ!”
“ขอรับ ศิษย์เข้าใจแล้ว!” เจ้าอ้วนรู้ดีว่าฉิงเฟิงซีกล่าวด้วยความห่วงใย เขาจึงตอบกลับอย่างสุภาพ
“ประเสริฐนัก! ในตอนนี้ย้อนกลับมาเรื่องราวก่อนหน้านี้ เจ้าจงสรุปให้ข้าฟังว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางกลับมา!” เมื่อฉิงเฟิงซีกล่าวออกมา เขาดึงแขนเจ้าอ้วนพร้อมทั้งบินกลับมายังวัดเสวียนเทียน
ระหว่างทางกลับ เจ้าอ้วนเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาจะสามารถฝึกตนได้สบายใจได้อย่างไร ในวิธีที่พวกเขาบุกเข้ามาและสังหารทุกคนอย่างเลือดเย็น เขาเล่าถึงเหตุการณ์หลังจากสังหารชายหนุ่มผู้นั้นเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมกับวิธีการที่เขาหนีจากผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั้งสี่ เจ้าอ้วนอธิบายว่าเขารอดมาได้เพราะเวทมนตร์สายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ รวมกับความแข็งแกร่งของระฆังยักษ์ที่พาเขาหลบหนีมาถึงวัดเสวียนเทียนได้
แม้ว่าฉิงเฟิงซีจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เขาก็ไม่อาจโต้แย้งคำให้การของเจ้าอ้วนได้ ในขณะที่เขาเห็นระฆัง เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พร้อมคิดกับตนเอง ‘ระฆังใบนี้ผ่านการโจมตีมากี่ครั้งกัน? เหตุใดเกิดความเสียหายมากมายขนาดนั้น แต่มันกลับไม่ถูกทำลาย?’
เขาคิดอยู่เพียงครู่ แต่ก็ละทิ้งมันไป ดูจากสภาพของระฆังแล้วเห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นั้นรุนแรงแค่ไหน เจ้าอ้วนเพิ่งผ่านประสบการณ์ต่อสู้อันขมขื่น ซึ่งไม่ต่างจากเด็กที่ถูกรังแก หัวใจของฉิงเฟิงซีเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จะไม่ให้เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร? สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือรายงานเรื่องนี้ให้กับสำนักรับทราบถึงความร้ายแรงมากพอจนสำนักต้องยื่นมือเข้ามาช่วยในการลงโทษผู้ฝึกตนเหล่านั้น!
หลังจากนั้นเพียงครู่ ฉิงเฟิงซีกับเจ้าอ้วนเดินทางกลับสำนัก ฉิงเฟิงซีเขียนจดหมายฉุกเฉินและส่งกลับไปยังสำนักเสวียนเทียนด้วยดาบบินของเขา ขณะนั้นเขารวบรวมผู้คนและนักบวชออกจากวัดเสวียนเทียนก่อน เขาสอบปากคำทุกคนเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับสำนักจักรกลว่ามีผู้ใดไปแอบอ้างสิ่งใดหรือไม่
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่เพียงแต่วัดชิงเฟิงจะถูกทำลายเพียงเท่านั้น แต่มีนักบวชหลายคนเสียชีวิต และสิ่งเหล่านี้เกือบจะทำให้เจ้าอ้วนตายตกไป เหตุผลหลักคือการตกลงอย่างลับ ๆ กับสำนักจักรกล ถ้าหากไม่ใช่ผู้คนเหล่านั้น ชายหนุ่มผู้นั้นไม่สามารถออกมากระทำการเช่นนั้นได้ สิ่งที่ทำฉิงเฟิงซีชิงชังมากที่สุดคือพวกมันถึงกับมีข้อตกลงลับหลัง ฉิงเฟิงซีควรจะบอกกล่าวให้เจ้าอ้วนได้รับทราบ ถ้าหากเจ้าอ้วนรู้แล้ว เขาน่าจะสุภาพกับอีกฝ่ายมากกว่านี้ เรื่องราวการนองเลือดทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น!
หากเป็นสถานการณ์ปกติ ฉิงเฟิงซีคงจะปิดหูปิดตาในเรื่องของการยักยอก แต่ใครก็ตามที่มีเจตนาฆ่าแอบแฝงอยู่ในหัวใจและต้องการที่จะทำร้ายเจ้าอ้วน ในตอนท้ายเรื่องราวบางส่วนได้ถูกเปิดเผยออกมาบ้างแล้ว ในตอนนี้ฉิงเฟิงซีจะขอให้เจ้าอ้วนแสดงความเมตตาต่อเขาได้อย่างไร?
ผู้นำวัดคนก่อนหน้านี้ถูกทำลายตันเถียนพร้อมกับถูกคุมขังอยู่ในทะเลสาบที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็นนับร้อยปี นี่คือบทลงโทษ หลังจากที่ทำลายตันเถียนของเขาแล้ว เขาจะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา รวมเข้ากับการที่ถูกคุมขังอยู่ในทะเลสาบที่หนาวจัด เขาอาจจะอยู่รอดไม่ถึงสิบปี เมื่อหันไปอีกครั้งอาจจะพบเพียงกองกระดูกเท่านั้น
สิ่งที่คนทรยศผู้นี้จะสามารถทำได้คือการรอคอยเท่านั้น ขอบคุณสวรรค์ ที่สำนักตอบกลับอย่างรวดเร็ว หลังจากส่งข้อความไปแล้ว สำนักเสวียนเทียนได้ส่งผู้ฝึกตนนับสิบมายังวัดเสวียนเทียนแห่งนี้ในเวลาไม่ถึงเดือน มีผู้ฝึกตนระดับจินตันห้าคนเป็นผู้นำกลุ่ม จากการแสดงออกของพวกเขา แม้แต่ฉิงเฟิงซีก็ต้องอยู่ใต้อำนาจของบุคคลเหล่านี้พร้อมกับกล่าววาจากับเขาอย่างสุภาพ
เจ้าอ้วนอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยละเอียด พร้อมกับไม่ได้ปิดบังที่เขาครอบครองสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากสถานะของพวกเขานั้นสูงมาก พวกเขาจึงไม่สนใจเวทมนตร์สายฟ้าระดับต่ำเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ลดตัวลงมายุ่มย่ามกับศิษย์น้อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินว่าเจ้าอ้วนสามารถปรับแต่งสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกหงุดหงิด พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อเรื่องนี้พร้อมทั้งตั้งข้อกังขาจนกระทั่งเจ้าอ้วนนำมันออกมาให้ทุกคนเห็น ข้อกังขาทั้งหมดจึงหายไป ในขณะเดียวกันพวกเขารู้แล้วว่าเกิดอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากในสำนักเสวียนเทียนแล้ว เพียงแค่ระดับเซียนเทียนแต่สามารถปรับแต่งสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ได้ แน่นอนว่าอนาคตของเขาช่างไร้ขีดจำกัด!
ถ้าหากเจ้าอ้วนเป็นเพียงศิษย์ทั่วไป พวกเขาอาจจะกล่าววาจาออกมาเพียงไม่กี่คำเพื่อสรรเสริญเขาและปิดปากเจ้าอ้วนด้วยอุปกรณ์วิเศษบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนเป็นผู้ฝึกตนที่ถือครองสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์อีกทั้งยักมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด สิ่งเหล่านี้เพิ่มมูลค่าตัวตนของมันได้เป็นอย่างดี
เมื่อตกลงกันเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งห้าตกลงกันว่าจะนำตัวเจ้าอ้วนกลับสำนักเสวียนเทียนเพื่อฝึกตน ในเวลาเดียวกัน พวกเขาให้คำมั่นสัญญาว่าหากเจ้าอ้วนเข้าสู่ระดับปฐมภูมิได้ก่อนอายุสี่สิบ ไม่เพียงแต่เขาจะได้เข้าเป็นศิษย์ใน พวกเขาทั้งหมดจะแต่งตั้งให้เขาเป็นศิษย์ชั้นยอดพร้อมทั้งจะดูแลอย่างดีที่สุด