Chapter 288: จงใจยั่วยุ
Chapter 288: จงใจยั่วยุ
ทีมของชายหัวล้านนั้นก็อยู่ในสถานีกักกันด้วยกัน ในตอนแรกเริ่ม พวกเขานั้นหวาดกลัวในสถานะของทีมฉี่หยิง แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะเจอกับอีกฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้
ชายหัวล้านก็รู้สึกมีความสุขเกี่ยวกับการคาดการณ์ของทีมฉี่หยิง เมื่อจดจำการแสดงของเจียงจู้อิงได้ เมื่อเธอมองมาที่เขาก่อนหน้านี้ ชายหัวล้านนั้นเดือดไปด้วยความกราดเกรี้ยว นอกจากนี้ ชายหัวล้านก็รู้สึกว่าเขานั้นโดนหลอกโดยความประทับใจที่ผิดพลาดไปกับทีมฉี่หยิง
“ไอเหี้...! เธอกล้าที่จะกวนตีนฉันก่อนหน้านี้งั้นเหรอ? ไอ้เด็กน้อย นายกล้าที่จะสู้กับฉันตัวคนเดียวไหม?”ชายหัวล้านเยาะเย้ยและถามขึ้น สมาชิกที่เหลือของผู้รอดชีวิตที่เห็นกลุ่มของทหาร ก็เพียงแค่มองมาและไม่ได้พูดอะไรออกมา ทันใดนั้น ผู้คนมากมายก็เริ่มที่จะยั่วยุขึ้น เมื่อพวกเขาต้องการที่จะเห็นการต่อสู้
“มันไม่ใช่ทีมเพิงเฟยงั้นเหรอ?”ใครบางคนถามขึ้น
เพิงเฟยนั้นเป็นหัวหน้าของชายหัวล้าน ถ้าผู้รอดชีวิตทั่วไปนั้นพบกับเพิงเฟย พวกเขาควรที่จะเรียกเขาว่าพี่ชายเพิง เมื่อได้ยินคำถามนี้ ชายหัวล้านก็หันกลับมาและจ้องไปยังชายคนนั้นในทันที
โดยปกติแล้ว เขาจะทุบชายคนนั้น แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นชายหนุ่ม เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลัง
“เพิงเฟย ฉันไม่ได้คาดคิดว่าจะมีใครบางคนยุ่งกับนาย...โชคดีละ!”ชายหนุ่มพูดอีกครั้ง
ในเวลานี้นี่เอง ชายวัยกลางคนธรรมดาที่ยืนอยู่ในกลุ่มก็ขมวดคิ้วขึ้น หลังจากที่ได้ยินเสียงของเขาและหลังจากนั้นเขาก็พูด “พี่ชายของฉันจะเล่นกับทีมนั่น มันเป็นเรื่องเล็กๆ เฉียวเซเวน ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามแบบนั้นหรอก”
เฉียวเซเวนนั้นเป็นสมาชิกของทีมใหม่ที่พึ่งโด่งดังขึ้นมา ผู้รอดชีวิตนั้นท้าทายกันและกัน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเสียดสีกลุ่มของเพิงเฟย เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ทำไมเพิงเฟยจะไม่รู้สึกว่าเขาโดนเยาะเย้ยได้ยังไงกัน?
“แต่สุดท้ายแล้ว พวกเราก็อยู่กันในเมืองเดียวกัน อย่าเล่นมากเกินจำเป็น”เพิงเฟยพูดกับชายหัวล้าน
ชายหัวล้านยิ้ม “วางใจได้บอส อย่างมากที่สุด ผมก็จะเสียมือหรือแขนข้างหนึ่ง สำหรับเท้าแล้ว มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีสองเท้า มันอาจจะมีขาที่สามก็เป็นได้”เมื่อเห็นคนสวยมากมายในทีมฉี่หยิง ชายหัวล้านก็อิจฉา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีความคิดที่ชั่วร้ายแบบนี้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เวลานั้นนี่เอง เจียงลู่ฉีก็พูด “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว!”
ในความคิดของเจียงลู่ฉี คนพวกนี้นั้นไม่ทราบถึงข้อจำกัดของพวกเขา
“นายกล้าที่จะเผชิญหน้ากับฉันไหม? ในฐานทัพเมืองดวงดาว ข้อขัดแย้งของตัวเองนั้นจะต้องจัดการกันต่อหน้า แต่จะต้องไม่มีชีวิตต้องมาเสี่ยง”ชายหัวล้านพูด ถึงแม้ว่าความสามารถของเขานั้นไม่ได้แข็งแกร่ง เขาก็ฆ่าคนมามากมายแล้ว เขารู้สึกว่าการไหลเวียนพลังงานของเจียงลู่ฉีนั้นอ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจ
ชายหัวล้านนั้นจินตนาการถึงชัยชนะของเขาแล้ว ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ไม่มีชีวิตต้องมาเสี่ยงนั้นเป็นกฏที่ตั้งไว้กับผู้รอดชีวิตแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนมากแล้ว ผลลัพธ์ของชะตากรรมนั้นก็เลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก
ชายหัวล้านนวดมือและเช็ดฝ่ามือของเขา...เขานั้นกระตือรือร้นในการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม เจียงลู่ฉีก็มองไปยังเขาอย่างเย็นชา โดยปราศจากการซ่อนคำเหยียดหยามของเขา
“นายคิดว่านายพอได้หรือยัง? นายหลงตัวเองมากเกินไปแล้ว!”เจียงลู่ฉีพูด ในขณะที่มองไปยังเพิงเฟย
“นายสามารถที่จะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน”
เพิงเฟยกราดเกรี้ยว เขาไม่ได้คาดคิดว่าชายหนุ่มจะกล้าเหยียดหยามเขา เฉียวเซเวนนั้นก็หัวเราะกับปัญหาของเพิงเฟย มันเป็นครั้งแรกของเพิงเฟยที่มีใครบางคนกล้าที่จะยั่วยุเขาแบบตั้งใจแบบนี้ เขานั้นจะต้องชนะการต่อสู้นี้ ไม่งั้นเขาก็คงจะเสียหน้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า”เพิงเฟยยิ้ม แต่หัวใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว “เด็กน้อย นายบ้าไปแล้ว นายจะไม่ได้มีชีวิตยืนอย่างแน่นอน”เพิงเฟยพูดออกมาทีละคำ ทีละคำ
“เย็..แม่มึง มึงกำลังมองหาความตายอยู่งั้นเหรอ!’ชายหัวล้านรู้สึกหงุดหงิดกับเจียงลู่ฉีและหลังจากนั้นเขาก็ซัดหมัดเข้าใส่ ในหมัดของเขานั้นปกคลุมไปด้วยชั้นเกร็ดหลายชั้นทั้งมีหนามแหลมคมอีกด้วย! ถ้าหมัดของเขาลงบนใบหน้าของเจียงลู่ฉีแล้วละก็ จมูกและกระดูกของเขาก็จะแตกหักอย่างแน่นอน คนธรรมดาอาจจะถูกฆ่าตรงนั้นเลยก็ได้!
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง มันก็มีกริชที่ถูกซ่อนอยู่ในมือข้อมือของเขา และมันก็ปรากฏขึ้นมาบนมือที่ว่างเปล่าของชายหัวล้าน!
ซูฉางชิงตะโกนอย่างฉับพลัน “ระวังตัวด้วย!”
อย่างไรก็ตาม เจียงลู่ฉีนั้นค่อนข้างใจเย็น เขานั้นเปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย และหลังจากนั้นปากกระบอกปืนอันเย็นเฉียบนั้นก็เล็งไปที่มือขวาของชายหัวล้าน
‘ปัง!’
“อ๊า!”เสียงกรีดร้องของชายหัวล้านก็ดังออกมาในทันที
หมอกเลือดสีดำก็กระจายออกมา และมือขวาของชายหัวล้านก็หายไป!
ในวิสัยทัศน์ของเจียงลู่ฉีแล้ว การเคลื่อนที่ของชายหัวล้านก็ช้าลง ด้วยเหตุนี้นี่เอง เขาจึงสามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ต่อไปจะเป็นขาจะดีไหม?”เจียงลู่ฉีถาม
ชายหัวล้านนั้นสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดและเขาไม่สามารถที่จะเห็นเจียงลู่ฉีขยับปืนเลยแม้แต่น้อย เจียงลู่ฉีก็ยกปากกระบอกปืนขึ้นอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ชายหัวล้านจะรู้ตัวเสียอีก
“ปิง!”
สายตาของชายหัวล้านก็สบตากันอย่างดุเดือด
‘ปัง!’
เจียงลู่ฉีก็ลั่นไกปืน!