ตอนที่แล้วบทที่ 164 ค่ายกลเจตจำนงกระบี่มหาประลัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 166 ที่นี่ยอดเยี่ยมมาก  

บทที่ 165 สำนักสุญตาลงมือแล้ว


 

หลังจากดื่มชากันสักพัก รู้สึกว่าปราณธรรมชาติอันหนาแน่นช่วยเติมเต็มร่างกาย ทุกผู้คนผ่อนคลายสบายใจ ความเหนื่อยล้าปลาสนาการไปสิ้น

เผยเหยียนหรานชักชวนว่า “อาจได้เวลาแล้วกระมัง ไป ไปดูกันว่าเจ้าเด็กน้อยเป็นอย่างไรบ้าง”

ข้อเสนอนี้ได้รับการตอบสนองจากทุกคนทันที ทั้งห้าออกเดินไปพลาง สนทนากันไปพลาง มุ่งหน้าไปยังด้านหลังภูเขาสุญตา

ครั้นเมื่อมาถึงตำแหน่งของค่ายกล ทั้งห้ามองเข้าไป อดหัวร่อออกมาไม่ได้

“ข้าว่าแล้วเชียว เจ้าเด็กผู้นี้ลื่นอย่างกับปลาไหล มันหาพื้นที่ชีวิตพบได้อย่างไร?” หยานเล่อชี้เข้าไปข้างใน  แหงนหน้าหัวร่อกระหึ่ม ภายในค่ายกล เห็นจั่วม่ออยู่ในสภาพน่าอนาถ เสื้อผ้าขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี เห็นได้ชัดว่าได้รับความลำบากมาไม่น้อย

หยานเล่อในหัวใจที่มีเลือดหยาดหยดค่อยรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่ใช่แค่มันคนเดียว กระทั่งเผยเหยียนหรานกับอีกสองคนก็สุขสราญบานใจยิ่ง พวกมันทั้งสี่ล้วนเป็นปรมาจารย์จินตัน แต่ไม่อาจทำอย่างไรกับเจ้าหนูน้อยด่านจู้จีผู้หนึ่ง พวกมันสั่งสมโทสะมหาศาลเป็นเวลานาน คิดจะข่มขู่ ก็เกรงว่าเจ้าเด็กเหลือขอจะวิ่งแจ้นไปเข้าสำนักอื่น ล่อลวงมันหรือ? ล่อลวงด้วยอันใดเล่า! เจ้าตัวเลวร้ายนี้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในภูเขาสุญตา

ชมดูเดรัจฉานน้อยในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ พวกมันรู้สึกว่า ไม่ว่าต้องจ่ายราคาสักเท่าใดก็ไม่สูญเปล่าแล้ว

อู่หลิงซ่านเหรินยังอดหัวร่อไม่ได้ “พรสวรรค์เชิงค่ายกลของจั่วม่อสูงส่งจริงดังว่า สำหรับมัน การหาพื้นที่ชีวิตหาได้ยากลำบากไม่” มันตั้งข้อเกต จากนั้นครุ่นคิดว่าไม่สมควรข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้มากไปกว่านี้ ยิ่งจากไปเร็วเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น นี่เป็นเรื่องภายในสำนักของผู้อื่น มันยังสามารถเห็นได้ว่าจั่วม่อจะต้องมีอนาคตอันสดใสยาวไกล หากเจ้าหนูผู้นี้พบว่ามันเป็นผู้ก่อตั้งค่ายกลขบวนนี้ เด็กผู้นี้อาจจดหนี้แค้นไว้ และมาคิดบัญชีเอากับมันในภายหลัง เกรงว่ามันคงไม่อาจรับไว้ได้

อู่หลิงซ่านเหรินยิ่งคิดมากเท่าใด ก็พบว่ายิ่งเข้าเค้ามากเท่านั้น จั่วม่อดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนใจคอกว้างขวางเป็นแน่ คิดมาถึงตรงนี้ต้องรีบกล่าว “ในเมื่อเรื่องราวลุล่วงไปด้วยดี เช่นนั้นข้าคงต้องขออำลาเสียที ในสำนักยังมีเรื่องราวบางประการรอให้ข้าไปสะสาง ต่อไปหากมีเวลาว่าง ค่อยหาโอกาสมาเยี่ยมเยือนทุกท่านอีก”

เผยเหยียนหรานกับเหล่าผู้อาวุโสย่อมต้องพยายามรั้งแขกตามมารยาท แต่เห็นอู่หลิงซ่านเหรินตัดสินใจแน่วแน่ ทุกคนก็ไม่รั้งมันเอาไว้อีก สำหรับค่าจ้างค่าตอบแทน พวกมันได้จ่ายเรียบร้อยแต่แรกแล้ว อู่หลิงซ่านเหรินประสานมือคารวะรอบหนึ่ง จากนั้นหายลับไปตรงเส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว

เผยเหยียนหรานกับพวกก็หาได้ใส่ใจไม่ วิถีทางแห่งการบำเพ็ญเพียรเนิ่นนานยาวไกล พบพานพลัดพรากเป็นเรื่องปกติธรรมดายิ่ง

สือฟ่งหรงเพ่งมองจั่วม่อที่อยู่ในสภาพอเนจอนาถสุดทนดู ทันใดนั้นกล่าวถามว่า “หากจั่วม่อไม่ออกมาในเร็ววัน มิใช่พลาดการเข้าสู่เขตแดนลับหรอกหรือ?”

เผยเหยียนหรานกลับไม่เห็นสำคัญ “เขตแดนลับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด มีสมบัติที่ดีเพียงไม่กี่ชิ้น สมบัติทั้งหมดยังเป็นเพียงวัตถุดิบเท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ของจั่วม่อ ตราบเท่าที่มันเต็มใจให้ความสำคัญกับการฝึกปรือกระบี่ วัตถุดิบเหล่านั้นก็หาได้มีคุณค่าอันใดไม่ หากมีเรื่องใหญ่จริงๆ เราค่อยชดเชยให้แก่มันในภายหลัง”

คำตอบของเผยเหยียนหรานทำให้สือฟ่งหรงพึงพอใจยิ่ง หยานเล่อที่ด้านข้างเบ้ปากแวบหนึ่ง แต่ไม่กล่าวคำใด มันไม่กล้าตอแยศิษย์น้องหญิงสี่

ซินหยานนิ่งสงบราวรูปสลักหิน จ้องมองจั่วม่อในค่ายกลอย่างเย็นชา

 

จั่วม่อขณะนี้อยู่ในสารรูปน่าสังเวชยิ่ง บนร่างไม่มีเสื้อผ้าที่สมบูรณ์สักชิ้น สายตาจ้องมองไปยังตำแหน่งที่ไม่ห่างออกไปด้วยใจระทึก เห็นมังกรทระนงเย็นชาเยื้องกรายผ่านมาในระยะประชิด สายตาของมังกรคอยกวาดมายังร่างเล็กจ้อยของมันเป็นครั้งคราว

มันคาดไม่ถึงว่าแม้แต่วัชรสูตรน้อย ยังถูกท่านเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสดักทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์สะท้านขวัญสะเทือนวิญญาณที่เพิ่งประสบมา มันยังรู้สึกหนังศีรษะชาซ่าน เย็นเฉียบไปทั้งร่าง เจตจำนงกระบี่มากมายเหลือคณานับโถมเข้ารุมทึ้งมัน ราวกับฉลามหิวโหยฝูงใหญ่ ทุกตัวกระเหี้ยนกระหือรือหมายกัดกินชิ้นเนื้อจากร่างมันสักคำสองคำ

วัชรสูตรน้อยอันน่าเวทนา แม้ว่าจะบรรลุถึงขั้นวงจรสัตตบงกชทองคำ แต่ก็ถูกทำลายในพริบตา

หากมิใช่ว่าพลังแห่งจิตสำนึกของมันทรงพลัง หากมิใช่ว่ามันผ่านการศึกษาม้วนหยกค่ายกลเบื้องต้นของคุนหลุนมาแล้ว หากมิใช่ความเข้าใจในเชิงค่ายกลของมันลึกล้ำ มันคงจมพายุเจตจำนงกระบี่ตายไปนานแล้ว

จั่วม่อคืบคลานตะเกียกตะกายหาพื้นที่ปลอดภัยวงเล็กๆ จนพบ ตราบเท่าที่มันไม่ก้าวเท้าออกไปจากวงกลมขนาดสามจั้งวงนี้ จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

วงกลมเล็กๆ สามจั้งนี้เอง เป็นหลักยึดเหนี่ยวสุดท้ายที่ทำให้จั่วม่อยังคงเชื่อ ว่าท่านเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้คิดสังหารมันจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ค่ายกลขบวนมหึมานี้น่าขนพองสยองเกล้าอย่างแท้จริง! จั่วม่อมองอย่างหวาดระแวงไปยังมังกรผยองที่วนเวียนอยู่นอกวง ไม่กล้ากระดิกตัวแม้แต่น้อย

 

ด้านนอกค่ายกล เผยเหยียนหรานเฝ้ามองครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าว “ไปกันเถอะ เจ้าเด็กน้อยนี้ไม่เห็นโลงศพไม่มีทางหลั่งน้ำตาเป็นแน่ ปล่อยให้มันค่อยๆ ถูกบดถูกนวดไปเสียก่อน”

ในความเห็นของพวกมัน ถึงแม้ว่าจั่วม่อจะละโมบและเหลือร้าย แต่นิสัยใจคอดื้อรั้นดึงดันเป็นที่สุด มันจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเป็นอันขาด เรื่องนี้ทั้งสี่ล้วนทราบดีแก่ใจ ซึ่งเป็นเหตุให้พวกมัน ไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนสักเท่าใด ก็จะต้องสร้างค่ายกลใหญ่ขบวนนี้ขึ้นมาให้จงได้ นี่คือการเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อันยาวนาน

ทั้งสี่จากไปโดยไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล ตั้งใจว่าค่อยกลับมาชมดูในอีกสองสามวันให้หลัง

ค่ายกลนี้อาจดูอันตรายยิ่ง แต่อันที่จริงปลอดภัยมาก ด้านในค่ายกล จั่วม่อไม่ใช่คนที่จะอุทิศตัวเองไปทดสอบพลังของเจตจำนงกระบี่อยู่แล้ว ส่วนด้านนอกค่ายกล มันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับศัตรูหรือสัตว์ร้ายอันใด ขบวนค่ายกลที่กระทั่งพวกมันทั้งสี่ยังทำลายไม่ได้ ทั่วทั้งอาณาจักรนภาจันทร์ เกรงว่าคนที่สามารถทำลายค่ายกล มีไม่เกินสามคนเป็นอันขาด

เผยเหยียนหรานกระทั่งครุ่นคิดไปถึงว่า เมื่อจั่วม่อออกมาจากค่ายกลแล้ว พวกมันบางทีสามารถดัดแปลงค่ายกล ในอนาคตอาจใช้เป็นพื้นที่หวงห้ามของสำนัก ด้วยมาตรการป้องกันที่หลากหลายและทรงพลัง ที่นี่นับว่าปลอดภัยไร้กังวล

 

จั่วม่อใช้จิตสำนึกกวาดสำรวจพื้นที่โดยรอบ

มันตั้งใจแน่วแน่แล้ว หากท่านเจ้าสำนักมาถามมันว่าทราบความผิดแล้วหรือไม่ จะปรับปรุงตัวเองหรือไม่ มันจะยอมศิโรราบโดยไม่ลังเล จะก้มหัวรับสภาพแต่โดยดี!

ท่านเจ้าสำนัก! หากท่านบอกว่าฆ่า ข้าย่อมจะไม่ก่อไฟให้เสียเวลา! หากท่านบอกว่าไปทางตะวันออก ข้าจะไม่มีวันไปทางตะวันตก!

วีรบุรุษต้องรู้สถานการณ์ ลูกผู้ชายยกขึ้นได้วางลงได้ จั่วม่อปลอบใจตัวเองเช่นนี้ แต่อนิจจา สิ่งที่มันไม่เคยล่วงรู้เลยก็คือ ท่านเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสประเมินความดื้อรั้นของมันสูงส่งเกินไปมาก!

จั่วม่อผู้รอคอยจะยอมจำนนอยู่หลายวัน ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของท่านเจ้าสำนักหรือผู้อาวุโสคนใด...

อยากจะร่ำไห้ก็ยังไร้น้ำตา เช่นนั้นมันต้องเผชิญกับปัญหาแล้ว

ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร จั่วม่อจะคาดคิดได้อย่างไรว่าจู่ๆ จะเกิดภัยพิบัติเช่นนี้ขึ้น? ในแหวนมิติของมันแทบจะว่างเปล่า ภายใต้พลังของอาคมหวงห้ามภายในค่ายกล มันกระทั่งจะร่ายเคล็ดเมฆฝนหล่นรินยังทำไม่ได้ ย่อมไม่มีแม้แต่น้ำสักหยด

ไม่มีอาหารยังไม่เท่าไร แต่ไม่มีน้ำนี่เกรงว่าจะน่าอนาถแล้ว

จั่วม่อเลียริมฝีปากแห้งแตก มันได้กลิ่นปราณวารีในอากาศ แน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าภายในค่ายกลขบวนใหญ่ ย่อมจะต้องมีแหล่งน้ำอย่างเช่นน้ำพุปราณอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม...

นอกวงกลมชีวิต แม้มังกรไม่ปรากฏกาย แต่จั่วม่อไม่ได้ยินดีแม้แต่น้อย มันทราบว่าเมื่อมันก้าวออกจากพื้นที่ชีวิต จะถูกรายล้อมด้วยเจตจำนงกระบี่มากมายในพริบตา

แต่มันยังคงตัดสินใจลองเสี่ยงดู หากเอาแต่นั่งอยู่กับที่ ย่อมไม่มีวันหาทางออกจากค่ายกลได้

จนถึงตอนนี้ จั่วม่อค่อยเข้าใจเจตนาชั่วร้ายของเหล่าผู้อาวุโส คนเหล่านั้นต้องการให้มันผ่านด่านค่ายกล!

จะไปยากอะไร๊ ก็แค่ทำลายค่ายกลเท่านั้น! จั่วม่อปลุกปลอบความกล้า ค่อยๆ ย่องออกจากพื้นที่ชีวิต

 

ด้านนอก เจ้าสำนักเผยเหยียนหรานกับสามศิษย์น้องค่อยถอนใจเฮือกใหญ่ พวกมันคิดไม่ถึง สองสามวันที่ผ่านมา จั่วม่อจะเอาแต่อยู่ภายในพื้นที่ชีวิต ไม่ยอมก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียว

พวกมันเดิมทีตั้งใจจะส่งน้ำกับอาหารเข้าไปบางส่วน แต่เห็นจั่วม่อถอยเข้าไปในพื้นที่ชีวิตและไม่คิดออกมาอีก ดูราวกับว่าจั่วม่อคิดจะใช้วิธิการเฝ้ารออยู่เฉยๆ เพื่อยืนกรานต่อต้านพวกมันอยู่ในที พวกมันก็เปลี่ยนความตั้งใจ ไม่ส่งข้าวส่งน้ำเข้าไปสนับสนุนในทันที

“ในที่สุดเจ้าเด็กน้อยก็ยอมออกมา” เผยเหยียนหรานกล่าว

หยานเล่อผงกศีรษะ ทีท่าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าตัวเลวร้ายนี้นับเป็นศิษย์ร้ายกาจอันดับหนึ่งของสำนักอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าเดาว่า หากเราไม่ตัดข้าวตัดน้ำ มันจะต้องเอาแต่อยู่ในพื้นที่ชีวิตและเฝ้ารอ ฮึ่ม เฝ้ารอจนกว่าค่ายกลจะพังทลายไปเอง!”

สือฟ่งหรงไม่พอใจอยู่บ้าง “ศิษย์พี่สาม ตอนที่ท่านยังเด็ก ก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?”

หยานเล่อสะอึก หุบปากสนิทในทันที

ซินหยานจ้องมองจั่วม่อในค่ายกลตาไม่กระพริบ ในใจมันลอบโล่งอกเช่นกัน มันก็หวั่นเกรงว่าจั่วม่อจะเอาแต่นั่งอยู่เฉยๆ จริงๆ มันเชื่อว่าเจ้าตัวประหลาดน้อยนี้สามารถกระทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อจั่วม่อเริ่มก้าวออกมา พวกมันก็เริ่มสนใจทันที

พวกมันกระหายใคร่รู้ ว่าจั่วม่อจะรับมือด้วยวิธีใด เดรัจฉานน้อยนี้อาจเดินผิดทางไปบ้าง แต่ในแขนเสื้อของมันซ่อนฝีมือน่าประหลาดใจไม่มีที่สิ้นสุด

 

ก้าวออกจากพื้นที่ชีวิต จั่วม่อพลันรู้สึกถึงเจตจำนงกระบี่อันกราดเกรี้ยวในอากาศ ทั้งยังมีที่ทิ่มแทงจากพื้นดิน อย่างไรก็ตาม คราวนี้มันไม่กล้าโคจรวัชรสูตรน้อยอีกแล้ว ได้แต่กัดฟันข่มกลั้นความเจ็บปวด ค่อยๆ ย่องไปในทิศทางของน้ำ

 

นอกค่ายกล ซินหยานเอ่ยปากอย่างกะทันหัน “มันกำลังหาแหล่งน้ำ”

อีกสามคนก็เข้าใจ ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ เกือบสะใจ

ตอนที่อู่หลิงซ่านเหรินก่อตั้งค่ายกล มันได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว คิดค้นหาแหล่งน้ำภายในค่ายกลไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากคิดว่าสามารถเข้าถึงน้ำได้ง่ายๆ นั่นกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

 

จั่วม่อสะกดกลั้นความเจ็บปวด จิตสำนึกกวาดไปรอบๆ เสาะหาแหล่งน้ำอย่างเต็มกำลัง

มันพบว่ายิ่งก้าวเดินช้าลง เจตจำนงกระบี่ที่รายล้อมก็ยิ่งเป็นภัยคุกคามน้อยลง ดังนั้นด้วยความเร็วประหนึ่งเต่าขาเจ็บ มันค่อยๆ ย่องตรงไปยังแหล่งน้ำ

เพียงระยะทางสั้นๆ ช่วงนี้ มันถึงกับใช้เวลาไปสองชั่วยามเต็ม

 

ภายนอกค่ายกล เหล่าผู้อาวุโสสูญเสียความอดทน พากันจากไปนานแล้ว ขณะนี้มีหลายสิ่งที่รอให้พวกมันไปจัดการ ในช่วงเวลานี้ สำหรับสำนักกระบี่สุญตาแล้ว มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ในงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ สำนักกระบี่สุญตาเปล่งประกายเจิดจรัสถึงขีดสุด ย่อมต้องเผยโฉมออกมาเบื้องหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ ต่อให้คิดอยู่อย่างสมถะเช่นเดิมเกรงว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว พวกมันจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตน

ดวงตามากมายนับไม่ถ้วนจับจ้องมายังสำนักกระบี่สุญตา ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป จะเป็นเวลาที่สำนักกระบี่สุญตาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด ทั้งชื่อเสียงและสถานะ พวกมันล้วนมีพรั่งพร้อม สิ่งที่พวกมันจะต้องต่อสู้ ก็เพื่อประโยชน์ที่มาพร้อมกับชื่อเสียงและสถานะนี้เอง

การพุ่งทะยานขึ้นฟ้าของสำนักกระบี่สุญตาจะส่งผลกระทบต่อบางสำนัก การต่อสู้ดุเดือดรุนแรงที่จะตามมา ย่อมยากจะหลีกเลี่ยง

เผยเหยียนหรานกับพวกทั้งสี่ไม่ใช่คนใจดีมีเมตตา ทั้งไม่ใช่คนใจคอกว้างขวาง เมื่อพวกมันกำหนดกลยุทธ์แล้วเสร็จ ก็ลงมือรวดเร็วประดุจฟ้าร้องไม่ทันอุดหู ไม่มีมือไม้อ่อนแม้แต่น้อย

ภายในช่วงเวลาสองสามคืน สำนักกระบี่สุญตาสยบสามสำนักติดต่อกัน แม้ว่าเป็นเพียงสำนักเล็กๆ สามแห่ง แต่ผู้คนยังคงได้เห็นสัตว์ร้ายตัวมหึมาค่อยๆ อ้าปากของมัน เตรียมเขมือบกลืนทุกสิ่ง

จริงดังคาด สำนักกระบี่สุญตาไม่ได้หยุดการขยับขยายของพวกมัน เจ็ดวันให้หลัง สำนักเล็กๆ ทุกสำนักที่อยู่รายรอบสำนักกระบี่สุญตา ผนวกรวมเข้ากับสำนักกระบี่สุญตาจนหมดสิ้น

เผยเหยียนหรานเที่ยงธรรมทรงอำนาจ ซินหยานลงมือคราใดไร้ผู้ต้านติด หยานเล่อเฉลียวฉลาดเจนจัด สือฟ่งหรงพลังฝีมือของนางไม่ใช่ธรรมดาสามัญ ฝีมือหลอมกลั่นโอสถก็ไร้คู่ต่อกรในตงฝู

ทั้งสี่ร่วมมือประสานงานอย่างแนบเนียนไร้รอยต่อ อาศัยความเชื่อใจประดุจพี่น้องร่วมตายระหว่างพวกมัน แม้ว่าสำนักเล็กๆ มากมายจะถูกกลืนกินเข้ามา แต่การจัดการภายในของสำนักกระบี่สุญตา ไม่ได้สับสนวุ่นวายแม้แต่น้อย เป็นการปรับโครงสร้างสำนักที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพยิ่ง

นี่เป็นการต่อสู้! แม้มีการเจรจาข้อตกลงเบื้องหลังฉาก แต่ย่อมจำเป็นต้องต่อสู้ก่อนที่จะมีการเจรจา ซินหยานสยบเจ็ดยอดฝีมืออย่างราบคาบภายในค่ำคืนเดียว สะท้านไปทั้งอาณาจักรนภาจันทร์!

การต่อสู้ครั้งนี้ ส่งให้ชื่อเสียงของกระบี่มังกรน้ำแข็งเป็นที่ยอมรับอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยเร่งฝีเท้าในการขยายอำนาจของสำนักกระบี่สุญตาอย่างใหญ่หลวง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เผยเหยียนหรานกับพวกทั้งสี่ไม่มีเวลาจะมาสนใจจั่วม่อที่ติดอยู่ในค่ายกลอีก พวกมันเพียงสั่งให้หลี่อิงฟ่งคอยดูแลส่งข้าวส่งน้ำ ตลอดจนม้วนหยก แน่นอนว่าม้วนหยกทั้งหมดมีแต่เคล็ดวิชากระบี่ล้วนๆ

จั่วม่อผู้น่าสมเพช ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่เพียงลำพัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด