ตอนที่ 245 ความอัจฉริยะ
เมื่อหลิน ฮวงดื่มกาแฟที่ระเบียงของร้านกาแฟเรียบร้อยแล้ว ฉิน เว่ยก็ไม่ได้ถามอะไรเขาอีกเลยหลังจากที่เธอถามคำถาม 20 กว่าคำถามไปแล้ว เธอปิดภาพฉาย และเริ่มดื่มกาแฟของเธอที่ตอนนี้เย็นไปหมดแล้ว จากนั้นเธอก็ค่อยๆวางถ้วยลง
"ขอบคุณที่ยอมตอบคำถามทั้งหมด ถ้าไม่มีคุณ ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันควรจะเขียนรายงานอย่างไรดี" ฉิน เว่ยยิ้มอย่างอึดอัดใจ
"คุณร่วมงานกับเขานานแค่ไหนแล้ว?" หลิน ฮวงถาม
"ไม่นานเท่าไหร่ แค่9เดือน ... " ฉิน เว่ยส่ายหัว
"อย่างไรก็ตาม เขาคือคู่หมั้นของฉัน ... " ฉิน เว่ยพูดต่อหลังจากที่เงียบไปสักพัก
ตอนนี้หลิน ฮวงไม่รู้จะพูดอะไร เขาเคยได้ยินมาจากหยาง หลิงว่า หวู ฮ่าวมีคู่หมั้น แต่เขาไม่เคยรู้ว่าคู่หมั้นของเขานั้นคือฉิน เว่ยที่เป็นคู่หู
"เขาจากไปแล้ว ผมเสียใจด้วยจริงๆ" หลิน ฮวงพยายามปลอบใจเธอ
"ฉันโอเค ฉันไม่ได้เศร้าขนาดนั้น มันเป็นการบังคับระหว่างตระกูลเรา ก่อนที่จะหมั้นกับเขา ฉันไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลยด้วยซ้ำ เราทั้งคู่ต่างก็ไม่พอใจกับการแต่งงาน"
"ฉันรู้ว่าเขามีแฟนที่คบกันมานานกว่า10ปี เธอมาจากตระกูลธรรมดา พ่อของเขาฆ่าเธอต่อหน้าเขาและหั่นเธอเป็นชิ้นๆ ขณะที่บังคับให้ หวู ฮ่าวเฝ้าดูตอนที่เขานำร่างเธอให้หมูกิน พ่อบอกกับเขาว่าถ้าเขาไม่ยอมตกลง แม้ว่าเขาจะฆ่าตัวตายไปก็ตาม สมาชิกในครอบครัวของผู้หญิงทุกคนก็จะต้องโดนแบบนี้”
"ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกเลย เขามักจะออกไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่นทุกวัน เขาเป็นแบบนั้นมา 2 ปี เขารู้สึกท้อแท้ มันเป็นความคิดของตระกูลเราที่จะร่วมมือกันและหวังว่าฉันจะสามารถควบคุมเขาได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงทำแบบเดิม แบบที่เขาอยากจะทำ ฉันไม่คิดว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น แม้ว่าความตายอาจจะเป็นการปลดปล่อยเขาไปก็ตาม "
แม้ว่าฉิน เว่ยจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับหวู ฮ่าวมาก แต่เขาก็ยังเป็นคู่หมั้นของเธออยู่ดี ตอนที่เขาตายเธอไม่เพียงต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับสวรรค์ของนักล่า เธอยังต้องพูดกับตระกูลของหวู ฮ่าวอีกด้วย
"นั่นเป็นเหตุผลที่คุณสงสัยเขา ตอนที่เขาพยายามบอกคุณว่าเขาไม่ใช่จอมกินสมองเมื่อวานนี้นะหรอ?" หลิน ฮวงถาม
"ใช่ เพราะฉันรู้ว่าเขาอยากจะตายอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่า ฉันก็ยังคงไม่แน่ใจในเวลานั้นเพราะมันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่จะเอาตัวรอด เมื่อฉันเห็นปฏิกิริยาเขาขณะที่คุณสาดน้ำใส่เขา ฉันจึงรู้ว่าคุณนั้นกำลังพูดความจริง”ฉิน เว่ยอธิบาย
"คุณต้องเขียนรายงานสองเล่ม เพื่อส่งให้สวรรค์ของนักล่าและตระกูลหวู่ด้วยใช่ไหม?" ในที่สุดหลิน ฮวงก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถามคำถามสองข้อเมื่อก่อนหน้านี้
"องค์การณ์นักผจญภัยไม่จำเป็นต้องรู้ความจริงเพราะมันจะนำความอับอายมาให้กับตระกูลหวู่ แต่ถึงอย่างนั้น ตระกูลหวู่ก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดี ฉันต้องขอบคุณสำหรับการให้คำตอบทั้งสองด้านแก่ฉัน" ฉิน เว่ยยิ้มและพยักหน้า
หลังจากคุยกันสักพักพวกเขาก็ล่ำลาเจ้าของร้านและออกจากร้านกาแฟ
"คุณตั้งใจจะออกจากเมืองลั่วซีเมื่อไหร่?" ฉิน เว่ยถามตอนที่เดินออกจากร้านกาแฟ
"ในอีก 2-3 วันข้างหน้า แล้วคุณล่ะ?" หลิน ฮวงถามกลับ
"ฉันจะไปตอนบ่ายนี้ ฉันทำงานของฉันเสร็จแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะอยู่ต่อ" ฉิน เว่ยกล่าว
"ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ฉันขอเบอร์คุณได้ไหม?" เธอพูดต่อ
“ได้สิ” หลิน ฮวงให้เบอร์ของเย่ ซิ่วไป
หลังจากที่เพิ่มเพื่อนแล้ว พวกเขาก็กลับไปที่โรงแรมด้วยกัน เมื่อหลิน ฮวงเข้ามาในห้องของเขา หมาป่าวิริเดี้ยนก็รีบลุกขึ้นและถูหัวของมันกับตัวเขา หลิน ฮวงลูบหัวมันและสังเกตเห็นเมล็ดกาฝากที่ยังคงเติบโตอยู่ภายใน เมื่อคิดถึงเมล็ดกาฝากหลิน ฮวงจึงเรียกปีศาจเถาวัลย์แดนดิไลอันมา เจ้าแดงเหมือนลูกงูที่มีความยาวน้อยกว่า2เมตรและหนาเท่านิ้วหัวแม่มือ
"มาดูกันว่าแกจะฉลาดแค่ไหน ฉันจะให้แกเรียนรู้ภาษามนุษย์สักสองสามวันหลังจากนี้" จากนั้นหลิน ฮวงก็ดาวน์โหลดเอกสารการเรียนรู้ของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับคำจากเครือข่าย เขาวางแหวนหัวใจจักรพรรดิไว้บนโต๊ะกาแฟและฉายภาพ และปล่อยให้เจ้าแดงอ่านด้วยตัวมันเอง เหมือนกับลูกงูตัวอื่นๆ เจ้าแดงได้ยกส่วนบนเพื่ออ่านเอกสารทั้งหมดที่หลิน ฮวงดาวน์โหลดมา ขณะที่หลิน ฮวงใช้แหวนหัวใจจักรพรรดิของ เย่ ซิ่วเพื่ออ่านข่าวบนโซฟา
เมื่อเวลาประมาณ 11:30 น. หลิน ฮวงได้บอกเจ้าแดงและหมาป่าวิริเดียนให้ทำตัวดีๆก่อนที่จะออกไปข้างนอก แทนที่จะไปกินอาหารกลางวันเขากลับไปที่สำนักเครดิตเพื่อโอนเงินให้หยาง หลิง1500คริสตัลชีวิต
หลิน ฮวงส่งข้อความไปหาหยาง หลิง"ฉันโอนไปให้นาย 50% ของรางวัลที่ได้รับ อย่าลืมตรวจสอบด้วยละ " จากนั้นเขาก็พบร้านอาหารใกล้ๆและแวะกินข้าวก่อนกลับ สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ขณะที่เขาออกไป ฉิน เว่ยที่อยู่ข้างห้องเขาได้กดกริ่งห้องเขา
เจ้าเลื้อยไปที่ประตูและมองหน้าฉิน เว่ยที่ยืนอยู่ข้างนอก มันเคยเห็นเธอเมื่อคืนดังนั้นเธอจึงไม่ได้เป็นคนแปลกหน้า มันลังเลอยู่สักพักแต่ก็ตัดสินใจเปิดประตูให้เธอ
ฉิน เว่ยพบว่ามันแปลกที่เจ้าแดงเปิดประตูได้ "เย่ ซิ่ว?" เธอตะโกนอยู่ที่หน้าประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
เมื่อเธอกำลังจะกลับ เธอก็เห็นเจ้าแดงที่กำลังใช้ชาในถ้วยเขียนบางสิ่งบนพื้น
"นายท่านออกไปทานอาหารกลางวัน"
"มอนสเตอร์อัญเชิญนี่สามารถเขียนได้อย่างงั้นหรอ?" ฉิน เว่ยตกใจมาก จากนั้นเธอก็รู้ว่ามอนสเตอร์เถาวัลย์นี้จะต้องได้รับทักษะจากจอมกินสมองมาเป็นแน่
"โอเค ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ขอบคุณนะ" ฉิน เว่ยลูบหัวเจ้าแดง
"ฉันคิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ ฉันเลยอยากจะมาลา แต่ในเมื่อเขาออกไปข้างนอกแล้ว ฝากบอกเขาด้วยนะว่าฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเขาในช่วงสองวันที่ผ่านมาและฉันหวังว่าเขาจะมีช่วงเวลาที่ดีในเมืองลั่วซี"
เจ้าแดงพยักหัว
"ขอบคุณที่เปิดประตูให้ฉัน ลาก่อน!"
"ยินดีขอรับ ลาก่อน" เจ้าแดงเขียนลงบนพื้นอีกครั้ง
ฉิน เว่ยยิ้มและจากไป เมื่อหลิน ฮวงกลับมาที่โรงแรมหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ฉิน เว่ยก็กลับไปนานแล้ว เมื่อเขามาถึงห้องเจ้าแดงก็เข้ามาพันแขนและดึงเขาไปบนโซฟา
"เกิดอะไรขึ้น?" หลิน ฮวงคิดว่ามันไร้สาระ
เจ้าแดงใช้น้ำในถ้วยและเริ่มเขียนบนโต๊ะกาแฟโปร่งใส
"หญิงสาวห้องถัดไปมาที่นี่ เธอมาเพื่อบอกลานายท่าน เธอฝากข้าให้มาบอกนายท่านว่าเธอรู้สึกขอบคุณนายท่านอย่างมากสำหรับความช่วยเหลือและขอให้นายท่านมีช่วงเวลาที่ดีในเมืองลั่วซี”
หลิน ฮวงตกใจเมื่อเห็นมัน
"ให้ตายสิ แกกลับเรียนรู้การเขียนได้แล้ว?ตอนนี้ แกต้องเป็นอัจฉริยะแล้วแน่ๆ”