บทที่ 75: ร่วมแรง!
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 75: ร่วมแรง!
แม้ว่าการแสดงออกที่เผยนั้นจะอยู่ในสภาวะแตกตื่นและลั่นวาจาสาบานออกมา แต่ทว่าการโจมตีของผู้ฝึกตนถือพัดดูเหมือนว่าจะไม่มีผลอะไรเลย เรื่องนี้มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว พลังการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับจินตันไม่สามารถระคายเคืองผิวระฆังเหล็กดำได้เลยงั้นหรือ? ดังนั้น ผู้ฝึกตนทั้งสามที่อยู่ด้านหลังจึงคิดว่าผู้นำกลุ่มของเขาไม่ยอมใช้หินจิตวิญญาณที่มีอยู่
ในตอนนี้ผู้นำกลุ่มถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนถี่เหนียวไปเสียแล้ว และมันไม่มีสิ่งใดสามารถลบล้างความคิดพวกนั้นได้เลย หลังจากนั้น ข้อเท็จจริงทั้งหมดล้วนอยู่ตรงหน้าพวกเขา มันเป็นเรื่องยากที่จะกล่าวสิ่งใดออกมาโน้มน้าว ภายใต้สายตาจับผิดของผู้ฝึกตนทั้งสาม ทำให้ผู้ฝึกตนที่ถือพัดยิ่งโกรธเกรี้ยวมากขึ้นไปอีก เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเพียงแต่พุ่งเข้าไปโจมตีระฆังเหล็กอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากเกิดระเบิดขึ้นจนนับครั้งไม่ถ้วน ระฆังเหล็กกระเด็นไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ ด้านนอกของมันแตกเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับถูกแผดเผาจนพื้นผิวเป็นสีแดง จากโจมตีต่าง ๆ นั้นทำให้เหล็กดำหลุดลอกออกไปเรื่อยกว่าสิบตัน แม้กระนั้นแล้วก็ยังไม่สามารถทำอะไรระฆังเหล็กดำได้
เงินมากมายที่เจ้าอ้วนสะสมมาหลายปี ถูกนำออกมาใช้เพื่อซื้อเหล็กสีดำเคลือบเจ้าสิ่งนี้ทั้งหมด แม้ระฆังเหล็กดำจะมีขนาดสูงกว่าหนึ่งพันฟุต ชั้นของเหล็กดำหนาถึงสี่ร้อยฟุต เพียงสิบฟุตที่ถูกละลายไปนั้นยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของมัน
ผู้นำกลุ่มศัตรูกำลังใช้สายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาเพื่อโจมตีระฆังเหล็กดำอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าเจ้าอ้วนกำลังเพลิดเพลินกับชาแห่งองค์ประกอบทั้งห้าภายในมิติของเขาเอง ในเวลาเดียวกัน เขาเกิดอารมณ์ที่จะย่างมัจฉาไร้เนตรสักหน่อย ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายและน่าสังเวชเช่นเมื่อครู่ แต่สภาพของเขาในตอนนี้ก็ยังคงสวมชุดของลัทธิเต๋าที่ขาดหลุดรุ่ยราวขอทานเช่นเดิม เขาไม่สนใจแม้แต่การปัดฝุ่นบนหน้า แผนของเขาในตอนนี้ก็คือการกลับไปยังภูเขาและแสดงให้อาจารย์ลุงของเขาเห็นว่าตนเองนั้นได้ผ่านการต่อสู้มาอย่างโหดร้ายและจัดการกับศัตรูอย่างสง่างาม
เมื่อเทียบกับเจ้าอ้วนที่กำลังผ่อนคลาย ผู้ฝึกตนทั้งสี่ที่อยู่ด้านนอกรู้สึกมืดมนอย่างมาก ผู้นำของเขายิงปืนออกไปเจ็ดถึงแปดนัดแล้ว ผู้ฝึกตนทั้งสามมองเห็นแล้วว่าเขาได้ทุ่มสุดกำลัง อีกทั้งสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธานั้นมีราคาแพงเกินไป เหตุใดเขาจึงต้องยิงมันหลาย ๆ นัดด้วย ทั้งที่เขาสามารถยิงให้จบเรื่องได้ในนัดเดียว? ปริมาณหินจิตวิญญาณที่เขาใช้ไปในครั้งนี้ราวหนึ่งล้านก้อน ซึ่งมันเพียงพอสำหรับซื้ออุปกรณ์วิเศษบางอย่าง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ผู้ฝึกตนหญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความตกใจ “ศิษย์พี่ มีบางอย่างผิดปกติหรือไม่? ในการยิงจำนวนมากเช่นนี้ โดยปกติแล้วอุปกรณ์วิเศษจะถูกทำลายลงอย่างแน่นอนโดยอาวุธมือของท่าน แต่เหตุใดระฆังเหล็กดำยังคงปกติดีอยู่?”
“แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?” ผู้นำกลุ่มกล่าวออกมาอย่างแค้นเคือง “พวกเจ้าควรจะเชื่อข้าว่าข้ามิได้หวงแหนสิ่งใด หรือปกปิดสิ่งใดมิใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าข้าไม่พยายาม แต่ระฆังไขมันนี่มันแข็งแกร่งเกินไป!”
“อย่างนั้นเราควรทำเช่นไร?” ผู้ฝึกตนที่อยู่บนหลังอินทรีย์กล่าว “ไม่สามารถทำให้ระคายเคืองได้เลยงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าระฆังยักษ์นั่นจะต้องมีความลับ! เป็นไปได้หรือไม่ว่าเราจะค้นพบมันในเร็ว ๆ นี้!” ผู้ฝึกตนที่อยู่บนหลังเสือดาวถามต่อ “ศิษย์พี่ ท่านยังเหลือสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาอีกเท่าไหร่?”
“ไม่มากนัก นับตั้งแต่สงครามครั้งสุดท้ายที่เราพ่ายแพ้ ข้ายังไม่มีโอกาสนำมาเพิ่ม ในตอนนี้ข้าใช้มันจนเกือบจะหมดแล้ว!” ผู้นำกลุ่มตอบกลับอย่างหดหู่
“ข้าคิดว่าท่านควรเก็บมันไว้ดีกว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าไม่คิดว่าการยิงต่อไปเรื่อย ๆ จะทำลายมันได้!” หญิงสาวกล่าวขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ข้าเห็นด้วย ในตอนนี้เรามองไม่เห็นว่าเจ้าก้อนไขมันนั่นอยู่หนใด เป็นไปได้หรือไม่ที่มันจะตายตกไปแล้ว? เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่ควบคุมระฆังคือวิญญาณของมัน?”
“ระดับของมันต่ำเกินไป มันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ อีกทั้งจิตวิญญาณต้นกำเนิดของมันก็อ่อนแอเกินไป ถ้าหากร่างกายของมันถูกเป่าไปด้วยสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธา แม้แต่วิญญาณก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ นอกจากนี้ ถ้าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนนำจิตวิญญาณของมันไปวางไว้ในอุปกรณ์วิเศษที่ถูกระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนั้น แน่นอนว่าวิญญาณจะย่อยยับอย่างแน่นอน คนที่จะควบคุมอุปกรณ์วิเศษเช่นนั้นได้จะต้องมีจิตวิญญาณและปราณจิตวิญญาณที่หนาแน่นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถกระทำการเช่นนี้ได้!” ผู้นำกลุ่มตอบกลับ
“แล้วเจ้าไขมันนั่นมันอยู่ไหน?” ผู้ฝึกตนขี่เสือดาวถามออกมา
“บางทีมันอาจจะซ่อนตัวอยู่ในระฆัง!” ผู้นำกลุ่มกล่าวแบบสุ่มๆ
“อย่างนั้นหรือ? ถ้าหากเป็นเช่นนั้น คลื่นพลังมากมายที่ระเบิดออกมาเพียงพอแล้วสำหรับการทำให้มันตกตาย” หญิงสาวกล่าวเสริม “เป็นไปไม่ได้ถ้าจะบอกว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย”
“บางทีมันอาจจะมีอุปกรณ์วิเศษอื่นอยู่อีก!” ผู้นำกลุ่มกล่าวออกมาอีกครั้ง “เมื่อไหร่กันที่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนสามารถใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้ ถึงกับสามารถหยิบระฆังยักษ์ออกมาได้ชั่วพริบตา คงไม่แปลกถ้าหากมันครอบครองอุปกรณ์วิเศษอีกสองถึงสามอย่าง!”
“เพื่อนตัวน้อยผู้นี้มีสมบัติมากมายเหลือเกิน และยังใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้อีก นี่เรากำลังทำร้ายลูกหลานของอาวุโสหยวนหยินแห่งสำนักเสวียนเทียนหรือไม่?”
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเป็นถึงบุตรหลานของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน อย่างน้อยเราก็ต้องเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง!” หญิงสาวกล่าวออกมา “นอกจากนี้แล้ว คนใหญ่คนโตเหล่านั้นมักจะฝึกตนอยู่อย่างสันโดษ แต่เหตุใดมันจึงต้องถูกส่งมาเป็นผู้นำวัดที่ถูกทอดทิ้งเช่นนี้?”
“แม้ว่ามันจะเป็นลูกหลานของคนใหญ่คนโต แต่เราก็ไม่มีทางให้ถอยแล้ว! มันฆ่านายน้อย และเราได้ฆ่านักบวชทุกคนในวัดของมัน ความเป็นปฏิปักษ์ของเราจะไม่มีวันจางหายไป ถ้าเราไม่สังหารมันในวันนี้ และหากมันนำข่าวกลับไปบอกที่สำนักเสวียนเทียน พวกเราจะพบเจอปัญหาใหญ่!” ผู้นำกลุ่มกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
“แต่เราไม่สามารถมองหาเจ้าอ้วนได้ อีกทั้งยังไม่สามารถทำอะไรกับกระดองเต่าได้ ในตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรกันเล่า?” หญิงสาวถามออกมาอย่างใจจดใจจ่อ
“ให้ทุกคนโจมตีพร้อมกันที่ด้านล่างของระฆัง ข้าเดาว่ามันต้องอยู่ตรงนั้น! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องทำให้เจ้าก้อนไขมันนั่นโผล่หัวออกมาให้ได้!” ในขณะที่ผู้นำกลุ่มกล่าว เขาจ้องเข้าไปที่ดวงตาของผู้ฝึกตนทั้งสาม
“ขอรับศิษย์พี่!” ผู้ฝึกตนทั้งสามหันหน้าเข้าหาระฆังเหล็กดำพร้อมกัน
ผู้ฝึกตนที่ถือพัดหยิบดาบบินออกมาพร้อมกับตะโกนว่า “ทุกคน พวกเราไล่ล่ามันมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว! เราเหลือระยะทางให้ไล่ล่าได้อีกไม่กี่พันลี้เท่านั้นก่อนที่จะถึงสำนักเสวียนเทียน พวกเจ้าทั้งหมดทราบดีกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าอย่างไร เราไม่มีเวลาเหลือแล้ว จงต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเจ้าเอง!” ในขณะที่เขากล่าวจบ เขาวิ่งเข้าไปหาระฆังเหล็กดำ
เมื่อได้ยินผู้นำกลุ่มกล่าวเช่นนั้น ดวงตาของผู้ฝึกตนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ผู้ฝึกตนทั้งสามทุ่มเทพลังทั้งหมดไปที่ระฆังเหล็กดำ ทั้งอุปกรณ์วิเศษ ดาบบิน และเวทมนตร์ทั้งหมดที่พวกเขามี…