บทที่ 74: ไร้ความหมาย
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 74: ไร้ความหมาย
มีช่องเสียบอยู่ด้านบนไข่มุกสีดำเพื่อหลอมรวมเป็นร่างกายเดียวกัน ที่ด้านบนไข่มุกสีดำจะได้รับการปกป้องจากระฆังเหล็กดำอย่างสมบูรณ์แบบ
เช่นเดียวกันกับเจ้าอ้วนที่อยู่ภายในมิติของเขา ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ปะทะเข้ากับระฆังเหล็กดำเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ การระเบิดในครั้งนี้เกิดเป็นคลื่นพลังแผ่ออกไปรอบทิศทางหลายสิบลี้ เหล่าพืชพรรณ ต้นไม้ต่าง ๆ ถูกบดขยี้จนแหลกเป็นผุยผง สภาพแวดล้อมในตอนนี้ราวกับว่าเพิ่งประสบพบเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติมาอย่างไรอย่างนั้น
การระเบิดครั้งใหญ่เช่นนี้ ทำเอาระฆังเหล็กดำกระเด็นไป พร้อมกับหดตัวลงเหลือเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น และส่วนที่ยังปรากฏอยู่เรืองแสงสีแดงเนื่องจากอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น ในตอนนี้ระฆังเหล็กดำปรากฏแสงสีแดงเรืองรองคล้ายกับไฟที่กำลังเผาไหม้บุหรี่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเกิดการระเบิดที่รุนแรง แต่ทว่าระฆังเหล็กดำกลับไม่เป็นอะไรเลย แม้ว่าภายนอกของมันจะดูเสียหายมาก แต่ภายในของมันไม่มีร่องรอยแม้ว่าจะล้มลงแล้วก็ตาม
สิ่งที่สำคัญคือไม่ว่าจะเกิดความวุ่นวายมากเพียงใดที่ภายนอก แต่มิติลึกลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เหล่ามัจฉาไร้เนตรเวียนว่ายในบ่อยังไม่รู้สึกรู้สาถึงอันตรายด้านนอก เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นว่ามิติลึกลับนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
เนื่องจากแม้แต่มัจฉาไร้เนตรยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เจ้าอ้วนที่อยู่ภายในนั้นจึงไม่ได้รับอันตรายแม้แต่รอยขีดข่วน เขาดึงจิตวิญญาณของตนเองกลับมาก่อนที่จะเกิดการปะทะ เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจิตวิญญาณของเขาจะได้รับบาดเจ็บ
แน่นอนว่าหลังจากระเบิด เจ้าอ้วนขยายจิตวิญญาณออกไปสำรวจอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกันนั้นเขาทราบว่าระฆังเหล็กดำกระเด็นไปตกที่ทุ่งหญ้า จากนั้นเขาจึงแผ่กระจายปราณจิตวิญญาณของเขาไปควบคุมระฆังเหล็กดำให้บินมุ่งไปยังสำนักเสวียนเทียน
สำหรับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั้งสี่ได้เห็นฉากระเบิดอันน่าสะพรึง ระฆังเหล็กดำกระเด็นไปไกลและตกลงไปในหุบเขา
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว พวกเขาเริงร่าพร้อมกับตะโกนส่งเสียงโห่ร้องโดยทันที เนื่องจากพวกเขาไม่เห็นเจ้าอ้วนที่อยู่ในระฆังขณะที่มันกระเด็นออกไป พวกเขาจึงคิดว่าเจ้าอ้วนถูกบดขยี้โดยลูกบอลไฟจนกลายเป็นผุยผงไปแล้ว! หลังจากสังหารเขาเสร็จสิ้น แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องฉลองกันสักหน่อย
ในขณะที่พวกเขากำลังดีใจกันอยู่ ระฆังเหล็กดำกลับลอยขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับมุ่งหน้าไปยังสำนักเสวียนเทียนด้วยความเร็วที่คงที่เช่นนั้น เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนควบคุมมันอยู่ คิดได้อย่างเดียวคือบุคคลนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย เมื่อดูจากการควบคุมระฆังเหล็กดำ
พวกเขาทั้งหมดโง่งมในทันที ผู้ฝึกตนที่เป็นหญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง “ศิษย์พี่ ในสถานการณ์แบบนี้ ท่านยังคิดออมแรงอีกหรือ?”
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่ ท่านไม่ควรปกปิดความสามารถของท่านไว้เช่นนี้ ดูสิ ที่ทำไปทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกัน?” ผู้ฝึกตนที่ขี่เสือดาวอยู่กล่าวออกมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่น
“ไร้สาระ!” ผู้ที่ถือพัดตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าได้ทำทุกอย่างที่ข้าทำได้แล้ว หรือพวกเจ้าไม่เห็น?”
“แต่ว่า ศิษย์พี่… ถ้าหากท่านทุ่มพลังทั้งหมด ปืนใหญ่เศียรมังกรนภาที่ท่านใช้ออกไปเมื่อครู่นั้นเทียบเท่ากับผู้มีพลังระดับจินตัน เหตุใดท่านจึงไม่สามารถทำลายระฆังเหล็กดำได้?” ผู้ฝึกตนที่ขี่อินทรีย์ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้พร้อมกล่าวว่า “ท่านกำลังพยายามโกหกใครอยู่?”
“เรื่องนั้น…” เมื่อได้ยินผู้ฝึกตนที่ถือพัดกล่าวออกมาเช่นนั้น สวรรค์ เขาทุ่มพลังอย่างเต็มที่ในการโจมตีเมื่อครู่ แต่กลับไม่สามารถทำลายระฆังยักษ์ได้ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน เหล่าพี่น้องของเขาทั้งหมดต่างงงงวย เขาด้วยเช่นกัน เขาถามตัวเองว่าเขาเก็บสิ่งใดซ่อนไว้ ถึงกับไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอออมแรงไป
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาไม่สามารถทนความอับอายตนเองได้อีกต่อไป เขาหยิบปืนออกมาอีกครั้งพร้อมกับใส่สายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาลงไปเพื่อทำการยิงอีกครั้ง “ข้าไม่เชื่อ ว่าข้าจะไม่สามารถทำลายมันได้!”
ขณะที่กล่าวจบ เขาตรวจสอบหินจิตวิญญาณระดับกลางอีกครั้งว่าไม่มีสิ่งใดผิดพลาด หลังจากที่เขาตรวจสอบเสร็จสิ้น เขาไล่ตามระฆังเหล็กดำไปพร้อมกับปืนใหญ่ในมือ
แม้ว่าระฆังเหล็กดำสามารถบินได้ แต่เนื่องจากขนาดที่ใหญ่ของมัน ความเร็วจึงมีจำกัดนัก มันช้ากว่าดาบอินทรีย์ทองมาก ดังนั้นจึงถูกไล่จนกระชั้นชิดอย่างง่ายดาย
ในคราวนี้ผู้ฝึกตนที่ถือพัดไม่เหลือเวลาให้คิดอีกแล้ว หลังจากที่เขาตามติดไปจนเหลือระยะเพียงหนึ่งลี้ เขาเตรียมการยิงมันอีกครั้งทันที
เหตุเพราะเขาต้องการล้างความอัปยศในการยิงเมื่อครู่ เขาเพ่งสมาธิไปที่ปราณจิตวิญญาณของตนเองมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ดูดซับหินจิตวิญญาณระดับกลางนับร้อยก้อน เขายิงปืนใหญ่โดยทันที ทำให้เกิดเปลวไฟขนาดใหญ่และทรงพลังมากกว่าเดิม
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้ฝึกตนทั้งสามที่อยู่ด้านหลังเข้าใจได้ทันทีเมื่อครู่นี้เขาทำมันแบบลวก ๆ ความรังเกียจต่อเรื่องราวนี้ถึงกับแผ่ขยายภายในใจของพวกเขาทั้งสาม ถ้าผู้ฝึกตนที่ถือพัดรู้ว่าเหตุการณ์นั้นจะทำให้เขาถูกลดค่าลง เขาคงไม่กระทำการแบบนั้นลงไป
ในตอนนี้ทุกคนมีความคิดเห็นในหัวใจที่แตกต่างกันออกไป ลูกบอลไฟขนาดยักษ์พุ่งเข้าชนระฆังเหล็กดำ ฉากเดิมวนเวียนกลับมาอีกครั้ง เกิดเป็นควันพวยพุ่งขนาดใหญ่ราวกับเมฆลอยต่ำลงมา การปะทะทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับคลื่นพลังมหาศาล ระฆังกระเด็นลอยไปไกลถึงภูเขาอีกลูกหนึ่ง
ในขณะนั้น ผู้ฝึกตนทั้งสี่ไม่ได้ร่าเริงเหมือนเช่นครั้งที่แล้ว พวกเขาเพ่งมองไปที่ระฆังเหล็กดำอย่างตั้งใจ พวกเขามองเห็นว่าระฆังสั่นเล็กน้อยพร้อมกับบินต่อไปเช่นเดิม
เมื่อมองเห็นฉากดังกล่าว ผู้ฝึกตนทั้งสามหันมามองยังผู้นำของกลุ่มที่ถือพัดด้วยสายตาที่กล่าวเป็นนัยว่า ‘เหตุใดจึงเจ้าไม่ทำลายมัน?’
ผู้ฝึกตนที่ถือพัดนิ่งงันอย่างโง่งม เขากล่าวออกมาทันที “เหตุใดพวกเจ้าจึงมองข้าเช่นนี้? ข้าสาบานว่าข้ามิได้หวงแหนหรืออยากได้มันมาครอบครอง ข้าใส่ทุกอย่างที่ข้ามีในการโจมตีครั้งนี้แล้ว!”