บทที่ 73: ปืนใหญ่ศักดิ์สิทธิ์
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 73: ปืนใหญ่ศักดิ์สิทธิ์
เมื่อฟังเพื่อนร่วมนิกายทั้งสาม ใบหน้าของผู้ฝึกตนถือพัดกระตุกทันที เขาจ้องมองไปที่ก้อนไขมันวิ่งได้พร้อมกับคำรามออกมา “ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็ต้องไป!”
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบอุปกรณ์วิเศษรูปร่างคล้ายมังกร ยาวสิบฟุตหนาหนึ่งฟุตออกมา รูปทรงของมันงดงามและมีลวดลายที่ดุดัน ย้อมไปด้วยสีแดงและมีอัญมณีแห่งอัคคีคุณภาพสูง หัวของมันราวกับศีรษะมังกรที่ดุร้าย ปากของมันคล้ายกับหลุมดำที่ดูพิศวง กรงเล็บทั้งสี่แยกออกจากกันทั้งสองด้าน โครงสร้างต่าง ๆ ล้วนแข็งแกร่ง พื้นผิวของมันคล้ายกับอุปกรณ์วิเศษ แต่ถ้าหากมองใกล้ ๆ มันคือปืนหัวมังกร
ในตอนนี้เจ้าอ้วนตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เพราะว่าผู้ฝึกตนทั้งสี่นั้นหยุดโจมตีเขาแล้ว ด้วยความรู้สึกที่ผิดแผก เขาจึงรีบหันไปด้านหลังเพื่อสำรวจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เขาตื่นตระหนกทันทีเมื่อมองเห็นปืนใหญ่หัวมังกร
ปืนใหญ่ชิ้นนี้ถูกบันทึกไว้ในแผ่นหยก มันเป็นอุปกรณ์วิเศษที่ดีที่สุดในแผ่นหยก ชื่อของมันคือ ปืนใหญ่เศียรมังกรนภา ตัวของมันทำมาจากหยกอัคคี ปรับแต่งด้วยศาสตร์ต้องห้าม ถึงแม้ว่าหยกอัคคีจะหาได้ยากยิ่ง และมันยากมากที่จะค้นหาหยกอัคคีชิ้นใหญ่เช่นนี้พบ นอกจากนี้ แม้ว่าจะได้ครอบครองหยกอัคคีชิ้นใหญ่ แต่ถ้าหากมันไม่ได้ถูกครอบครองโดยผู้ฝึกตนประเภทอุปกรณ์ มันสามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย รวมกับความจริงที่ว่าการค้นหาผู้ฝึกตนประเภทปรับแต่งอุปกรณ์นั้นหาได้ยากมาก ดังนั้นปืนใหญ่ชิ้นนี้จึงเปรียบกับสมบัติล้ำค่า
ปืนใหญ่เศียรมังกรนภาอาจเป็นสมบัติหายาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะน่ารังเกียจ ในทางกลับกัน สามารถโอ้อวดได้ว่ามันคืออาวุธขนาดใหญ่ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่ากลัวที่สุดในชนิดของมัน กระสุนที่มันยิงออกมาไม่ใช่กระสุนปกติทั่วไปแต่มันคือสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธา
สายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาแตกต่างจากสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าอ้วน สายฟ้าปฐพีศักดิ์สิทธิ์สามารถปรับแต่งได้โดยใช้ปราณจิตวิญญาณของเจ้าอ้วน แต่ทว่าสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาสามารถปรับแต่งได้จากเปลวเพลิงต้นกำเนิดที่อยู่ใต้พิภพเท่านั้น
เปลวเพลิงต้นกำเนิดนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าปราณจิตวิญญาณที่อยู่บนพื้นดิน ดังนั้นสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่กลั่นออกมาจากมันจะมีอานุภาพที่ร้ายแรงยิ่งกว่า หรือพูดอีกอย่างก็คือไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลยแม้ว่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นจะมีความแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ก็เป็นเรื่องยากถ้าหากต้องการปรับแต่งมัน กระบวนการของมันนั้นซับซ้อนและละเอียดอ่อน อีกทั้งวัสดุยังเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งและเปลวเพลิงต้นกำเนิดไม่ได้ค้นหาได้จากการขุดอีกด้วย จำต้องมีความสัมพันธ์กับเหล่าภูติใต้พิภพเท่านั้น ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสิ่งของที่ไม่สามารถค้นหาได้โดยง่ายดาย เช่นนี้จึงทำให้สายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาจึงแข็งแกร่งมาก แต่มันไม่ได้เหมือนสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าอ้วนที่สามารถปรับแต่งออกมาได้อย่างไร้ขีดจำกัดตราบเท่าที่ปราณจิตวิญญาณของเขาจะเพียงพอ ในตอนนี้เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาจึงเลือกที่จะใช้สายฟ้าแห่งอัคคีพสุธา
แน่นอนว่าสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธานั้นเหมือนกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าอ้วนครอบครองและมันสามารถใช้งานได้เท่าที่ต้องการ แต่ถ้าหากต้องการใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้ ต้องเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพแต่มันมิอาจเทียบกับการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิขั้นสมบูรณ์ การโจมตีดังกล่าวอาจจะดีกว่าผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั้งสามรวมกัน แต่ยังมีข้อกังขาอยู่ ว่าถ้าหากผู้ฝึกตนที่ถือพัดโยนสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาออกมาพร้อม ๆ กัน การโจมตีนั้นจะสามารถเทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับจินตันหรือไม่
อย่างที่เห็นกันคือผู้ฝึกตนที่ถือพัดไม่ได้มีสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาให้ใช้มากนัก ดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้จึงบีบคั้นให้เขาหยิบปืนใหญ่เศียรมังกรนภาออกมา
ปืนใหญ่เศียรมังกรนภาสามารถดูดซับปราณจิตวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาได้ถึงสิบส่วน กล่าวอีกอย่างก็คือการยิงออกไปด้วยปืนใหญ่เศียรมังกรนภาหนึ่งนัดเทียบเท่ากับโยนสายฟ้าออกไปสิบลูก!
หลังจากขึ้นลำของปืนใหญ่เศียรมังกรนภาเรียบร้อย เขาหยิบหยกออกมาพร้อมเปิดออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาเทมุกสีเขียวซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับอัดแน่นไปด้วยปราณจิตวิญญาณ เนื่องจากอุณภูมิตอนนี้สูงมาก มุกเหล่านี้จึงกลายเป็นสีเขียว
หลังจากนั้นเขาจึงหยิบสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาใส่เข้าไปในปากกระบอก พร้อมกับฉีดปราณจิตวิญญาณของตนเข้าไปและสาปแช่งเจ้าอ้วนอย่างโกรธเกรี้ยว “ไอ้สารเลว เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้เองนะ!”
ไม่แปลกที่เขาจะต้องรู้สึกสิ้นท่าเช่นนี้ ที่จริงแล้วการใช้ปืนใหญ่เศียรมังกรนภาเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แทนที่จะบอกว่ามันสามารถยิงปืนใหญ่ได้ ต้องกล่าวว่ามันยิงทรัพย์สินออกไปเสียมากกว่า! ในการยิงแต่ละครั้ง ปราณจิตวิญญาณที่อยู่ในอากาศนั้นน้อยเกินไปไม่อาจดูดซับได้หมด มันจึงต้องอาศัยเหล่ามุกปราณจิตวิญญาณที่อยู่ตรงส่วนท้ายของปืน การยิงออกไปเพียงนัดเดียวเท่ากับว่าเสียหินจิตวิญญาณระดับกลางไปนับร้อยก้อน รวมเข้ากับค่าใช้จ่ายของสายฟ้าแห่งอัคคีพสุธาและเหล่ามุกทั้งหลายรวมแล้วมูลค่าทัดเทียมหินจิตวิญญาณหนึ่งแสนก้อน
กล่าวอีกอย่างคือ ค่าใช้จ่ายของมันในหนึ่งนัดเทียบเท่ากับอุปกรณ์วิเศษขั้นห้าหรือหก ซึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพียงเพื่อระเบิดระฆังเหล็กดำ และฆ่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน วิธีการเช่นนี้หรือที่ผู้ฝึกตนถือพัดต้องการ? คงจะแปลกถ้าหากเขาไม่เสียใจกับการตัดสินใจเช่นนี้!
ในขณะที่เจ้าอ้วนพบเห็นปืนใหญ่เศียรมังกรนภา ฝ่ายศัตรูพร้อมจะยิงเขาแล้ว การยิงครั้งแรกได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการระเบิดเสียงดัง
เมื่อยิงออกมา ปรากฏลูกบอลสีเขียวกว้างสิบฟุตพลันพุ่งไปที่เจ้าอ้วนเปรียบดั่งดาวหาง
เมื่อมองเห็นรูปร่างและขนาดของลูกบอลไฟ เจ้าอ้วนรู้สึกหวั่นเกรงทันที การโจมตีครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตัน ภูเขาทั้งลูกอาจถูกทำลายโดยมันได้ แล้วเจ้าอ้วนจะกล้าประจันหน้ากับลูกบอลไฟนี้ได้อย่างไร?
เพียงเสี้ยววินาที เจ้าอ้วนกลับเข้ามายืนภายในมิติของตนเอง เขาทิ้งระฆังเหล็กดำไว้ข้างนอกเพื่อปกป้องมิติลึกลับ
แม้ว่ามิติลึกลับของเจ้าอ้วนจะสามารถเข้าออกได้ แต่เฉพาะเจ้าอ้วนเท่านั้นที่สามารถเข้าได้แต่เพียงผู้เดียว ระฆังเหล็กดำจะต้องอยู่ข้างนอกเสมอ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเจ้าอ้วนนำระฆังเข้ามาภายในด้วย มันก็จะเปิดเผยเรื่องมิติลึกลับของเจ้าอ้วน แน่นอนว่าพวกมันปรารถนาจะรู้ความลับทั้งหมดที่เจ้าอ้วนถือครอง ถ้าพวกมันรู้เรื่องมิติลึกลับ เจ้าอ้วนคงเหมือนกับปลาที่รอวันตายอยู่ในกาละมัง
ดังนั้น เจ้าอ้วนจึงทิ้งระฆังเหล็กดำไว้ข้างนอกเพื่อปกป้องมิติลึกลับเอาไว้ นี่ไม่ใช่แค่การปกป้องความลับเท่านั้น แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทุบตีจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกด้วย