ตอนที่แล้วบทที่ 161 หลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 163 ผู้คนไม่อาจทำเช่นนี้  

บทที่ 162 ซื้อๆ ขายๆ


 

ชิ้นส่วนกระบี่สีดำอมฟ้าสี่ชิ้นลอยเรียงรายเป็นแนวตั้งอยู่ตรงหน้าซู่ ระหว่างชิ้นส่วนกระบี่แต่ละชิ้นคล้ายถูกดึงดูดด้วยพลังแม่เหล็กล่องหนชนิดหนึ่ง นางเอื้อมมือออกไปสัมผัสหนึ่งในนั้นเบาๆ อีกสามชิ้นก็เคลื่อนไหวตามไปด้วย ชิ้นส่วนกระบี่ทั้งสี่รักษาระยะห่างจากกันและกันอย่างคงที่ พวกมันแต่ละชิ้นชี้ไปในทิศทางเดียวกันราวกับเข็มทิศ

แววตาปลาบปลื้มยินดีของซู่ยิ่งมายิ่งเข้มข้น นางบังคับใช้ชิ้นส่วนกระบี่อย่างติดอกติดใจ ชิ้นส่วนกระบี่ทั้งสี่ยาตราทัพไปรอบๆ ไม่หยุดยั้ง

เสมียนร้านหอลอยร้อยวิเศษอุทานอย่างอัศจรรย์ใจ “กระบี่อันพิสดาร! สี่กระบี่รวมเป็นหนึ่ง ทั้งโจมตีทั้งป้องกันได้ดั่งใจปรารถนา ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง! หากสามารถหล่อเลี้ยงฟูมฟักได้อย่างเหมาะสม กระบี่นี้ก็ยากจะคาดเดาแล้ว!”

จั่วม่อเหน็ดเหนื่อย แต่จิตวิญญาณยังคงตื่นตัว เสร็จสิ้นการหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่อย่างหมดจด มันพบว่าตัวเองรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายมากจริงๆ

“โชคดีที่ไม่ทำให้คุณหนูซู่ผิดหวัง เช่นนั้นข้าขออำลา” จั่วม่อตระเตรียมจากไปทันที

ซู่พลันเอ่ยปากเรียกรั้ง “จั่วเซียนเซิงโปรดชะงักเท้า! ในงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ข้าไม่ได้ช่วยเหลืออันใดแม้แต่น้อย แต่จั่วเซียนเซิงยังรักษาคำมั่น ช่วยข้าหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่จนลุล่วง เด็กหญิงน้อยผู้นี้สำนึกขอบคุณจากใจ จั่วเซียนเซิง โปรดรับคลื่นอาสัญจันทร์ทรงกลดนี้ไปด้วยเถิด!”

ในแววตานางมีแต่ความซาบซึ้งจริงใจ กับชิ้นส่วนกระบี่ทั้งสี่นี้ นางรักใคร่ถูกใจจนวางไม่ลง

จั่วม่อย่อมไม่เกรงอกเกรงใจ คลื่นอาสัญจันทร์ทรงกลดเป็นของชั้นยอด! รีบรับขวดหยกคลื่นอาสัญจันทร์ทรงกลดมาอย่างรวดเร็ว ปากก็กล่าวอย่างเที่ยงธรรมว่า “เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ เช่นนั้นข้าจะฝืนใจรับไว้สักครา”

จากนั้นพลันฉุกคิดอะไรบางอย่าง หัวไปกล่าวกับเสมียนร้าน “จริงสิ ข้ามีของสิ่งหนึ่ง ต้องรบกวนเถ้าแก่ผ่านตาสักเล็กน้อย”

เสมียนร้านรีบกล่าว “รบกวนอันใด นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!” หากชื่อเสียงความแข็งแกร่งของจั่วม่อเป็นเหตุให้พวกมันไม่กล้าเพิกเฉย หลังจากประสบความสำเร็จในการหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่ทั้งสี่ ความสามารถทางด้านการหลอมสร้างของจั่วม่อยิ่งเป็นที่นับถือเลื่อมใสของเหล่าเสมียนร้าน เสมียนร้านหรือกระทั่งเจ้าของหอลอยร้อยวิเศษล้วนเป็นคนทำการค้า ธุรกิจการค้าของพวกมันยังอยู่ที่ยุทธภัณฑ์เวทเป็นหลัก ไฉนพวกมันจะกล้าล่วงเกินยอดฝีมือที่มีอนาคตยาวไกลสุดหยั่ง ทั้งยังมีฝีมือในการหลอมสร้างยุทธภัณฑ์เช่นนี้

จั่วม่อนำกล่องไม้ออกมาจากแหวน จากนั้นเปิดกล่อง นำขวดหยกออกมา

ซู่กับเสมียนร้านเห็นจั่วม่อมีท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง ชักเริ่มอยากรู้อยากเห็นว่าสมบัติล้ำค่าอันใดที่มันจะนำเสนอ

จั่วม่อส่งขวดหยกให้เสมียนร้าน เกริ่นว่า “สิ่งของนี้ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุ แต่ข้าก็ไม่ทราบว่าเป็นสิ่งใดกันแน่ เถ้าแก่โปรดชมดู!”

“ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุ!” ซู่อดไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง

เสมียนร้านก็สะท้านใจอยู่บ้าง แต่สีหน้าท่าทียังคงเคร่งขรึม สายตาอันแหลมคมเจนจัด เป็นข้อบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดในการกำหนดระดับของเสมียนร้าน มันย่อมไม่ต้องการทำลายชื่อเสียงของตน

เสมียนร้านเปิดจุกขวด เทโคลนสีเทาในขวดลงบนแผ่นกระดานหยกขาวราวหิมะ

หลังจากเพ่งพิจารณาอย่างถี่ถ้วนครู่ใหญ่ ค่อยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “สิ่งนี้ยากบอกได้ว่าแน่ชัดว่าเป็นสสารใด แต่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในห้าธาตุอย่างแท้จริง และคล้ายไม่ใช่เพียงชนิดเดียว แต่เป็นส่วนผสมของสสารที่ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุจำนวนมากมาย หลากหลายชนิด ช่างเป็นสิ่งของที่แปลกประหลาดยิ่งนัก”

สิ่งที่นับว่าแปลกมากก็คือ วัตถุดิบที่ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุนั้นหายากยิ่ง แค่จะเสาะหาสักอย่างสองอย่างก็ลำบากยากเย็นไม่รู้เท่าใด ดังนั้นนึกไม่ออกว่าส่วนผสมอันซับซ้อนเช่นนี้ สร้างขึ้นมาได้ด้วยวิธีใดกันแน่

จั่วม่อนิ่งงัน พลันนึกถึงกองวัตถุดิบมากมายหลายชนิดที่โยนให้เป็นอาหารของเจดีย์ห้าสี โคลนสีเทานี้จะมีส่วนประกอบซับซ้อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด มันอดนับถือสายตาอันคมกล้าของเสมียนร้านผู้นี้ไม่ได้

“เช่นนั้นสิ่งของนี้มีราคาเท่าใด?” จั่วม่อถามคำถามที่อยากถามมานาน

เสมียนร้านสั่นศีรษะ “นี่ยากบอกได้” จากนั้นอธิบายเพิ่มเติมว่า “หากเป็นเพียงสสารชนิดเดียว ผู้น้อยสามารถกำหนดราคาได้ทันที แต่สิ่งนี้มีองค์ประกอบซับซ้อนถึงที่สุด อาจมีประโยชน์ใช้งานพิเศษเฉพาะ บางทีสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในกระบี่บิน วัตถุดิบที่ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุ หากเพิ่มลงไปในการหลอมสร้างกระบี่บิน สามารถเพิ่มระดับของกระบี่บินได้”

มันเหลือบมองกระบี่บินทั้งสี่ที่ลอยอยู่ตรงหน้าซู่ กล่าวว่า “หากคุณหนูซู่สามารถหลอมรวมสสารนี้เพิ่มลงไปในชิ้นส่วนกระบี่ทั้งสี่ก่อนการหลอมสร้าง กระบี่บินจะมีคุณภาพระดับสูงขึ้นมาก”

ซู่ดวงตาเผยแววเดือดเนื้อร้อนใจ แต่ในเมื่อค่ายกลบนชิ้นส่วนกระบี่ล้วนสลักเสร็จสิ้นสมบูรณ์ กล่าวอันใดก็ไร้ประโยชน์แล้ว นางจึงไม่เอ่ยคำใด

จั่วม่อกระหายใคร่รู้ยิ่ง “ที่แท้สสารที่ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุสามารถยกระดับกระบี่บิน? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”

เสมียนร้านเห็นจั่วม่อสนอกสนใจ จึงอธิบายปนหัวร่อ “วัตถุดิบที่ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุหายากมาก ราคาไม่เคยถูกลง มีแต่จะแพงขึ้น คุณสมบัติของสสารที่แตกต่างกัน ยังทำให้พลังอัศจรรย์แตกต่างกันไปด้วย แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับวัตถุดิบเหล่านี้ นั่นคือพวกมันล้วนเปี่ยมล้นด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่ง โดยเฉพาะพลังปราณที่ไม่ได้มีคุณลักษณะทางห้าธาตุรุนแรง สำหรับเซียนสัญจรที่มีฝีมือทางห้าธาตุ สิ่งนี้ไม่ใช่ของดี แต่สำหรับเซียนกระบี่เรา นี่นับว่าสุดยอด สำนักกระบี่ส่วนใหญ่ในอาณาจักรของเรา ล้วนมีพลังปราณที่ไม่ได้มุ่งเน้นไปทางห้าธาตุ”

มันเดิมทีอยากบอกว่าเคล็ดวิชากระบี่สายห้าธาตุไม่มีอนาคตที่ดี แต่พลันนึกขึ้นได้ว่าเพลงกระบี่ของจั่วม่อก็เป็นเคล็ดวิชากระบี่สายห้าธาตุ ดังนั้นรีบพลิกลิ้นอย่างรวดเร็ว

ฟังจนจบ จั่วม่อตื่นเต้นดีใจอย่างฉับพลัน มันเองก็มาจากสำนักกระบี่ จึงตระหนักถึงคุณค่าของโคลนสีเทาในมือมันได้ในทันที

“เช่นนั้นหากสิ่งนี้เพียงใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับกระบี่บิน เถ้าแก่จะให้ราคาเท่าใด?” จั่วม่อถาม

เสมียนร้านลังเลแวบหนึ่ง จากนั้นรายงานราคา “สองร้อยชิ้นจิงสือระดับสาม”

ทันทีที่มันกล่าวจบ ซู่พลันเอ่ยปาก “สามร้อยชิ้นจิงสือระดับสาม จั่วเซียนเซิงสามารถขายให้แก่ข้าหรือไม่?” หลังจากคบค้าสมาคมกับมันมาสักพัก นางพอจะหยั่งทราบนิสัยใจคอทั่วไปของมันบ้าง ตัวประหลาดนี้ฉลาดเฉลียว ยากจะหลอกลวงมัน แต่ตราบเท่าที่ราคาสูงพอ สามารถล่อลวงมันได้ไม่ยาก

“ตกลง!” จริงดังคาด จั่วม่อไม่สิ้นเปลืองวาจาอื่น เห็นพ้องทันที

สามร้อยชิ้นจิงสือระดับสามไกลเกินกว่าราคาในใจมันมาก โคลนสีเทาเป็นเพียงของเสียที่เจดีย์ห้าสีขับถ่ายออกมา มันนับว่าได้มาง่ายๆ

ซู่ก็ไม่อิดออด ส่งจิงสือให้จั่วม่อทันที

พอมีจิงสือในมือ จั่วม่อในใจค่อยรู้สึกมั่นคงปลอดภัย แน่นอนว่าเมื่อมีอาหารอยู่ในมือ ในใจก็ไม่มีความตื่นตระหนก

สามร้อยชิ้นจิงสือระดับสาม แม้ไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในหอลอยร้อยวิเศษ นี่ไม่พอจะซื้อเศษยุทธภัณฑ์เวทสักชิ้นด้วยซ้ำ จั่วม่อได้แต่จากมาอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ ของวิเศษของหอลอยร้อยวิเศษล้วนยอดเยี่ยม แต่ราคาไม่ใช่สิ่งที่สามัญชนสามารถแตะต้องได้

เป้าหมายของมันคือการค้าที่มีมูลค่าน้อยกว่านี้ อย่างเช่นเหอหยง

ในหมู่พ่อค้าที่จั่วม่อรู้จัก ฟู่จินอาจเป็นงูเจ้าถิ่น เส้นสายของมันซับซ้อนกว้างขวาง สามารถเสาะหาสินค้าหายากได้เสมอ แต่หากกล่าวถึงวัตถุดิบหลักจำนวนมาก มันไม่ได้มีประโยชน์ทางเรื่องนี้ นี่กลับเป็นจุดเด่นของเหอหยง จั่วม่อกับเหอหยงเคยค้าขายกันมาก่อน ตั้งแต่ตอนที่เหอหยงเหมาซื้อบุปผาแดงคะนองในทุ่งปราณของมัน ความร่วมมือระหว่างพวกมันดีงามมากทีเดียว

เมื่อเหอหยงพบเห็นจั่วม่อ ต้องประหลาดใจมาก รีบแย้มยิ้มให้ “จั่วต้าแหย (นายท่านจั่ว) ให้เกียรติมาเยือนร้านค้าซ่อมซ่อของข้า ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!”

นามของจั่วม่อเวลานี้โด่งดังสะท้านไปทั่วอาณาจักรนภาจันทร์ ร้อนแรงดั่งดวงอาทิตย์เที่ยงวัน เหอหยงย่อมวางตัวต้อยต่ำมาก

“เถ้าแก่เหอเห็นว่าข้าชราถึงเพียงนั้นแล้วหรือ?” วาจาแรกของจั่วม่อทำเอาเหอหยงสีหน้าแปรเปลี่ยน แต่ประโยคถัดมา มันค่อยคลายใจ ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก “ปฏิบัติต่อสหายเก่าเช่นนี้ ไม่คิดว่ามีมารยาทมากเกินไปหรือ เพียงเรียกข้าเสี่ยวจั่วก็พอ”

นี่ไม่อาจโทษว่าเหอหยงประสาทเสียเกินไป เทียบกับกาลก่อน จั่วม่อในยามนี้มีชื่อเสียงสะท้านตงฝู พ่อค้าเล็กๆ เช่นเหอหยงย่อมมองข้ามผ่านไปถึงอนาคต สำนักกระบี่สุญตากอรปด้วยสามศิษย์อัจฉริยะและสี่ยอดคนด่านจินตัน การรุ่งโรจน์ของพวกมันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

สำนักกระบี่สุญตาลี้ลับผิดธรรมดา ไม่มีผู้ใดทราบว่าปกติพวกมันมีพฤติกรรมเช่นไร เมื่อบุคคลภายนอกเผชิญหน้ากับพวกมัน ไหนเลยไม่ระมัดระวังจนตัวเกร็งได้

เหอหยงรอบรู้เปี่ยมประสบการณ์ ความไหลลื่นเป็นความสามารถตามธรรมชาติ แสร้งสัพยอกอย่างคุ้นเคย “ดูเถอะ ดูเถอะ เจ้าเรียกข้าเถ้าแก่เหอ แต่จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวจั่ว นี่จะถูกต้องได้อย่างไร หากเราเป็นพี่น้อง ก็เพียงเรียกข้าเหล่าเหอ*”

(ใช้เรียกคนแซ่เหอที่อายุมากกว่าอย่างสนิทสนม)

ด้วยชื่อเสียงเช่นนี้ จั่วม่อกลับไม่ได้ประพฤติตนแตกต่างจากกาลก่อน ไม่มีความเย่อหยิ่งถือดีแม้แต่น้อย นึกถึงศิษย์เอกของสำนักอื่นๆ ที่มันมักคบค้าสมาคมด้วย เหอหยงอดทอดถอนใจไม่ได้ หากสำนักกระบี่สุญตาไม่เจริญรุ่งเรือง โลกนี้ก็ไม่มีความยุติธรรมแล้ว

“ฮ่าฮ่า ใช่ๆ เรายังเป็นสหายเก่ามาก่อน” จั่วม่อกล่าวปนหัวร่อ มันเคยคบค้ากับฟู่จินและคนอื่นๆ มานับครั้งไม่ถ้วน เรื่องเหล่านี้คุ้นเคยยิ่ง

เหอหยงชี้จั่วม่อ หัวร่อพลางกล่าว “ข้าทราบว่าเจ้าไม่มาโดยไม่มีธุระ บอกมาเถอะ ซื้อหรือขาย?”

จั่วม่อหัวร่อฮิฮะ “เหล่าเหอรู้จักข้าดีเกินไปแล้ว อืม ข้าตั้งใจมาซื้อหาวัตถุดิบห้าธาตุ”

“วัตถุดิบห้าธาตุ?” เหอหยงสีหน้างงงวย “เจ้าต้องการของเหล่านั้นไปทำอะไร?” จากนั้นพลันตระหนัก “ใช่แล้ว เป็นข้าหลงลืมไปเอง เจ้ายังมีฝีมือทางด้านหลอมสร้างยุทธภัณฑ์กับหลอมกลั่นโอสถ!”

จั่วม่อไม่ได้อธิบาย เพียงแย้มยิ้มพลางกล่าว “ข้าต้องการเลือกหาวัตถุดิบบางอย่างที่มีพลังห้าธาตุแข็งแกร่ง เจ้ามีหรือไม่?”

“ชั้นดีหรือธรรมดา?”

“ธรรมดา”

“เช่นนั้นตามข้ามาทางด้านนี้” เหอหยงกล่าวพลางพยักเพยิด เดินนำไปเบื้องหน้า

ร้านค้าของเหอหยงประกอบด้วนหน้าร้านกับลานด้านหลัง จั่วม่อติดตามมันผ่านร้านค้าด้านหน้า ไปยังลานด้านหลัง ผ่านลานบ้านด้านหลังไปยังบริเวณส่วนใน จั่วม่อในที่สุดสังเกตเห็นว่าเส้นทางช่วงนี้เต็มไปด้วยอาคมหวงห้าม

แม้กระทั่งด้วยสายตาของจั่วม่อ ยังอดตะลึงลานไม่ได้ อาคมหวงห้ามเหล่านี้ บางชุดทรงพลังมาก ทั้งยังมีอาคมหวงห้ามสับสนกับอาคมหวงห้ามลวงตาอีกนับไม่ถ้วน

ขณะที่มันสับสนมึนงง เหอหยงพลันหยุดลง สองมือผนึกมุทรา ร่ายเวทวิชาอันหลากหลาย ประตูแสงบานหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกมันอย่างกะทันหัน

“มาเถอะ” เหอหยงก้าวนำเข้าไปในประตู

จั่วม่อกระหายใคร่รู้ รีบติดตามไปทันที

พอก้าวผ่านประตูแสงเข้าไป พื้นที่ว่างเบื้องหน้าพลันกลับกลายเป็นกว้างใหญ่ เห็นชั้นไม้สนสูงสิบจั้งหลายร้อยชั้น วางเรียงรายเป็นแถว แต่ละแถวแต่ละชั้นอัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบทุกประเภท กลิ่นแปลกๆ อันสับสนปนเปล่องลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ

นี่เป็นครั้งแรกที่จั่วม่อพบเห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้ มันเพิ่งทราบว่าธุรกิจการค้าของเหอหยงยังใหญ่โตกว่าที่มันคาดคิดไว้มาก!

เหอหยงอาจไม่โอ้อวด แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่บุคคลสามัญ!

จั่วม่อรู้สึกว่าฝีเท้าของมันโปร่งเบากว่าปกติ ส่งเสียงอุทานคำหนึ่ง จ้องมองลงไปที่พื้น

เหอหยงสังเกตเห็นความแปลกใจของจั่วม่อ แย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “จั่วเหล่าตี้ (น้องชายจั่ว) มักไม่ค่อยมาที่ร้าน” จากนั้นอธิบาย “ภายในคลังเก็บสินค้ามักจะมี ’ค่ายกลขนนกฟูฟ่อง’ อยู่บนพื้น ช่วยให้คนงานสามารถลอยขึ้นไปเลือกหาสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย และหากพวกมันเผลอทำบางสิ่งบางอย่างตกลงมา สินค้าเหล่านั้นจะไม่เสียหาย”

จั่วม่อเข้าใจทันที “ที่แท้เป็นเช่นนี้!”

มันสะกิดเท้าเบาๆ ทันใดนั้นก็โผพุ่งขึ้นไปในอากาศดุจขนนกอันบางเบา สิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคือการที่สามารถควบคุมทิศทางกลางอากาศได้อย่างอิสระ การออกแบบอันปราดเปรื่องนัก!

เหอหยงแย้มยิ้มเล็กน้อย มันเมื่อตัดสินใจนำจั่วม่อเข้ามาในคลังสินค้า ย่อมปรารถนาจะสำแดงพลังเช่นนี้อยู่แล้ว สำนักกระบี่สุญตาจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต คิดสร้างความสัมพันธ์แบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ความเข้มแข็งนับเป็นพื้นฐานข้อแรกของความร่วมมือ

“นี่คือวัตถุดิบห้าธาตุทั้งหมดที่มี เลือกหาอันใดก็ได้ อ้อ ข้าจะให้ราคาที่ดีที่สุด” เหอหยงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม ให้ราคาที่ดีที่สุด ไม่ได้ให้เปล่า จั่วม่อค่อยรู้สึกสบายใจกว่าเดิม

“เช่นนั้นก็ขอบคุณมากแล้ว เหอเหล่าเกอ! (พี่ชายอายุมากแซ่เหอ)” ประโยคนี้ของจั่วม่อกล่าวจากใจจริง

ผู้คนยิ่งมีพลังอำนาจ ยิ่งเป็นเรื่องง่ายที่จะได้รับความเคารพจากผู้อื่น

จั่วม่อเดินเข้าไปตามชั้นวัตถุดิบ เริ่มลงมือคัดเลือก

มาตรฐานการคัดเลือกของมันเป็นพิเศษยิ่ง ไม่ได้สนใจเรื่องระดับของวัตถุดิบ สิ่งที่ต้องการเป็นพลังปราณห้าธาตุที่แฝงอยู่ภายใน เจดีย์ห้าสีไม่ได้เลือกกินมากนัก เวลานี้ เป้าหมายแรกสำหรับเจดีย์ห้าสีคือฟื้นฟูพลัง ไม่ใช่ยกระดับพลัง มันย่อมไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบระดับสูง

นอกจากนี้ ด้วยพฤติกรรมปกติของจั่วม่อ มันย่อมเลือกแต่วัตถุดิบที่ราคาย่อมเยาที่สุด ทว่ามีพลังปราณห้าธาตุมากที่สุด!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด