ตอนที่แล้วตอนที่ 96 ความลับถูกเปิดเผย (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 98 ได้ประโยชน์ร่วมกัน (FREE)

ตอนที่ 97 ติดไว้ก่อนได้ไหม? (FREE)


เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เห็น ฮัน ฉางเฟิงกำลังมองมาที่เขา

 

พวกเขาต่างจ้องมองกันและกัน

 

ฮัน ฉางเฟิง รู้สึกราวกับโดนปลายดาบที่แหลมคมทิ่มแทงอยู่ แววตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป อากาศที่แผ่วบางพัดขึ้น แขนเสื้อของชุดคลุมสีขาวค่อย ๆ ลอยขึ้นตามสายลม

แววตาชองเขาจ้องเขม็งขึ้นเรื่อยๆ

 

“ผู้อาวุโสฮัน!” ขุนนางฉิงที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดเรียกเขา

ฮัน ฉางเฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังลึกลับที่ที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วครู่ได้หายวับไป เขากลับมาอยู่ในท่าทางนิ่งสงบเช่นเดิม

“หืม?”

"การประกาศผู้ที่ได้เป็นสามอันดับแรกของการทดสอบด้านปัญญาได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าตองไปแจ้งกับทางโรงเรียนหลวงให้เร็วที่สุด เพื่อส่งเรื่องนี้ให้ขุนนางฝ่ายซ้ายได้ตรวจสอบ!" ขุนนางฉิงพูดด้วยความเคารพ

“ขุนนางฝ่ายซ้ายกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องอื่น ๆ ของเมือง เราจะรอจนการทดสอบการต่อสู้สิ้นสุดค่อยแจ้งพวกเขาภายหลัง” ฮัน ฉางเฟิง ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่พร้อมกับสายหน้า

“รับทราบ” ขุนนางฉิงรับเรื่องแล้วถอนตัวกลับตำแหน่งเดิม

เมื่อ ฮัน ฉางเฟิง มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้งกลับไม่รู้สึกถึงสายตาที่ทิ่มแทงนั้นอีกแล้ว มีเพียงรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาบนใบหน้าของเด็กน้อยคนหนึ่ง และเขาก็เห็น เหยียน ซิว ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟาง เจิ้งจือ ที่ยังคงแสดงท่าทีที่เย็นชาเช่นเดิม

 

หลังจากที่ครุ่นคิดเขาก็เดินไปข้างหน้า ฟาง เจิ้งจือ

“เจ้าคือ ฟาง เจิ้งจือ งั้นหรือ?” ขุนนางฮันถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรของผู้เฒ่าคนหนึ่ง

“ขอรับ ข้าเอง” ฟาง เจิ้งจือ ตอบรับ

“ไม่เลวเลย ทั้งไขปริศนาภาพแห่งการสรรค์สร้างด้วยอายุเพียงแค่ 6 ปี ปลูกต้นไม้แห่งเต๋าขึ้นภายในจิตใจ อนาคตของเจ้าต้องไม่มีขีดจำกัดเป็นแน่ ในรอบการทดสอบการต่อสู้ ข้าหวังว่าจะได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตาจากเจ้า” ฮัน ฉางเฟิง เผยรอยยิ้มที่สดใส

“ขอบคุณ ผู้อาวุโส” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มรับด้วยความสดใสเช่นกัน

“ฮ่าฮ่า...ยอดเยี่ยม ดีมาก” ฮัน ฉางเฟิง พยักหน้าและมองไปรอบ ๆ

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ขุนนางฮัน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงสดใสเช่นเดิม เขาไม่รู้เลยว่าขุนนางผู้นี้หวังสิ่งใดจากตัวเขากัน ดูเหมือนขุนนางฮัน ครั้งหนึ่งก็เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดด้านการต่อสู้

 

“ไปที่ภัตตราคารชมจันทร์กันหรือยัง?”  ฟาง เจิ้งจือ หันไปหา เหยียน ซิว

“ได้” เหยียน ซิว พยักหน้า

และทั้งสองก็เดินไปทางภัตตราคารชมจันทร์ เมื่อเหล่านักปราชญ์เห็นร่างทั้งสองของ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว พวกเขาต่างยกย่องอยู่ในใจ ได้รับการยกย่องจาก ฮัน ฉางเฟิงเป็นสิ่งที่เหล่านักปราชญ์อย่างพวกเขาใฝ่ฝันถึงเป็นที่สุด

แต่นอกจากความยกย่องชื่นชม แน่นอนต้องมีบางคนที่อิจฉาริษยาแน่นอน

เหล่านักปราชญ์แยกย้ายกันไป ที่ทำการเมืองกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงหินประกาศที่มีเพียงคำสองคำเปล่งแสงอยู่ ผู้ชนะการทดสอบด้านปัญญา

“ฟาง เจิ้งจือ”

 

ภายในภัตตราคารชมจันทร์

วู่ จวี้เอ๋อ สวมชุดกระโปรงสีดำ กำลังอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะของนาง แสงที่อบอุ่นของดวงตะวันลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ส่องลงสู่ผิวพรรณบนร่าง แสงที่ส่องสว่างทำให้ใบหน้าของนางดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

“นายท่าน ซู จิว ต้องการที่จะพบท่าน” หญิงสวมชุดกระโปรงแดงถามจากที่ประตู

“ให้เข้ามา” วู่ จวี้เอ๋อ พยักหน้าแต่ไม่ได้วางตำราลง

“รับทราบ” หญิงรับใช้ถอนตัวออกไป

 

ไม่นาน ซู จิว ที่สวมชุดเด็กรับใช้ก็เดินเข้าไปในห้อง

“นายน้อย นี่เป็นรายงานบันทึกของเดือนนี้ขอรับ” ซู จิว หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋า

“วางไว้ตรงนั้น” วู่ จวี้เอ๋อ พยักหน้า

 

“รับทราบขอรับ ท่านช่างเป็นผู้ที่ชาญฉลาด ฟาง เจิ้งจือ ได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบด้านปัญญาจริง ๆ มันทำให้การเดิมพันในครั้งนี้เป็นได้ด้วยดีเลยทีเดียว แต่มันก็มีเรื่องเกิดขึ้นเล็กน้อยเพราะก่อนที่จะประกาศผล ข้าได้บอกเรื่องที่ท่านจะให้ 2 เท่าถ้าเขาพนันข้างตัวเอง ตอนแรก ฟาง เจิ้งจือ จะไม่พนัน แต่ข้าเผลอพลั้งปาก.....เขาเลยกลับมาพนันไป 100 ตำลึงเงิน ” ซู จิว พูดด้วยเสียงอันสั่นเทา

“เจ้าจงไปหาเงิน 200 ตำลึงเงิน และไปาน้องหญิงสี่ให้นางลงโทษเจ้าเสีย” วู่ จวี้เอ๋อ ยังคงพูดทั้งที่ยังถือตำราในมือ

“ขอบคุณ นายท่าน” ซู จิว ถอนหายใจด้วยความโล่งแล้วเดินออกไป

 

หลังจากที่ ซู จิว ออกไปแล้ว วู่ จวี้เอ๋อวางตำราบนมือลงก่อนที่จะแหงนหน้ามองออกไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่างพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นมาว่า “เดิมพันเพียง 100 ตำลึงเงินงั้นรึ ดูเหมือนว่าเขาคงจะประทับใจ ซู จิว น้อยของข้าไม่น้อยเลยทีเดียว”

“นายท่าน นายน้อยฟางมาอยู่ที่นี่แล้ว ต้องการให้ข้าไปเรียกหรือไม่?” ในตอนนั้นเองเสียงของสาวรับใช้ก็ดังขึ้นมา

“คนเดียวรึ?” แววตาของนางเบิกกว้างขึ้น

“ไม่ใช่เพียงแค่ ฟาง เจิ้งจือ เท่านั้นเจ้าคะ เหยียน ซิว จากตระกูเหยียนก็เดินทางมาด้วย” สาวรับใช้ตอบกลับในทันที

“ทำไมถึงพาท่อนไม้แบบนั้นมาด้วยกันนะ? มันช่างทำใหบรรยากาศดูหมองหม่นเสียจริง หึ้ม..หาเขามาและให้การต้อนรับอย่างดี” วู่ จี้เอ๋อ เบะปากพูดด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์

“รับทราบ” สาวใชตอบรับแล้วรีบและจากไปทำตามคำสั่ง

 

ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ทั้งคู่นั่งอยู่ในห้องที่ดูหรูหราเป็นพิเศษของภัตตราคารชมจันทร์ สาวใช้กลับมาพร้อมกับเครื่องชาและให้รายการอาหาร ครั้งก่อนที่ ฟาง เจิ้งจือ ได้มาที่นี่เขายังไม่ทันได้เห็นรายการอาหารเลยเพราะ วู่ จวี้เอ๋อ เป็นคนสั่งอาหารทั้งหมดแล้วจ่ายให้เขา

ดังนั้นความประทับใจเพียงอย่างเดียวของเขาคืออาหารของภัตตราคารชมจันทร์

นางวางรายการอาหารลง ปฏิบัติเยี่ยงแขกคนสำคัญ ฟาง เจิ้งจือ ส่งรายการอาหารให้ เหยียน ซิว ได้สั่งตามต้องการ ในทางกลับกัน เหยียน ซิว ก็ไม่เกรงใจเขาสั่งอาหารมาหลายอย่างแทบจะเกือบทุกรายการที่ภัตตราคารมี จานอาหารที่วางอยู่ตรงหน้ามีเรียงรายไม่น้อยกว่า 20 จาน

ฟาง เจิ้งจือ เริ่มคิดถึงเงินในกระเป๋า เขามีเพียงเงินกระดาษ 300 ตำลึงเงิน และเศษเหรียญเล็กน้อย เหงื่อของเขาเริ่มไหลออกมา

หลังจากที่กินอาหารกันเสร็จ ฟาง เจิ้งจือ ก็อยากจะส่งผลไม้มาสัก 2-3 อย่าง จึงหยิบรายการอาหารขึ้นมาดู เพียงเห็นราคาของอาหาร เขาถึงกับตกตะลึง

“น..นี่มันปล้นกันชัดๆ” ฟาง เจิ้งจือ เตรียมตัวมาดีเขาคิดว่าอาหารที่นี่คงจะไม่แพงมากเท่าไหร่นัก เขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีราคาที่แพงขนาดนี้ เขาตระหนักถึงอาหารที่ เหยียน ซิว สั่งมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ มันต้องใช้เงินอย่างน้อย 500-600 ตำลึงเงิน เลยทีเดียว

มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยหรือ? พวกเขาจะทำยังไงกับคนที่ไม่มีเงินจ่ายนะ?

ฟาง เจิ้งจือ อยากจะถามออกไปจริง ๆ ว่าขอติดไว้ก่อนได้หรือไม่กัน? เขาวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นเอง ซู จิว ก็เดินเข้ามาในห้อง เขารู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความเคารพ

ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มรับ

เพราะเมื่อเขาได้เห็น ซู จิว เขาก็รู้ได้ถึงทางรอดของตัวเอง

"ซู จิว ผู้นี้ขอแสดงความยินดีกับนายน้อยฟางที่ได้เป็นผู้ชนะของการทดสอบด้านปัญญาระดับเมืองหลวง" ในขณะที่เขากำลังกล่าวแสดงความยินดีก็โค้งตัวลงคำนับด้วยความเคารพ

“ฮ่าฮ่า..อะไรกัน” เมื่อ ฟาง เจิงจือ ได้ยินคำกล่าวชมจาก ซู จิว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มกว้างที่สดใสออกมา

 

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด