ตอนที่ 93 สามวัน (FREE)
นี่มันคือการโกง! การโกงที่เปิดเผยมาก! มีหลักฐานขนาดนี้ พวกเขายังเห็นว่านี่เป็นการทดสอบกฎแห่งเต๋าระดับเมืองหลวงอีกหรือไม่?
ท่าทีของผู้คุมสอบเยือกเย็นทันที เขายื่นมือออกไปเพื่อจะยึดกระดาษข้อสอบ แต่ ฟาง เจิ้งจือ กลับเริ่มเขียนลงไปแล้ว
จักรพรรดิ วู เคยถาม ไท คง ว่า “ในฐานะแม่ทัพแล้ว อะไรคือศาสตร์และศิลป์ที่สำคัญที่สุดในการควบคุมกองทัพ?”
ไท คง ตอบ “พวกเราไม่สามารถเก่งกาจได้ดั่งกองทัพสวรรค์ หรือสามารถยกกองทัพลงไปใต้พื้นพิภพได้ พวกเราใช้ได้เพียงกลยุทธ์ทางสงคราม ตอนนี้เมื่อทั้งสองกองทัพรู้ไส้รู้พุงกันดีแล้ว พวกเราต้องแบ่งกองทัพและส่งออกไปเพื่อสร้างความวุ่นวาย ทำให้สงครามเกิดความเปลี่ยนแปลง หญ้าสูงหรือสิ่งอื่นสามารถใช้เป็นที่หลบซ่อนได้ทั้งหมด”
ฟาง เจิ้งจือ เขียนอย่างรวดเร็วไม่หยุด ราวกับหนังสือกฎแห่งเต๋าวางอยู่ด้านหน้าของเขา พู่กันของเขาไหลลื่นไปบนกระดาษ กฎแห่งเต๋าบทที่ 27 ‘กองทัพนอกรีต’ ถูกดึงออกมาจากความทรงจำราวกับจับวาง
ดวงตาของผู้คุมสอบมองไปยังกระดาษคำตอบของ ฟาง เจิ้งจือ มือของเขาค้างอยู่กลางอากาศ อ้าปากค้างจนแมลงวันแทบจะบินเข้าไปได้
มันเป็นไปได้ยังไง?
ตอนแรกเขาเกือบจะมั่นใจว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องคิดโกงข้อสอบแน่ๆ แต่ทำไมกัน? การเขียนเนื้อหาทั้งหมดออกมาจากแค่เพียงฟังข้อความไม่กี่ประโยค?
มันไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้เลย...
นอกจากนี้ ฟาง เจิ้งจือ ยังเขียนทุกอย่างออกมาอย่างถูกต้อง ไม่ผิดพลาดแม้แต่คำเดียว
ผู้คุมสอบขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“ผู้คุมสอบท่านมีปัญหาอะไรกับข้าหรือไม่?”
ฟาง เจิ้งจือ เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว มองไปยังกระดาษที่เขาตอบครบทุกข้ออย่างพอใจ ยกหัวขึ้นมามองไปยังผู้คุมสอบ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ไม่..ไม่มี!” ผู้คุมสอบที่ต้องหารจะพูดบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายกลับส่ายหัว และเดินจากไปอย่างช่วยไม่ได้
ฟาง เจิ้ง เหลือบมอง ผู้คุมสอบที่เดินจากไป มองไปยังผู้เข้าสอบคนอื่นๆ....การโกงก็ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเช่นกัน
...
“ก้อง!” เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญานสิ้นสุดการทดสอบ
ผู้เข้าสอบบางคนถึงกับน้ำตาไหลออกมา ครั้งนี้การทดสอบด้านปัญญานั้นยากมาก และหลายคนที่ทิ้งข้อสอบปล่อยว่างไปมากกว่าครึ่งของทั้งหมด
นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องพลาดแน่ๆ
ขณะที่ออกจากห้องสอบ เขามองไม่เห็น หลี่ จ้วงฉือ แล้ว มีเพียงแต่ เหยียน ซิว ที่ยืนอยู่ตรงทางออกด้วยท่าทีอันเยือกเย็น
ฟาง เจิ้งจือ ไม่อยากจะกล่าวโทษอะไร แต่เหยียน ซิว นั้นดึงดูดสายตามากเกินไป
นักปราชญ์จำนวนมากหลั่งไหลออกมา แต่ด้วยพลังอันลึกลับ ทำให้พวกเขาเว้นระยะห่างออกจาก เหยียน ซิว ประมาณ 2 เมตรทุกๆคน
เหยียน ซิว ยืนอยู่ที่เดิม ราวกับนกกระเรียนท่างกลางฝูงนกกระจิบ
“เป็นยังไง?” เหยียน ซิว ถาม
“ก็ไม่เลว” ฟาง เจิ้งจือ ตอบ
“แล้วเรื่องโหราสาตร์ละ?” เหยียน ซิว ถามต่อ
“ไม่เป็นปัญหา” ฟาง เจิ้งจือ มั่นใจ
เหยยีน ซิว เงียบไป ก่อนมองขึ้นไปยนท้องฟ้าคิดอยู่สักพัก ก่อนจะหันกลับมามอง ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง
“การทดสอบต่อสู้ ข้าจะเป็นผู้ชนะ!” เหยียน ซิว กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเช่นกัน
“ข้าก็คิดว่าข้าจะชนะเช่นกัน” ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับไป
เหยียน ซิว ขยับปาก เหมือนคิดจะโต้เถียง แต่สุดท้ายเขาก็กางพัดสีทองออกมาและโบกมันเล็กน้อย
เปิดเผยลวดลายแม่น้ำและภูเขาอันกว้างใหญ่ แต่มองไม่ชัดเจนเพราะแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์...
ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ลวดลายนั้น มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในตัวเขา ลวดลายพวกนี้มันดูสมจริงเกินไป
“พัดนี้มีชื่อหรือไม่?” ฟาง เจิ้งจือ นั้นสงสัย
“ใช่ มันถูกเรียกว่า พัดแม่น้ำและภูเขา สรวงสวรรค์และผืนโลก!” เหยียน ซิว โบกพัดเบาๆ
“พัดแม่น้ำและภูเขา สรวงสวรรค์และผืนโลก” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรต่อไป
....
ข้อได้เปรียบที่สุดในการได้เดินกับ เหยียน ซิว คือ รอบๆตัวเขาเหมือนมีแรงบางอย่าง ทุกคนที่เดินมาใกล้ต่างแหวกทางออกโดยอัตโนมัติ
ช่วยให้ ฟาง เจิ้งจือ อยู่ห่างจากปัญหาได้มาก
เช่น เจ้าเด็กอ้วนที่เดินออกมาจากห้องสอบเดียวกับเขาเดินตามมาอยู่ไม่ไกล แต่ไม่คิดจะเข้ามาทักทายเขา
ทั้งสองคนเดินไปอย่างเชื่องช้าไปยังห้องใต้ศาลาที่ริมบึงน้ำแห่งควาสงบ พลางมองผู้เข้าสอบคนอื่นๆ
จำนวนผู้เข้าสอบในครั้งนี้มากกว่าครั้งอื่นๆ ดังนั้นวันประกาศผลจึงถูกเลื่อนไปในอีก 3 วันข้างหน้า
...
ภายในห้องตรวจข้อสอบ กระดาษคำตอบแต่ละใบที่ถูกตรวจสอบและปิดชื่อเจ้าของกระดาษเรียบร้อยแล้วนั้นถูกส่งต่อไปให้ขุนนางฉินที่อยู่ในชุดสีดำ นั่งอยู่ตรงกลางของโต๊ะยาว รอบๆเขามีขุนนางคนอื่นๆคอยตรวจทานกระดาษคำตอบอยู่
หลังสุดของโต๊ะเป็นโต๊ะของหัวหน้าผู้ตรวจข้อสอบ
ชายสูงอายุที่มี่ผมสีเงินบางๆอยู่บนหัว อายุประมาณ 50 ปี นั่งอยู่ ดวงตาเกือบจะปิด ถึงแม้เขาจะสวมชุดทางการอยู๋แต่ก็แตกต่างจากคนอื่นๆ...
ชุดของเขาเป็นสีขาว
บนชุดของเขา มีลวดลายของนกที่มีชีวิตชีวาประดับอยู่
“ช่างงดงาม ช่างงดงาม!” ขุนนางคนอื่นๆมองไปยังกระดาษคำตอบที่อยู่ในมือ มีท่าทีดูตื่นเต้นก่อนจะรีบเดินไปหาขุนนางสูงอายุทันที
“ผู้อาวุโสฮัน ข้อสอบช่างงดงามยิ่งนัก ทุกข้อความนั้นแฝงไว้ด้วยความหมายอันลึกซึ้ง!” ขุนนางส่งกระดาษคำตอบไปให้คนอื่นๆ ก่อนจะส่งไปวางไว้หน้าขุนนางสูงอายุด้วยความเคารพ
ผู้อาวุโส หมายถึง ผู้อาวุโสฮันที่สวมชุดขุนนางสีขาว ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปิดขึ้น ก่อนจะมีแสงสว่างวาบขึ้นมาในตา
จากนั้นเมื่อเขาได้รับกระดาษ เขาตรวจสอบมันก่อนจะวางลงตรงหน้าเหล่าขุนนาง
เมื่อเหล่าขุนนางเห็นกระดาษ เขาส่งกลับไปยังโต๊ะ ไม่พูดอะไรอีกต่อไป เขาเขียน ‘บันทึกลงกลุ่ม’ ข้างๆกระดาษแผ่นนั้น
คนอืนๆมองไปที่กระดาษแผ่นนั้นก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆอ่านกระดาษคำตอบแผ่นอื่นๆต่อไป
ไม่นานขุนนางฉิน ก็ลุกขึ้น
จับกระดาษไว้ในมือ พร้อมกับเดินไปหา ผู้อาวุโสฮัน
“ผู้อาวุโสโปรดอ่าน!”
ผู้อาวุโสเปิดตาอีกครั้ง ก่อนจะรับกระดาษคำตอบมาและอ่านมัน ทันใดนั้นดวงตาที่เหมือนจะปิดอยู่ตลอดเวลาก็เบิกกว้างขึ้น ปากของขาเดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิด อ่านตามเนื้อหาในกระดาษคำตอบแผ่นนั้น
หลังจากผ่านไป 15 นาที เขาวางกระดาษแผ่นนั้นลงอย่างแผ่วเบา
จากนั้น เขาสะบัดมือ ชื่อที่ถูกปิดอยู่ถูกเปิดเปยออกมาทันที
เขาขมวดคิ้ว.....
...
เป็นเวลาสามวันที่ต้องรอผลการทดสอบ เหล่านักปราชญ์ต่างไม่คิดจะรออย่างน่าเบื่อ ไปปรากฎตัวอยู่ที่ริมแม่น้ำแห่งความสัตย์
เพราะว่าบุคคลที่พวกเขาต่างใฝ่หา ทำให้พวกเขาหลงเสน่ห์ นั้นอยู่ที่นี่
ริมแม่น้ำแห่งความสัตย์ เรือสำราญของ หยุน ชิงวู จอดเงียบๆอยูที่ท่าน้ำ กลมกลืนไปกับฉากรอบๆ ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบๆยิ่งทำให้ดเหมือนดินแดนของภูตก็มิปาน
นักปราชญ์นับไม่ถ้วนต่างยืนล้อมรอบเรือสำราญ คอยสอดส่องมองไปทั่ว เพื่อมองหาตัวของ หยุน ชิงวู สักครั้งเดียวก็ยังดีขอให้มองเห็นนาง บางคนเอามากระทั่งเครื่องประดับ บทกวี ภาพวาด เพื่อคิดจะให้ หยุน ชิงวู สนใจ
แต่ หยุน ชิงวู ไม่ออกมาแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับนางไม่ได้อยู่บนเรือลำนั้น...
3 วันนี้ ชีวิตของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นคล้ายคลึงกับ หยุน ชิงวู มาก ไม่ปรากฎตัวออกมาบนท้องถนน เอาแต่นั่งอยู่ในห้องพัก อ่านหนังสือ ดื่มชากินขนมกับ เหยียน ซิว เท่านั้น
3 วันถัดมา
หน้าที่ทำการเมือง นักปราชญ์จำนวนมาก กำลังยืนรออยู่หน้าหินประกาศด้วยความวิตกกังวล การสอบด้านปัญญาครั้งนี้มีเพียงรอบเดียวเท่านั้น
ผ่านหมายถึงได้มีชีวิตอยู่ต่อ ไม่ผ่านหมายถึงตาย!
เพจหลัก : Double gate TH