บทที่ 126 กลยุทธ์การวางสินค้า (ตอน 2) (อ่านฟรี)
นักข่าวและตากล้องเดินตามหลี่ซื่อโหยวไปที่เวิร์คช้อปการผลิตของโรงงานมอเตอร์ แต่เวิร์คช้อปกำลังผลิตบางอย่างซึ่งไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดเอาไว้
มันน่าจะเป็นเครื่องกำเนิดไฟหรือเปล่า? แม้ว่าจะต้องเก็บเรื่องกระบวนการผลิตไว้เป็นความลับ แต่ก็ควรแสดงให้เห็นว่ากำลังผลิตชิ้นส่วนของเครื่องกำเนิดไฟบ้าง เวิร์คช้อปแห่งนี้กำลังผลิตบางอย่างที่ดูแล้วรู้สึกคุ้นตามาก ให้ตายสิ นี่มันเครื่องทำความชื้นรุ่นใหม่ที่พวกเขาเพิ่งเห็นในห้องทำงานเมื่อกี้นิหน่า!
“ผู้อำนวยการหลี่ คุณพาเรามาผิดเวิร์คช้อปหรือเปล่า?” นักข่าวถาม
“ไม่ผิดครับ เวิร์คช้อปแห่งนี้กำลังผลิตสินค้าที่สร้างผลกำไรได้มากที่สุดของโรงงานเรา เรายังมีอีกสองสามเวิร์คช้อปที่ผลิตสินค้านี้เหมือนกันด้วยนะครับ คุณอยากไปเยี่ยมชมด้วยหรือเปล่า?” หลี่ซื่อโหยวถามตรงๆ เฝิงหยู่บอกว่าเขาอยากจะโชว์เวิร์คช้อปนี้ให้นักข่าวเข้าเยี่ยมชม และส่วนนี้ต้องได้ออกอากาศด้วยแม้ว่าอาจจะมีการรั่วไหลของเทคโนโลยีบ้างก็ตาม พวกเขาไม่กลัวว่าเทคโนโลยีนี้จะรั่วไหลออกไป และอาจใช้โอกาสนี้โปรโมทเครื่องทำความชื้นไปด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเฝิงหยู่บอกหลี่ซื่อโหยวว่าครั้งนี้ถือว่าเป็นการโฆษณาเครื่องทำความชื้นไปด้วยในตัว และเขาจะจ่ายค่าโฆษณาอย่างงามให้กับโรงงานมอเตอร์เอง
นักข่าวพูดไม่ออก ช่างเถอะ ก็เขาเป็นผู้อำนวยการโรงงาน เขาจะโชว์อะไรก็ได้ที่เขาอยากโชว์
หลี่ซื่อโหยวยืนอยู่ในเวิร์คช้อปและตอบคำถามแก่นักข่าว แต่คำตอบของเขาเริ่มออกห่างจากสคริปต์มากเข้าไปทุกที เขาพูดถึง “เครื่องทำความชื้นยี่ห้อเฟิงหยู” บ่อยมาก
“เครื่องทำความชื้นรุ่นที่สองนี้เป็นผลงานจากความร่วมมือกับโรงงานการบิน โดยมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ และเราได้จดทะเบียนสิทธิบัตรทั้งในประเทศและต่างประเทศสำหรับเทคโนโลยีนี้แล้ว เครื่องทำความชื้นนี้จะสร้างไอน้ำออกมาได้ในทันทีที่เปิดเครื่อง ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าและประหยัดเวลาในการทำความร้อนของน้ำ อีกทั้งยังใช้ไฟและน้ำในปริมาณที่น้อยลงด้วย คุณไม่จำเป็นต้องเติมน้ำหลายครั้ง ไอน้ำที่พ่นออกมาก็เป็นไอเย็น ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการลวก ซึ่งปลอดภัยมากขึ้น...”
นักข่าวส่งสัญญาณให้ตากล้องเพื่อหยุดถ่ายทำ นี่มันไม่ใช่การสัมภาษณ์อีกต่อไปแล้ว แต่มันคือการโฆษณา!
“ผู้อำนวยการหลี่ ช่วยพูดตามสคริปต์ได้มั้ยคะ? ทำไมคุณต้องคอยโปรโมทสินค้าของโรงงานคุณตลอดเวลาด้วยละ? นักข่าวเริ่มรู้สึกเซ็ง พวกเขามีวิดิโอเทปที่ใช้ในการถ่ายทำจำนวนจำกัด
“ขอโทษครับๆ ผมมัวแต่คิดเรื่องเครื่องทำความชื้น ก็เลยเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว โอเคครับ ต่อไปนี้ผมจะพูดตามสคริปต์ละครับ เราไปที่คลังสินค้ากันเถอะครับ” หลี่ซื่อโหยวเหลือบมองเฝิงหยู่ และเห็นเฝิงหยู่แอบยกนิ้วหัวแม่โป้งให้เขา
เมื่อเข้ามาในคลังสินค้า ไม่เพียงแต่นักข่าวและตากล้องเท่านั้นที่รู้สึกอึ้ง หลี่ซื่อโหยวเองก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นเช่นกัน
นี่คือคลังสินค้าของโรงงานมอเตอร์จริงๆ หรอเนี่ย? ก่อนหน้านี้คลังสินค้าไม่ได้เป็นแบบนี้ ตอนนี้มันคือ.....รูปภาพโดยการนำกล่องของเครื่องทำความชื้นมาวางเรียงกัน
เฝิงหยู่บอกให้หลี่ซื่อโหยวไปยืนอยู่ตรงหน้ากล่องเพื่อให้สัมภาษณ์ เขายังขอให้ตากล้องถ่ายจากมุมไกล เพื่อให้แน่ใจว่ากล้องสามารถเก็บภาพทั้งหมดของคลังสินค้าได้
ตากล้องบ่นในใจ คลังสินค้าแห่งนี้ไม่ได้มีสินค้าเต็มขนาดนั้น ยังมีที่ว่างเหลืออีกเยอะแยะ แล้วใครเข้าวางสินค้าซ้อนกันแบบนี้? ขนาดคนนอกอย่างเขายังรู้เลยว่าการวางสินค้าแบบนี้เปลืองที่มากๆ
ตอนนี้หลี่ซื่อโหยวตอบคำถามนักข่าวตรงตามสคริปต์แล้ว แต่นักข่าวและตากล้องยังคงรู้สึกแย่ พวกเขาจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กับหัวหน้ายังไง และส่วนไหนของการสัมภาษณ์ครั้งนี้ที่ควรนำไปใช้ออกอากาศในช่วงข่าวภาคค่ำวันพรุ่งนี้?
ช่วงแรกก็เป็นช่วงที่หลี่ซื่อโหยวเปิดเครื่องทำความชื้น และฉากหลังก็เต็มไปด้วยเครื่องทำความชื้น ช่วงที่สองก็เป็นการอธิบายขั้นตอนการผลิตเครื่องทำความชื้น และหลี่ซื่อโหยวก็พูดถึงเครื่องทำความชื้นตลอดเวลา ช่วงสุดท้าย หลี่ซื่อโหยวก็ตอบไม่ตรงคำถามเลยแถมยังฉากหลังยังเป็นอะไรก็ไม่รู้ คนงานที่โรงงานมอเตอร์คงชอบเล่นเลโก้กันมั้ง?
ช่างเถอะ ปล่อยให้หัวหน้าไปแก้ปัญหาเองละกัน ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการหลี่จะไม่เห็นด้วยที่จะต้องถ่ายทำการสัมภาษณ์ใหม่ทั้งหมด และพวกเขาก็มีวิดีโอเทปไม่พอด้วย ถ้าพวกเขามาถ่ายใหม่ในวันพรุ่งนี้ ก็จะไม่ทันออกอากาศในช่วงข่าวภาคค่ำ ตอนนี้พวกเขาหวังว่าหัวหน้าจะไม่สังเกตเห็นการสัมภาษณ์นี้ เพราะพวกเขาจะได้ไม่โดนตำหนิ
ก่อนที่พวกเขาจะกลับ เฝิงหยู่วางของที่ระลึกไว้ในรถของพวกเขา ซึ่งก็คือเครื่องทำความชื้นรุ่นที่สองนั่นเอง เครื่องทำความชื้นนี้ยังไม่ได้วางขายในตลาด และแม้แต่ผู้นำในรัฐบาลเมืองยังไม่มีเครื่องนี้เลย!
โรงงานมอเตอร์ใจกว้างมากกว่าผู้นำคนอื่นๆ ที่พวกเขาเคยสัมภาษณ์มา พวกเขาได้รับทั้งซองแดงและของกำนัลเมื่อมาเยี่ยมชมที่นี่ ตอนนี้พวกเขารู้สึกโอเคแล้วละแม้ว่าจะต้องโดนหัวหน้าตำหนิก็ตาม
เมื่อพวกเขาเปิดซองดูก็พบว่าแต่ละซองมีเงินจำนวน 500 หยวน พวกเขารู้สึกประหลาดใจมาก ด้วยซองที่บาง ทำให้พวกเขาคิดว่าในซองจะมีเพียงแค่ไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วกลับกลายเป็นธนบัตรใบละ 100 หยวนนั่นเอง!
500 หยวนถือว่าเป็นเงินเดือนสองสามเดือนของพวกเขาเลยทีเดียว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาค่อยใจเย็นลงหลังจากที่รู้สึกไม่พอใจผู้อำนายการหลี่อย่างมาก ตอนนี้พวกเขาไม่สนเรื่องโดนตำหนิแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะโดนหักค่าจ้าง พวกเขาก็ยอม นี่มันเงินตั้ง 500 หยวนเชียวนะ!
หลังจากที่เจ้าหน้าที่จากสถานีโทรทัศน์กลับไป เฝิงหยู่ก็โทรศัพท์ไปถามผู้ผลิตโฆษณา เขาอยากถ่ายทำโฆษณาชิ้นแรก ซึ่งจะคล้ายๆ กับการสัมภาษณ์ครั้งนี้พร้อมกับใช้ฉากหลังแบบเดียวกัน
หลี่ซื่อโหยวยังคงทำงานอย่างหนัก เขากลายเป็นดาวเด่นของโฆษณา แต่ที่เวิร์คช้อป มีหัวหน้าวิศวกรมาทำหน้าที่แทนเขาแล้ว ซึ่งสามารถแนะนำกระบวนการผลิตได้อย่างน่าเชื่อถือมากกว่า
เฝิงหยู่พอใจกับรูปภาพที่เกิดจากการเรียงกล่องซ้อนกันจนกลายเป็นฉากหลัง ซึ่งเหมือนกับการจัดแสดงสินค้าที่เขาเคยเห็นในซุปเปอร์มาร์เก็ตมาก่อน
การสัมภาษณ์ของหลี่ซื่อโหยวออกอากาศในช่วงข่าวภาคค่ำในวันถัดมา มีหลายตอนที่ถูกตัดออกไปแต่สิ่งที่ทำให้เฝิงหยู่ประหลาดใจก็คือช่วงที่หลี่ซื่อโหยวเปิดเครื่องทำความชื้นกลับไม่ถูกตัดออกไป ซึ่งทำให้ดูเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น ส่วนฉากที่คลังสินค้าก็ได้รับการออกอากาศ ซึ่งทำให้ผู้ชมเห็นถึงคลังสินค้าและคนงานที่ขยันทำงานในที่นั้นด้วย
เฝิงหยู่หัวเราะลั่นหลังจากที่ดูข่าว การให้ซองแดงไปสองซองมันช่างคุ้มค่าจริงๆ!
การสัมภาษณ์ทั้งหมดออกอากาศในรายการโทรทัศน์หลังข่าว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้ผลดีกว่า ไม่มีการตัดต่อช่วงไหนออกเลย หลังจากที่ดูรายการจบ อย่าว่าแต่ผู้ชมคนอื่นๆ เลย แม้แต่เฝิงหยู่ยังรู้สึกอยากซื้อเครื่องทำความชื้นรุ่นนี้เลย อันที่จริงแล้ว กลายเป็นว่าเครื่องทำความชื้นรุ่นนี้บดบังรัศมีของหลี่ซื่อโหยวหมดเลย เฝิงหยู่ต้องขอโทษหลี่ซื่อโหยวแล้วละ
วันถัดมา โฆษณาที่เหมือนกับการสัมภาษณ์ก็ถูกออกอากาศโดยสถานีโทรทัศน์ประจำจังหวัด โฆษณาใช้เวลา 1 นาทีฉายทั้งหมดสามครั้งต่อวันโดยแสดงให้เห็นการสัมภาษณ์ 3 ครั้งในสถานที่ที่แตกต่างกัน 3 แห่ง ครั้งนี้เฝิงหยู่เซ็นสัญญาโฆษณาเป็นระยะเวลา 1 ปีกับสถานีโทรทัศน์ประจำจังหวัดในราคาที่สูงมาก เขาใช้บริษัทการค้าไท่หัวมาเป็นผู้ลงนามในสัญญา และหนึ่งในเงื่อนไขของสัญญาก็คือความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงสินค้าและโฆษณาเมื่อไรก็ได้ที่เขาต้องการ ตัวอย่างเช่น โฆษณาเครื่องทำความชื้นนี้จะถูกเพิ่มเข้าไปในต้นทุนการขายของเครื่องทำความชื้นด้วย
และก็เป็นอีกครั้งที่ชาวเมืองปิงมีเรื่องน่าสนใจให้ต้องพูดถึง ซึ่งก็คือการวางเรียงกล่องเครื่องทำความชื้นในคลังสินค้าที่โรงงานมอเตอร์ โดยมีการออกอากาศทางโทรทัศน์และพวกเขารู้สึกว่าคนงานที่คลังสินค้าฉลาดมาก คนงานพวกนี้ใช้สีสันต่างๆ บนกล่องเพื่อนำมาสร้างคำว่า “เฟิง” และ “หยู” ได้โดยการวางเรียงซ้อนกัน
เฝิงหยู่ได้ยินคนพูดคุยถึงเรื่องนี้ตามท้องถนน เขายิ้มกับตัวเอง เขาคิดในใจว่าคนพวกนี้เทียบอะไรไม่ได้เลยกับเจ้าหน้าที่จัดวางสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เขาเคยรู้จัก เจ้าหน้าที่พวกนั้นสามารถสร้างหุ่นยนต์ออพติมัส ไพร์มโดยใช้สินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้
อย่างไรก็ตาม เครื่องทำความชื้นรุ่นที่สองก็กลายเป็นประเด็นที่คนพูดถึงกันอย่างมากก่อนที่จะมีการเปิดตัวสินค้าเสียอีก ทุกคนพูดถึงโฆษณา และเฝิงหยู่เชื่อว่าเครื่องทำความชื้นนี้จะต้องประสบความสำเร็จแน่นอนเมื่อมีการเปิดตัวว่าเป็นเครื่องที่ได้จดทะเบียนรับรองสิทธิบัตรแล้วเรียบร้อย