บทที่ 159 สิ่งที่ได้รับ
พลังของเจดีย์ห้าสีทิ้งความประทับใจให้แก่จั่วม่ออย่างลึกล้ำ
สิ่งที่ล้ำค่าและหายากที่สุด คือความรู้สึกเชื่อมโยงราวกับเป็นแขนขาหรือนิ้วมือของมันเอง มันไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับยุทธภัณฑ์เวทชิ้นอื่น แม้ว่ากระบวนการประทับรอยวิญญาณยากที่จะเข้าใจ แต่เจดีย์ห้าสีก็ยังเป็นยุทธภัณฑ์เวทที่มีพลังมากที่สุดในมือของจั่วม่อยามนี้
ในสายตาของจั่วม่อ สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เพียงยุทธภัณฑ์เวท เมื่อสามารถควบคุมขับเคลื่อนค่ายกล นี่ไม่ใช่เท่ากับมันเพิ่มมือวิเศษมาอีกคู่หนึ่งหรอกหรือ?
ที่สำคัญ ในใจมันยังบังเกิดลางสังหรณ์ลึกๆ หากเจดีย์ห้าสีพังทลายไปจริงๆ เกรงว่ามันจะได้รับผลกระทบด้วย ไม่มีสิ่งดีๆ ที่ได้เปล่าในโลกนี้ หากเจดีย์ห้าสีเชื่อมต่อกับมันอย่างลึกล้ำประดุจแขนขา เช่นนั้นเมื่อแขนขาขาดไป มันจะไม่ได้รับผลกระทบได้อย่างไร?
ไม่ว่าจะต้องสูญเสียสิ่งใดหรือเท่าใด มันจะต้องซ่อมแซมเจดีย์ห้าสีให้จงได้
จั่วม่อขบกรามแน่น มันนำวัตถุดิบทั้งหมดที่ยังหลงเหลือออกมาจากแหวนมิติ ทยอยโยนเข้าไปในเจดีย์ห้าสี
เจดีย์ห้าสีคล้ายหิวโหยถึงที่สุด เพียงวัตถุดิบหลุดออกจากมือจั่วม่อ ล้วนถูกดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
วัตถุดิบถูกป้อนเข้าสู่เจดีย์ห้าสีทีละชิ้นๆ จากนั้นถูกย่อยสลายกลายเป็นแก่นสารปราณห้าธาตุ
เห็นวัตถุดิบไหลออกจากมือ หายเข้าไปในเจดีย์ห้าสีประดุจสายน้ำ จั่วม่อเจ็บปวดใจแทบสิ้นสติ วัตถุดิบเหล่านี้ล้วนซื้อหามาด้วยจิงสือกองโต เวลานี้ทั้งหมดกลายเป็นอาหารของเจดีย์ห้าสีไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม เห็นวิธีการนี้ได้ผลมาก มันค่อยคล้ายได้รับการปลอบใจอยู่บ้าง รอยแตกร้าวบนองค์เจดีย์ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างแช่มช้า ด้วยระดับความเร็วที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
จั่วม่อสามารถรู้สึกได้ว่าโลกห้าธาตุภายในเจดีย์ห้าสี ถูกเติมเต็มด้วยแก่นสารปราณห้าธาตุจำนวนมหาศาล ค่อยๆ คงที่ขึ้นทีละน้อย
แต่...
แหวนมิติว่างเปล่าไปเสียแล้ว ปล่อยให้จั่วม่อปวดร้าวแทบขาดใจ
จบสิ้นงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ ก็จบสิ้นความมั่งคั่งทั้งหมดของมันไปด้วย จั่วม่อแทบกระอักออกมาเป็นเลือด
สิ่งที่ทำให้มันอยากกระอักเลือดมากกว่าเดิม คือหลังจากวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายถูกสูบเข้าไป เจดีย์ห้าสีกลับไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เทียบกับสภาพเดิมของมันแล้ว เจดีย์ห้าสียังคงสีสันหม่นมัวอยู่มาก โอ้สวรรค์ จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบมากมายเท่าใดจึงจะสามารถซ่อมแซมให้เสร็จสมบูรณ์?
แล้วต้องใช้จิงสือมากมายเท่าใด...
จั่วม่อไม่มีจิงสือแม้แต่ชิ้นเดียว ทั้งยังไม่มีวัตถุดิบหลงเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว นานมากแล้วที่ไม่ได้สิ้นเนื้อประดาตัวถึงขั้นนี้!
ในเวลานี้เอง กลุ่มสสารที่ดูคล้ายโคลนสีเทาพุ่งออกมาจากเจดีย์ห้าสี เลอะเต็มมือของจั่วม่อ
ฮะ! จั่วม่ออึ้งงัน นี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นเจดีย์ห้าสีพ่นบางสิ่งบางอย่างออกมา อย่างรวดเร็ว เจดีย์ห้าสีส่งผ่านข้อมูลที่ทำให้จั่วม่อเข้าใจ ว่าโคลนสีเทานี้เป็นสิ่งของเช่นไร
ทุกสิ่งทุกอย่างจัดอยู่ในห้าธาตุ นี่เป็นแนวคิดทั่วไปที่ทั้งหยาบและกว้างมาก ในโลกนี้ ที่จริงยังมีบางสิ่งที่ไม่ได้จัดอยู่ในห้าธาตุ
ก้อนโคลนสีเทาเล็กๆ ในมือจั่วม่อนี้ เป็นเศษซากสสารที่เหลืออยู่ หลังจากเจดีย์ห้าสีย่อยสลายวัตถุดิบให้กลายเป็นแก่นสารปราณห้าธาตุ เศษซากเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุ ดังนั้นไม่ถูกย่อยสลาย ไม่ถูกดูดซับ สุดท้ายถูกเจดีย์ห้าสีขับถ่ายออกมา
รอประเดี๋ยว!...ขับถ่ายออกมา…
จั่วม่อหางตากระตุก!
ดื่มกินของของข้า สุดท้ายยังขับถ่ายใส่มือข้า!
เดรัจฉานน้อย เจ้าจะไร้ศีลธรรมเกินไปแล้ว!
ไฟโทสะลุกพรึบ มันเงื้อมือจะขว้างโคลนสีเทากลับไปยังเจดีย์ห้าสี เจดีย์ห้าสีคล้ายล่วงรู้ว่าจั่วม่อโกรธ มันถลาหลบไปด้านข้างอย่างรู้งาน
แต่มือของจั่วม่อกลับเงื้อค้างอย่างกะทันหัน ไฟโทสะดับมอดไปโดยไม่เหลือเค้าลาง
นี่...นี่มันไม่ได้อยู่ในห้าธาตุ!
ใช่แล้ว อ๊า สิ่งนี้ไม่ได้เป็นส่วนประกอบของห้าธาตุ!
ห้าธาตุครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง สิ่งของที่ไม่ได้อยู่ในห้าธาตุมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ล้วนหายากอย่างที่สุดโดยไม่มีข้อยกเว้น
ทุกวันนี้ สิ่งที่หายากหมายถึงอะไรเล่า?
คำตอบเดียวเท่านั้น...ราคาแพง!
จั่วม่อรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ถูกแล้ว ยิ่งหายากเท่าใดก็ยิ่งราคาแพงเท่านั้น! โคลนสีเทาในมือมันเป็นสสารที่ไม่ได้จัดอยู่ในห้าธาตุ สมควรมีค่ามากอย่างแน่นอน คิดถึงเรื่องนี้ มันขูดโคลนสีเทาออกจากมือราวกับสมบัติล้ำค่า ใส่ลงขวดหยก จากนั้นใส่ขวดหยกลงในกล่องไม้จันทน์ ก่อนจะใส่ทั้งกล่องลงไปในแหวน
บางทีในอนาคตหากมีเวลา มันอาจสอบถามได้ว่าโคลนสีเทาเหล่านี้สมควรมีค่าสักกี่จิงสือ
เจดีย์ห้าสีมีเสถียรภาพชั่วคราว ทั้งเวลานี้ยังค้นพบประโยชน์ใช้สอยอื่นของเจดีย์ห้าสี จั่วม่อค่อยอารมณ์ดีขึ้น
มองไปยังเจดีย์ห้าสี จั่วม่อได้รับการกระตุ้นเตือนให้นึกถึงจิตสำนึกของมัน คิดถึงทรายดาวที่หลั่งลงมาจากดวงดาวและกระจัดกระจายไปในจิตสำนึกอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อจั่วม่อตรวจสอบจิตสำนึกของมัน ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น ขบคิดดูก็เป็นเรื่องปกติ ความเร็วที่ดวงดาวพ่นทรายดาวออกมาเชื่องช้ามาก กว่าที่ทรายดาวจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งจิตสำนึกของมัน จะต้องใช้เวลาอีกนานโขทีเดียว
จั่วม่อคาดเดาว่า จะต้องมีทรายดาวจำนวนมหาศาล จึงจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพียงความเพ้อฝันของมันเท่านั้น บางทีอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นเลยก็ได้
จากนั้นมันโยนปัญหาเรื่องจิตสำนึกไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ค่ายกล ฝีมือทางค่ายกลของมันทำให้ผู้คนประหลาดใจ และยังช่วยเพิ่มพูนความเชื่อมั่นให้แก่มัน เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงพลังไร้ผู้ต้านของสำเนียงพิฆาตระฆังจันทรา แห่งค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ มันยังคงอดตื่นเต้นเร้าใจไม่ได้!
อาศัยหนึ่งต้านรับห้า แต่ละคนล้วนเก่งกาจกว่ามันหลายต่อหลายเท่า แม้ว่าปะทะเพียงกระบวนท่าเดียว แม้ว่าจะเป็นเจดีย์ห้าสีควบคุมค่ายกล แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ภายในขบวนค่ายกล...
แม้ว่าอะไรก็ตาม การต่อสู้นั้นก็เป็นสิ่งที่มันไม่เคยคาดฝันถึงมาก่อน แม้กระทั่งตอนนี้ มันยังคงรู้สึกเหมือนเป็นเพียงความฝัน
หากมันเข้าใจค่ายกลลึกซึ้งกว่านี้ หากการควบคุมของมันแข็งแกร่งกว่านี้ หากมันก่อตั้งค่ายกลอย่างระมัดระวังกว่านี้...
การต่อสู้เช่นนั้น เป็นไปได้ที่จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันสามารถลอกเลียนแบบเดิมได้อีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้มันครอบครองม้วนหยกค่ายกลเริ่มต้นของคุนหลุน!
ทันใดนั้น จั่วม่อเต็มไปด้วยความมั่นใจในอนาคต
เสี่ยวกั่วฝึกปรือกระบี่อย่างใจลอย ศิษย์พี่ปิดด่านฝึกตน ด้วยเหตุผลบางประการ เมื่อศิษย์พี่ไม่อยู่ นางคล้ายไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการฝึกกระบี่สักเท่าใด
นี่ไม่ถูกต้อง! เสี่ยวกั่วเตือนตัวเอง
แต่กระบี่ในมือนางยังคงหนักมาก ฝีเท้าของนางก็อ่อนปวกเปียก
“เวลาฝึกปรือกระบี่เจ้าจะต้องมีสมาธิมากกว่านี้!” ทันใดนั้นเสียงดังมาจากเบื้องหลัง
เสี่ยวกั่วชะงักกึก หมุนตัวกลับมาทันควัน ใบหน้าผลผิงกว่อเต็มไปด้วยประหลาดใจระคนเบิกบาน “ศิษย์พี่!”
จั่วม่อเคาะหัวเสี่ยวกั่วเบาๆ วางท่าเยี่ยงศิษย์พี่ สั่งสอนว่า “ฝึกกระบี่ไม่มีสมาธิ เจ้าเล่นหมากกระดานอยู่หรือไร? ดูกระบี่ของเจ้าสิ อ่อนแอมาก เลียนแบบได้แต่ท่วงท่า...”
เห็นศิษย์พี่พูดพล่ามเจื้อยแจ้วไม่หยุด เสี่ยวกั่วอดไม่ได้ ดวงตายิ้มจนหยีเป็นจันทร์เสี้ยวอันนุ่มนวลสองดวง
หลังจากสั่งสอนเสี่ยวกั่วจนหนำใจ จั่วม่อเอนหลังบนเก้าอี้โยกอย่างเกียจคร้าน ไม่มีทีท่าของการเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์น้องแม้แต่น้อย นกโง่บนหลังตาชายตามองจั่วม่ออย่างเหยียดหยามแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปไซร้ขนของนางต่อ
แสงตะวันอาบไล้บนร่างกายให้ความรู้สึกดีมากจริงๆ
“ศิษย์พี่ ท่านเสร็จสิ้นการปิดด่านฝึกตนแล้วหรือ?” เสี่ยวกั่วถามอย่างขลาดอาย
“อ้อ ใช่แล้ว เรียบร้อยแล้ว” จั่วม่อบิดเอวออย่างเกียจคร้าน หลับตา เพลิดเพลินกับแสงแดดอันอบอุ่น
ปิดด่านฝึกตนครั้งนี้ มันได้กำไรมากมาย
คุนหลุนสมกับเป็นคุนหลุนอย่างแท้จริง!
นึกถึงขึ้นมาครั้งใด กับสุดยอดสำนักในตำนานนี้ จั่วม่อเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงอย่างสุดซึ้ง มันชื่นชมยินดีนับครั้งไม่ถ้วน ที่เลือกม้วนหยกนี้มา นับว่าชาญฉลาดอย่างที่สุดแล้ว เพียงแค่ม้วนหยกค่ายกลเบื้องต้นเท่านั้น แต่กลับบันทึกไว้ด้วยค่ายกลจำนวนมากมายหลากหลายรูปแบบ ครั้งแรกที่มันอ่านม้วนหยก ถึงกับตะลึงงันอย่างสมบูรณ์
ในความเห็นของมัน ม้วนหยกนี้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเรียกว่า ‘คู่มือพื้นฐานค่ายกลฉบับสมบูรณ์’!
จั่วม่อสามารถนับได้ว่าเป็นนักสะสมม้วนหยกตัวยง แต่มันไม่เคยคิด ว่าจะมีม้วนหยกที่สามารถบรรจุเนื้อหาที่อุดมสมบูรณ์และครบถ้วนได้ถึงเพียงนี้ ในทางกลับกัน ม้วนหยกของสำนักมัน ดูเรียบง่ายและหยาบกระด้างเสียจนมันอับอายไปเลย
ภายในม้วนหยก บันทึกค่ายกลพื้นฐานไว้มากกว่าสองร้อยชนิด ทั้งยังเพิ่มเติมด้วยการวิเคราะห์ทุกชนิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
บทวิเคราะห์เหล่านี้มาจากยอดฝีมือทางค่ายกลของคุนหลุน ช่วยเปิดหูเปิดตาให้แก่จั่วม่ออย่างมหาศาล ทุกความคิดสร้างสรรค์ของมันที่มันเคยภาคภูมิใจ ไม่ได้อยู่นอกขอบเขตความกว้างขวางของม้วนหยกนี้แม้แต่น้อย เพียงถ้อยคำไม่กี่คำในแต่ละค่ายกล ประดุจคมมีด จี้ให้เห็นถึงสารัตถะของค่ายกลที่ลึกซึ้งคลุมเครือเหล่านั้นในคราวเดียว แต่ละค่ายกลถูกชำแหละออกมาอย่างหมดเปลือก ไปจนถึงความสัมพันธ์กับค่ายกลอื่นๆ ทั้งหมด ถูกเปิดเผยตีแผ่ออกมาอย่างแจ่มแจ้ง
จั่วม่อหัวหมุนงุนงงไปหมด
นี่ไม่ใช่การศึกษาร่ำเรียนแล้ว มันเป็นความบันเทิงเริงใจอันไร้ที่เปรียบต่างหาก!
ตั้งแต่ชั่วขณะที่หยิบม้วนหยกขึ้นมา มันก็ไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้อีก
ไม่หลับนอน ไม่พักผ่อน ไม่ดื่มกิน มันพึมพำกับตนเองราวกับกำลังละเมอ บางคราวก็หัวร่อตื่นเต้นดุจเสียสติไปแล้ว
จั่วม่อเมื่ออ่านบทวิเคราะห์บทสุดท้ายในม้วนหยกจบสิ้น มันรู้สึกราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ สลดหดหู่อย่างไม่อาจบ่งบอกบรรยาย
เพียงแค่ม้วนหยกเริ่มต้นม้วนหนึ่ง กลับมหัศจรรย์พันลึกถึงเพียงนี้!
สิ่งที่มันได้รับยังมากมายกว่าที่มันคาดคิดไว้หลายเท่า มันไม่ผิดอันใดกับเด็กน้อยที่ว่ายน้ำอยู่ในบ่อน้ำ แล้วทันใดนั้นก็พบเห็นทะเลใหญ่
“ศิษย์พี่จะเข้าปิดด่านฝึกตนอีกหรือไม่?” เสี่ยวกั่วถามอย่างขลาดอายตามเดิม
“อ้อ ไม่แล้ว ปิดด่านฝึกตนไม่ได้ทำให้ได้กำไรจิงสือเสียหน่อย” จั่วม่อตอบอย่างเฉื่อยชา มันพลันนึกขึ้นได้ ถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่หลัวหลีไปยังที่ใด? พวกมันทำอะไรกันอยู่?”
ได้ยินว่าจั่วม่อไม่คิดปิดด่านฝึกตนอีก เสี่ยวกั่วดวงตายิ้มหยีเป็นจันทร์เสี้ยวอีกครา “ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่หลัวหลีเข้าปิดด่านฝึกตนกันหมดแล้ว”
จั่วม่อทำเสียงรับรู้ในลำคอ มันไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
ตงฝู
สิ้นสุดงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ ยอดฝีมือทั้งหมดกลับคืนสู่ถิ่นฐานของตน ตงฝูคล้ายสูญเสียชีวิตชีวาไปบ้าง แน่นอน หากเทียบกับตงฝูในกาลก่อน ยังมั่งคั่งรุ่งเรืองกว่ามาก งานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ครั้งนี้ ทำให้ตงฟูเฟื่องฟูขึ้นในสิบสามเมืองใหญ่
โดยเฉพาะอีกไม่นานจะถึงเวลาที่เทียนซงจื่อรับปากจะเปิดเขตแดนลับ แม้ว่าพวกมันไม่สามารถเข้าร่วม แต่หลายคนยังคงอยู่รอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบบางประเภทอย่างเร่งด่วน เขตแดนลับเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ว่าสามารถให้กำเนิดสมบัติล้ำค่าทุกชนิด กระทั่งพ่อค้าวัตถุดิบรายใหญ่ยังส่งคนมาเฝ้ารอ
จั่วม่อนั่งอยู่บนหลังนกโง่ มุ่งตรงไปยังหอลอยร้อยวิเศษ
ในหอลอยร้อยวิเศษมีผู้คนมากมาย จั่วม่อคาดไม่ถึงอยู่บ้าง เมื่อมาเยือนเป็นหนที่สอง มันก็ไม่ได้ระวังตัวแจเฉกเช่นครั้งแรกอีก
ผู้ที่มาต้อนรับจั่วม่อยังเป็นเสมียนร้านคนเดิม คนเดียวกันกับคราวที่แล้ว
มันเมื่อพบเห็นจั่วม่อ ก็รีบประสานมือแสดงความยินดีทันที “ขอแสดงความยินดี ขอแสดงความยินดี จั่วเซียนเซิงร้ายกาจยิ่ง กระบวนท่าสุดท้ายของท่าน ทำเอาข้าแทบหัวใจหยุดเต้น!” จากนั้นลดเสียงต่ำลง กล่าวว่า “ฮี่ฮี่ ยังต้องขอบคุณท่านมาก จั่วเซียนเซิง!”
จั่วม่องงงัน “เรื่องอันใด?”
“ฮี่ฮี่ ฝีมือการหลอมสร้างของจั่วเซียนเซิงยอดเยี่ยมยิ่ง ถึงกับสามารถหลอมสร้างเจดีย์ห้าสีกลายเป็นยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ! ร้านของเราพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย!”
จั่วม่อพลันเข้าใจในทันที อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มันเข้าใจไม่ใช่ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นของร้านค้างี่เง่านี่ ทว่าสิ่งที่เข้าใจคือเหตุผลที่เจดีย์ห้าสีมีพลังมากมายถึงเพียงนั้น ที่แท้มันกลายเป็นยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ!
สำหรับมันผู้มี ‘การศึกษาที่ลึกซึ้ง’ เกี่ยวกับยุทธภัณฑ์เวท ไหนเลยจะไม่ทราบว่าอันใดคือยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ?
ยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ...
จั่วม่อรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่บนใบหน้าไม่ได้เปิดเผยอะไรออกมา เพียงคว้าประเด็นสำคัญ กล่าวว่า “ฮ่า นั่นก็ยอดเยี่ยมยิ่ง ในอนาคตอย่าลืมลดราคาให้ข้าอีกสักหน่อย!”
ได้ยินวาจามัน เสมียนร้านได้แต่หัวร่อกลบเกลื่อน
จั่วม่อก็ไม่ได้เซ้าซี้ ถามตรงๆ ว่า “คุณหนูซู่อยู่ที่ใด?”
“อ้อ เชิญตามผู้น้อยมาทางด้านนี้!” เสมียนร้านกระวีกระวาดนำทางไปด้านหน้า เห็นได้ชัดว่าได้รับคำสั่งไว้แล้ว
นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้จั่วม่อตัดสินใจเข้าสู่การปิดด่านฝึกตนเสียก่อน เพื่อให้สามารถหลอมสร้างชิ้นส่วนกระบี่ที่แสนสำคัญ ให้เสร็จสมบูรณ์ให้จงได้!