บทที่ 70: สังหารแล้วหนี
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 70: สังหารแล้วหนี
แม้ว่าในครั้งนี้เจ้าอ้วนจะได้ชูมือแสดงชัยชนะเพราะเขาก็ไม่ได้แสดงอาการได้รับบาดเจ็บ แต่ระฆังเหล็กดำเสียหายมากเกินไป มันถูกกระแทกเข้าอย่างแรงและกระเด็นไปไกล โชคดีเมื่อพยัคฆ์ออกมาจากด้านนอกของระฆัง ด้านในของระฆังยังสมบูรณ์เพราะว่ามันเป็นอุปกรณ์ระดับสูง
อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนอยู่ใกล้กับระฆังเกินไป เนื่องจากมันถูกกระแทกอย่างรุนแรงจึงทำให้เขารู้สึกเวียนหัว มันเป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าอ้วนสามารถอดทนกับสิ่งนี้ได้และมันไม่ส่งผลหากเขาจะสู้ต่อ
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ เหล่าผู้ฝึกตนที่เหลืออยู่ในสภาวะสับสน เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พละกำลังของพยัคฆ์ทั้งสองเป็นสิ่งที่น่ากลัว แม้แต่อุปกรณ์วิเศษระดับสูงยังไม่สามารถป้องกันได้
ถ้าความจริงเจ้าอ้วนใช้อุปกรณ์วิเศษระดับสูงเพื่อป้องกันตนจากพยัคฆ์ปีกแหลม พวกเขาจะไม่ตกใจเลย แต่ปัญหาคือเจ้าอ้วนใช้ระฆังเหล็กดำที่เป็นอุปกรณ์ระดับต่ำเท่านั้น
เหล็กสีดำนั้นเป็นวัสดุที่มีระดับต่ำที่สุดในโลกของผู้ฝึกตน มันถูกทิ้งขว้างโดยผู้ฝึกตนหลายคน เพราะมันไม่มีความสามารถในการทำสิ่งใดเลย มันจึงไม่ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้ฝึกตน แต่นักบวชอ้วนเทิ้มผู้นี้กลับหยิบเอาระฆังเหล็กดำขนาดร้อยฟุตออกมา เปิดตัวแบบง่าย ๆ เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าใช้มิติลึกลับ หากไม่ใช่เช่นนี้ นักบวชระดับเซียนเทียนไม่สามารถหยิบของออกมาใช้ได้ดั่งใจนึกแน่นอน สวรรค์ เรื่องราวเหล่านี้มันคืออะไรกัน?
โดยเฉพาะรูปทรงของระฆัง มันถูกเจาะเป็นปล่องขนาดใหญ่ไว้บนตัวของมันโดยพยัคฆ์ทั้งสอง นอกจากนี้ยังมีเกาทัณฑ์ที่เจ้าอ้วนทดลองอุปกรณ์วิเศษของมันปักอยู่นับร้อย
อุปกรณ์ที่ไร้ประโยชน์ได้รับการขัดเกลาภายในมิติลึกลับงั้นหรือ? นอกจากนี้ คนผู้นี้มิใช่ศิษย์ธรรมดาทั่วไป เขาเป็นลูกหลานของเหล่าขุนนางที่สามารถใช้เคล็ดวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้ เรื่องราวทั้งหมดแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ผู้ฝึกตนทั้งสี่งงงวยและเริ่มหดหู่
แม้ว่าพวกเขาจะแปลกใจ แต่เจ้าอ้วนมิได้คิดสิ่งใด แม้ว่าหัวของพยัคฆ์จะคาอยู่ในระฆัง แต่ทว่าพวกมันยังไม่ตาย มันกำลังดิ้นรนที่จะหนีอย่างรุนแรง และหากมันออกมาได้ เจ้าอ้วนจะไม่สามารถจัดการกับมันได้ เพราะมันคงไม่โง่ที่จะกระแทกกับระฆังเป็นครั้งที่สองแน่นอน
ดังนั้น เจ้าอ้วนไม่รีรอเขากระโดดขึ้นดาบบินและบินไปด้านบนของระฆัง เพียงสะบัดมือเพียงครั้ง เขาโยนลูกบอลสีทองออกไปสี่อัน ลูกบอลทั้งสี่พุ่งเข้าไปผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกตนทั้งสี่ไม่ประมาทเมื่อพบกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ มันร้ายแรงถึงขนาดที่ว่าสามารถคร่าชีวิตพวกเขาได้ แน่นอนว่าความสามารถของเจ้าอ้วนมีขีดจำกัด สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่เขาปรับแต่งขึ้นมายังไม่แข็งแกร่งพอ มันอาจจะเยี่ยมยอดเมื่อใช้กับผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน แต่สำหรับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิถือว่าเป็นความยากลำบาก
เหล่าผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั้งสี่คนเรียกอุปกรณ์วิเศษออกมาเพื่อป้องกันอย่างรวดเร็วและทำได้อย่างง่ายดาย
แต่ในขณะนี้ ใบหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนออกไปว่า
“บังอาจ!”
“หยุด!”
“ไม่!”
“ได้โปรดเมตตา!”
เมื่อเปิดสิ่งป้องกันออกมา พบว่าเจ้าอ้วนเพียงแค่ทำให้พวกเขาไขว้เขวเท่านั้น เจ้าอ้วนเพียงใช้สายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกมันเท่านั้น แต่ความจริงแล้วจุดมุ่งหมายของเขาคือเจ้าหนุ่มวัยยี่สิบปี ขณะผู้ฝึกตนทั้งสี่กำลังวุ่นวายกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอ้วนปลดปล่อยอสนีวารีขั้วลบสามลูกออกไป
อสนีวารีขั้วลบนั้นมีความโปร่งใสและไม่สามารถมองเห็นได้โดยง่าย บวกกับความจริงที่ว่าพวกเขาถูกสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์เล่นงานอยู่ เมื่อผู้ฝึกตนทั้งสี่เข้าใจเจตนาของเจ้าอ้วน อสนีวารีขั้วลบได้อยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มแล้ว
ณ ตอนนี้ พวกเขาไม่อยู่ในสภาพที่จะปกป้องได้ คนเดียวที่สามารถหยุดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้คือเจ้าอ้วนผู้เดียวเท่านั้น เจ้าของสายฟ้าจะสามารถหยุดการระเบิดได้ เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มตายตกไปอีกครั้ง ผู้ฝึกตนทั้งสี่พยายามตะโกนอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้เจ้าอ้วนหยุดมัน
แต่จะให้เจ้าอ้วนแสดงความเมตตาได้อย่างไร? ศพต่าง ๆ นอนเกลื่อนอยู่ภายในวัดที่เปรียบกับสรวงสวรรค์ถูกเปลี่ยนให้เป็นนรกเพียงไม่กี่ลมหายใจ ในตอนนี้เขามีโอกาสแล้ว เจ้าอ้วนไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเปล่งเสียงหัวเราะเยือกเย็นออกมาพร้อมกับจุดระเบิดของอสนีวารีขั้วลบทั้งสามทันที หลังจากที่มันระเบิด เด็กหนุ่มผู้น่าสงสารยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายตกเช่นไร ร่างกายของเขาระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที แม้ว่าอสนีวารีขั้วลบจะไม่รุนแรงเทียบเท่ากับสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ แต่ชายหนุ่มผู้นั้นมิได้ถืออุปกรณ์ป้องกันใด ๆ เขาได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากกว่าการตายในคราวก่อน ซึ่งคราวนั้นชิ้นส่วนของเขาอาจจะหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ในครั้งนี้เศษเนื้อของเขาถูกเป่าจนแหลกละเอียด
ละอองเลือดปลิวว่อนอยู่ในอากาศราวกับปุยเมฆ ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั้งสี่ยืนมองอย่างโง่งม!
สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ว่าผู้ที่ตายตกไปมิใช่คนธรรมดา เขาเป็นบุตรชายของผู้นำนิกาย หากไม่ใช่เช่นนั้น ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั้งสี่คนคงไม่เสียเวลามาอยู่ตรงนี้ ในครั้งสุดท้ายที่ชายหนุ่มถูกสังหาร พวกเขาทั้งสี่ถูกตำหนิว่าเหตุใดจึงไม่ปกป้องเขา คราวนี้พวกเขาทั้งสี่มาปกป้องเขาด้วยตนเอง แต่ชายหนุ่มกลับถูกสังหารโดยผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน ภายใต้จมูกของพวกเขาทั้งหมด! พวกเขาทั้งหมดจะกล้ากลับไปสู้หน้าของผู้นำนิกายได้อย่างไร?
ผู้นำนิกายไม่เพียงแต่จะไม่ให้อภัยพวกเขาทั้งหมด และพวกเขาก็ไม่มีวันยกโทษให้ตนเองได้เช่นกัน ถ้าหากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ผู้อื่นจะคิดเกี่ยวกับพวกเขาอย่างไร? ผู้ที่ถูกปกป้องโดยผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิถูกสังหารตายโดยผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นห้า การกระทำเช่นนี้ราวกับว่าพวกเขาทั้งหมดถูกตบหน้าอย่างแท้จริง! มันช่างน่าอับอาย ในตอนนี้พวกเขาอยากจะขุดหลุมฝังตนเองให้ตายตกไปกับเรื่องนี้จริง ๆ!
พวกเขาทั้งหมดถูกครอบงำด้วยความอัปยศเต็มหัวใจ ดวงตาของผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั้งสี่แปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที
ในขณะนั้นเจ้าอ้วนรีบเร่งกระโดดขึ้นดาบบินของตน และไม่ลืมเก็บระฆังยักษ์ด้วย เขาบินออกไปยังสถานที่ที่ชายหนุ่มผู้นั้นกลัวว่าเจ้าอ้วนจะไป นั่นคือสำนักเสวียนเทียน สำหรับพยัคฆ์ทั้งสองตัว เพราะว่าเจ้าของของมันตายตกไป เขาจึงกลายเป็นเจ้าของมัน เนื่องจากมันยังติดอยู่บนระฆัง เจ้าอ้วนเก็บมันเข้ามิติลึกลับไปพร้อมกับระฆังยักษ์
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนเริ่มหนีหลังจากสังหารนายน้อยของพวกตน พวกเขาทั้งหมดออกจากภวังค์และเริ่มเรียกดาบบินออกมาทันที อุปกรณ์วิเศษต่าง ๆ พร้อมทั้งยันต์ใช้โจมตีเจ้าอ้วนไม่ขาดสาย
นายน้อยของพวกเขาได้เสียชีวิตโดยที่ไม่เหลือแม้แต่เศษซากของวิญญาณ เหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นเพียงพอแล้วที่พวกเขาทั้งหมดจะไม่กล้าสู้หน้ากลับไปยังนิกาย หากผู้ที่กระทำผิดสามารถหลบหนีไปได้ ทางเลือกสุดท้ายของพวกเขาก็คงเป็นการฆ่าตัวตายให้พ้นจากเรื่องราวนี้ซะ…